“ไทกร” จับโกหก “นพเหล่” กลางจอทีวี หลังอ้ำอึ้งตอบไม่ได้เรื่องภาพเขตแดน “เขาพระวิหาร” ในอดีต สุดสลดศักยภาพการปกป้องดินแดนหมดสิ้น หลัง “หมัก” สั่ง ตร.ตระเวนชายแดน ถอยร่นชนเขามออีแดง ก่อนงัดมติ ครม.2505 ตบหน้า “รบ.หมัก” บิดเบือนข้อมูล อัดยับกลุ่มต้านพันธมิตรฯ สุดถ่อย ใช้ถุงปัสสาวะขว้างใส่
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 00.55 น.นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำอีสานกู้ชาติ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีเหตุปิดล้อมแกนนำพันธมิตรฯ ที่ จ.สกลนคร ว่า วันนี้ สมุนของพรรคพลังประชาชน แสดงพลังถ่อยเถื่อนอย่างเต็มที่ให้ประชาชนทั่วประเทศเห็นถึงธาตุแท้ของผู้ที่จะขับออกจากประเทศ โดยบรรยากาศที่ จ.สกลนคร นั้น กลุ่มต่อต้านได้ใช้หนังสติ๊ก ถุงน้ำปัสสาวะ ก้อนอิฐ และขวดกระทิงแดง ขว้างปาเข้าไปในที่ชุมนุมพันธมิตรฯ ตลอดเวลา โดยกลุ่มคนดังกล่าวเป็นกลุ่มเดียวกับที่ไปปิดล้อมตนที่ จ.นครพนม พร้อมกับตั้งเครื่องเสียงประจันหน้า แล้วด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
“ส่วนคนส่งเหล้า และส่งเงินให้กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นั้น ล้วนเป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งสิ้น คนเหล่านี้ไร้สติสัมปชัญญะ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าขณะนี้บ้านเมืองกำลังเผชิญอยู่กับโจรปล้นชาติ และทั้งหมดนี้เป็นการจัดเตรียมโดย นายเนวิน ชิดชอบ โดยเตรียมอันธพาลกว่า 300-400 คน ไปป่วนแกนนำพันธมิตรฯ ที่จะเดินทางไปปราศรัยทั่วพื้นที่ภาคอีสาน เพราะเขารู้ว่าถ้าภาคอีสานแตกเมื่อใด พรรคพลังประชาชน ก็จะอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น จึงขอปรบมือให้กับพันธมิตรฯ ภาคอีสาน และในเวลาอันใกล้นี้เรากำลังจะเป็นอิสระจากทรราชทักษิณแล้ว” นายไทกร กล่าว
นายไทกร กล่าวอีกว่า วันนี้ฟัง นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ทำดีที่สุดแล้ว และทำเพื่อประเทศชาติ ผ่านรายการตาสว่าง ซึ่งออกอากาศทางช่อง 9 โดยมีนายสัญญา คุณากร เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเอาภาพเขตแดนเขาพระวิหาร 2 ภาพ ขึ้นบนจอทีวี ภาพหนึ่งเป็นภาพเขตแดนของกัมพูชา ที่เริ่มดูแลปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะมีทางขึ้นจากผามออีแดง ไปจนถึงพลาญหิน จากนั้นจะเป็นบันไดขึ้นยาวไปอีกกว่า 200 เมตร ไปจนถึงลานภูเขาดาฟ้าด้านบน ทั้งนี้ แต่ก่อนชายแดนเขมรอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย แต่รัฐบาลทักษิณ กลับให้เขตแดนเขมรจากบันไดขั้นสุดท้ายไปจนด่านพลาญหิน แล้วยังมาบอกว่า เราไม่เสียดินแดนทับซ้อน ทั้งๆ ที่เขาพระวิหารอยู่ในดินแดนของไทยตลอดมา แต่ นายนพดล ดูภาพทั้ง 2 ภาพ แล้วโกหก ว่า ภาพแรกเป็นของชายแดนเขมรจริง แต่ภาพในอดีตที่อยู่บนสุดนั้น กลับบอกว่าไม่รู้ว่าถ่ายที่ไหน ทั้งๆ ที่เห็นภาพชัดๆ แต่ก็ยังโกหก
ส่วนมติ ครม.เมื่อปี พ.ศ.2505 เรื่องเขตแดนเขาพระวิหารนั้น นายไทกร กล่าวว่า มติดังกล่าว ไม่ใช่เขตแดนที่เขมร จะไปขอขึ้นปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะเขตแดนในอดีตมีแต่ตัวปราสาท ไม่ได้รวมบันไดซึ่งยาวกว่า 200 เมตร และนี่คือ เราเสียดินแดนไปแล้วส่วนหนึ่ง แล้วรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และกองทัพไทย อย่าเอาข้อมูลบิดเบือนไปบอกกับประชาชนอีกเป็นอันขาด เพราะเขาพระวิหารมีข้อมูลบันทึกเอาไว้ตลอด ที่สำคัญ เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของคนทั้งชาติ
นายไทกร ยังกล่าวถึง นายปองพล อดิเรกสาร ที่ไปเจรจาเพื่อจะเอาพื้นที่ที่เหลือทั้งหมดไปมอบให้กับยูเนสโก เพื่อเชิญให้ชาวต่างชาติอีก 6 ชาติ เข้ามาบริหารร่วมกับเขมรบนพื้นแผ่นดินไทย ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ นายนพดล จะยก นายปองพล เป็นผู้มีพระคุณสูงสุดอีกคนหนึ่ง โดนเรื่องดังกล่าวมีคนหลายคนที่รู้เรื่องจริง รวมทั้งตนที่ขึ้นเขาพระวิหารไปหลายต่อหลายครั้ง
“พล.อ.ปฐมพงษ์ ยืนยันชัดเจนที่บริเวณพระบรมรูปทรงม้า ว่า ถ้าเมื่อใดที่เขมรขึ้นทะเบียนเอาปราสาทเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก วันนั้นไทยสูญเสียอธิปไตยของชาติแน่นอน ซึ่งยังไม่นับเรื่องกองกำลังติดอาวุธแต่งชุดสีเขียว โดยติดธงสัญลักษณ์เขมร และใช้ปืนเอเค 47 เดินลาดตระเวนไปทั่วบริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งยังทำรั้วกั้นถาวร เพื่อไม่ให้คนไทยก้าวเข้าไปในพื้นที่เขาพระวิหาร แล้วอย่างนี้รัฐบาลสมัคร จะมาพูดได้อย่างไรว่าเราไม่เสียดินแดน”
โดยข้อเท็จจริง กองกำลังติดอาวุธ และชาวเขมร ออกมาซื้อข้าวปลาอาหารในประเทศไทยบริเวณ อ.กันทรลักษ์ โดยไม่ต้องใช้บัตรผ่านแดน นั่นแสดงว่า บริเวณเขาพระวิหารเป็นเขตปกครองอิสระ ที่ไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลไทย แล้วทำไมไม่เอาข้อเท็จจริงว่าเราถูกยึดครองพื้นที่ 3 พันกว่าไร่ ไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 แล้ว โดยเฉพาะบริเวณบ้านภูสลอน และเขาพระวิหาร บริเวณนั้นเต็มไปด้วยกองกำลังทหารติดอาวุธของเขมร แต่รัฐบาลสมัคร กลับสั่งให้เจ้าตำรวจตระเวนชายแดน กองกำลังสิงห์ดำ 214 ถอยร่นลงมาจนถึงเขามออีแดง แสดงว่า ศักยภาพในการปกป้องดินแดนของกองทัพไทยมันหมดสิ้นไปแล้ว
“ถัดออกไปยังช่องสะงำ ซึ่งมีเนิน 412 โดยทหารไทยไม่ยอมเสียเนินดังกล่าว กอดเสาธงยอมให้ทหารเขมรยิงตายโดยไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมาไม่ถึง 10 ปี วันนี้กองทัพไทยทำอะไรอยู่ ทำไมต้องถอยร่น หรือว่าพวกคุณถือหุ้นในบ่อนเขมร เลยกลัวว่าถ้าปิดชายแดนแล้วจะเสียรายได้จากบ่อน หรือว่า คุณผูกขาดการขนส่งน้ำมัน ขายเกลือ ขายผงชูรส ผ่านด่านชายแดน แสดงว่า สิ่งที่คนสำคัญในรัฐบาลไม่กล้าทำอะไรกับประเทศเขมร เพราะทุกคนล้วนมีผลประโยชน์ หากินกับทรราชในเขมรทั้งนั้น” นายไทกร กล่าว
นายไทกร กล่าวต่อว่า สรุปคือ สิ่งที่ทำให้เราเสียทั้งเกียรติยศ ดินแดน และอธิปไตยของชาติ เพราะนักการเมืองพรรคพลังประชาชนขายชาติ โดยหากินกับชาวเขมรทั้งนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ในแผ่นดินอีสานจะเดือด และลุกเป็นไฟ เพราะพี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะขับไล่รัฐบาลที่ขายแผ่นดินให้ออกไปจากภาคอีสาน
“ผมนั่งเครื่องบินกลับมา พบกับ ส.ส.คนหนึ่ง โดยเขาระบุว่า ไม่อยากให้พันธมิตรฯ ไปปราศรัยที่อีสาน เพราะถือว่าหยามหน้ากัน ผมจึงตอบกลับไปว่า ถึงจะต่อต้านกันมากขนาดไหน พวกเราไม่ยอม และจะเดินหน้าปราศรัยที่อีสานต่อไป เพราะพ่อแม่พี่น้องที่อีสานรู้แล้วว่า อะไรดี อะไรชั่ว ดังนั้น วันพรุ่งนี้ถ้าหากพี่น้องว่าง ก็ขอเชิญให้ไปที่กองปราบปราม บริเวณตรงข้ามเซ็นทรัล เพราะเราจะเริ่มแจ้งความดำเนินคดีอาญามาตรา 119 เพื่อเอาผิดกับผู้ใดก็ตามที่ทำให้เสียดินแดน และเสื่อมเสียอธิปไตยของชาติ เพื่อให้บุคคลเหล่านั้น ถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด” นายไทกร กล่าวทิ้งท้าย