“ข่าวหน้า 4” โวย “หมัก” ถอดรายการพ้นเอ็นบีที ดึงรายการ “ไข่แม้วดำ” เสียบ ไม่แจ้งล่วงหน้า ยันจัดรายการแบบมืออาชีพ ไมได้เข้าข้างใคร ยกสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น และการสื่อความหมายตามรัฐธรรมนูญ ขอจัดรายการต่อ เตรียมหาช่องทางใหม่ออกอากาศให้ได้
หลังจากที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศจะตอบโต้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทุกวัน โดยจะใช้เวลาของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ช่วง 22.00-23.00 น.โดย นายสมัคร ได้มอบหมายให้ นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มาจัดรายการแทน และใช้ชื่อรายการว่า “ความจริงวันนี้” ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้รายการ “ข่าวหน้า 4” ที่เคยออกอากาศช่วงเวลาดังกล่าวถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
ล่าสุด วันนี้ (22 ก.ค.) กองบรรณาธิการรายการ “ข่าวหน้า 4” ได้ออกแถลงการณ์ลงชื่อโดยนายอนันต์ อัศวนนท์ หรือ มดคันไฟ ในฐานะผู้ร่วมรายการ ความว่า “ตามที่ทีมงานกองบรรณาธิการ รายการ “ข่าวหน้า 4” ได้ร่วมกันจัดรายการ “ข่าวหน้า 4” ขึ้นทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น.ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน เป็นต้นมา
“วัตถุประสงค์ที่จัดรายการนี้ขึ้นมา เพื่อให้ข้อมูลข้าวสารอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมมากที่สุด สำหรับผู้ชมรายการ จะได้มุมมองข่าวต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกด้าน เพื่อดำรงจริยธรรมและคุณธรรมให้เกิดความถูกต้องและยุติธรรมของสื่อสารมวลชนที่พึงทำหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อสังคมในระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากทางรายการ “ข่าวหน้า 4” มองเห็นว่า บ้านเราขาดคนที่เป็นกลางเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาขัดแย้งทั้งหลายให้เกิดความสมานฉันท์ระหว่างคนในชาติ โดยให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนรอบด้านจากทั้งสองฝ่ายเพื่อใช้วิจารณญาณที่ถูกต้องของผู้ชมรายการ
“แต่เนื่องจากความตั้งใจในการทำงานให้เกิดผลโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับผู้ชมรายการอย่างแท้จริงไม่สามารถทำรายการ “ข่าวหน้า 4” ต่อไปได้ เพราะทางรัฐบาลโดยกรมประชาสัมพันธ์ได้ถอดรายการ “ข่าวหน้า 4” ออกตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2551 โดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า
“การถอดรายการ “ข่าวหน้า 4” ดังกล่าว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทางรัฐบาลโดยกรมประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องการให้ดำเนินรายการตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้
“กองบรรณาธิการรายการ “ข่าวหน้า 4” ขอยืนยันว่า พวกเรายังยืนยันเจตนารมณ์เดิม ที่จะทำรายการวิเคราะห์ข่าวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกันในสังคมที่กำลังแตกแยก และทีมงานจะทำรายการ “ข่าวหน้า 4” ต่อไป ตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์เดิม เพื่อให้ประชาชนผู้ชมรายการได้นำไปเป็นข้อคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมต่อไป ถ้าหากมีช่องทางที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวนี้ต่อไป ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 วรรค 1 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น วรรค 2 การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความ เสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน และวรรค 4 การห้ามหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วนหรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง
มาตรา 46 วรรค 3 การกระทำใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าของกิจการ อันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะของบุคคลตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและไม่มีผลใช้บังคับ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายหรือจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ
มาตรา 47 วรรค 1 คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ และวรรค 3 การดำเนินการตามวรรคสองต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติ และระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ ประโยชน์สาธารณะอื่น และการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งต้องจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ”
นายอนันต์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพิ่มเติมหลังถูกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีถอดรายการข่าวหน้า 4 ออกจากผังรายการแล้วนำรายการ “ความจริงวันนี้” ซึ่ง นายวีระ มุสิกพงศ์ เข้ามาจัดรายการแทน ว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าถึงการถอดผังรายการ และพวกตนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พวกตนก็จะจัดรายการนี้ต่อไป โดยกำลังหาช่องทางการเผยแพร่รายการอยู่ และจะแจ้งให้สังคมรับทราบต่อไป
เมื่อถามว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกฯ อ้างว่า ได้หารือกับบริษัท นิวส์ไทม์ เทเลวิชั่น ซึ่งเป็นเอกชนที่ร่วมผลติรายการกับเอ็นบีทีแล้วถึงการเปลี่ยนผังรายการ นายอนันต์กล่าวว่า ขอเรียนว่า พวกตนอยู่ในส่วนผลิตรายการ และแยกการทำงานด้านธุรกิจออกไปจึงไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ย้ำว่าจะจัดรายการนี้ต่อไปแน่นอน
เมื่อถามว่า แปลกใจกับการถอดผังรายการหรือไม่ เพราะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ก็มีการปรับผังรายการทันที นายอนันต์ กล่าวว่า ไม่ พวกตนอยู่ในวงการสื่อมวลชนมานาน ก็รู้ว่ามันต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ รายการนี้พวกตนทำอย่างเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด วิจารณ์ทุกฝ่ายตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า เรื่องนี้เป็นการแทรกแซงสื่อมวลชนหรือไม่ นายอนันต์ กล่าวว่า สมมติว่า รายการของพวกตนนั้นไม่เหมาะสมก็น่าจะบอกกันก่อนจะได้ปรับปรุงและชี้แจง แต่ครั้งนี้ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเลย พวกตนเป็นนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพไม่ได้เข้าข้างใคร แม้ตอนนี้ยังไม่มีช่องทางออกอากาศแต่ก็จะทำรายการนี้ต่อไป
อนึ่ง บ.นิวส์ไทม์ เทเลวิชั่น นั้นเป็นบริษัทจดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีกรรมการบริษัทคือ นายสุนทร ตั้งเขาทอง โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังรายการและบริษัทดังกล่าวคือ นายเผด็จ ภูรีปติภาน ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ เจ้าของนามปากกา "พญาไม้" และนายไพวงศ์ เตชะณรงค์ นักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งต่างมีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลทักษิณ