ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ สนทนาประสาสมัครว่าจะให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดรายการทางสถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น. เพื่อตอบโต้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ต่อมานายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุว่าทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯไม่สามารถจัดรายการดังกล่าวได้เพราะสถานีโทรทัศน์ NBT ติดสัญญากับบริษัทเอกชนที่ดำเนินรายการ ข่าวหน้า 4 ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าเป็นรายการของ นายเผด็จ ภูริปฏิภาณ พญาไม้ แต่จะมีรายการ ความจริงวันนี้ ที่จัดโดย นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ เอง ซึ่งจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียว PTV อยู่แล้ว มาจัดรายการแทน โดยอ้างว่าได้พูดคุยตกลงกับบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของรายการ ข่าวหน้า4
ล่าสุด นายอนันต์ อัศวนนท์ กองบรรณาธิการรายการ ข่าวหน้า 4 ได้ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่าไม่ได้ยินยอมให้ นายวีระ และพวกที่ยกรายการ ความจริงวันนี้ มายึดเวลารายการ ข่าวหน้า 4 ของทีมงานไปตามที่นายณัฐวุฒิ กล่าวอ้าง
แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ทีมงานกองบรรณาธิการรายการ ข่าวหน้า 4 ได้ร่วมกันจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT (ช่อง 11) เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันจันทร์- วันศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น. ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน เป็นต้นมา
วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลข้าวสารอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมมากที่สุด สำหรับผู้ชมรายการ จะได้มุมมองข่าวต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกด้าน เพื่อดำรงจริยธรรมและคุณธรรมให้เกิดความถูกต้องและยุติธรรมของสื่อสารมวลชน ที่พึงทำหน้าที่
แต่เนื่องจากความตั้งใจในการทำงานให้เกิดผลโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับผู้ชมรายการอย่างแท้จริงไม่สามารถทำรายการ ข่าวหน้า 4 ต่อไปได้ เพราะทางรัฐบาลโดยกรมประชาสัมพันธ์ได้ถอดรายการออกตั้งแต่วันที่ 21 กรกรฎาคม 2551 โดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า
การถอดรายการ ข่าวหน้า 4 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทางรัฐบาลโดยกรมประชาสัมพัธ์ ไม่ต้องการให้ดำเนินรายการตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้
กองบรรณาธิการรายการ ข่าวหน้า 4 ขอยืนยันว่า พวกเรายังยืนยันเจตนารมณ์เดิม ที่จะทำรายการวิเคราะห์ข่าวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกันในสังคมที่กำลังแตกแยก และทีมงานจะทำรายการ ข่าวหน้า 4 ต่อไป ถ้าหากมีช่องทางที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวนี้ต่อไป ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 วรรค 1 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น วรรค 2 การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฏหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความ เสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน
และวรรค 4 การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วนหรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฏหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง
มาตรา 46 วรรค 3 การกระทำใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าของกิจการ อันเป็นการขัดขวาง หรือแทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะของบุคคล ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และไม่มีผลใช้บังคับ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายหรือ จริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ
มาตรา 47 วรรค 1 คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ และวรรค 3 การดำเนินการตามวรรคสองต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ ประโยชน์สาธารณะอื่น และการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งต้องจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ
นายอนันต์ อัศวนนท์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ทีมงานรายการ ข่าวหน้า 4 ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าถึงการถอดผังรายการและพวกตนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะจัดรายการนี้ต่อไปโดยกำลังหาช่องทางการเผยแพร่รายการอยู่ และจะแจ้งให้สังคมรับทราบต่อไป
ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อ้างว่า ได้หารือกับ บริษัท นิวส์ไทม์ เทเลวิชั่น ซึ่งเป็นเอกชนที่ร่วมผลติรายการกับNTB แล้วถึงการเปลี่ยนผังรายการ นายอนันต์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า พวกตนอยู่ในส่วนผลิตรายการ และแยกการทำงานด้านธุรกิจ ออกไปจึงไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ย้ำว่าจะจัดรายการนี้ต่อไปแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าแปลกใจกับการถอดผังรายการหรือไม่ เพราะนาย สมัคร สุนทรเวช นายกฯกล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครก็มีการปรับผังรายการทันที นายอนันต์ กล่าวว่า ไม่ พวกตนอยู่ในวงการสื่อมวลชนมานานก็รู้ว่ามันต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ รายการนี้พวกตนทำอย่างเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด วิจารณ์ทุกฝ่ายตรงไปตรงมา
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นการแทรกแซงสื่อมวลชนหรือไม่ นายอนันต์กล่าวว่า สมมติว่ารายการของพวกตนไม่เหมาะสมก็น่าจะบอกกันก่อนจะได้ปรับปรุงและชี้แจง แต่ครั้งนี้ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเลย พวกตนเป็นนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพ ไม่ได้เข้าข้างใคร แม้ตอนนี้ยังไม่มีช่องทางออกอากาศ
ล่าสุด นายอนันต์ อัศวนนท์ กองบรรณาธิการรายการ ข่าวหน้า 4 ได้ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่าไม่ได้ยินยอมให้ นายวีระ และพวกที่ยกรายการ ความจริงวันนี้ มายึดเวลารายการ ข่าวหน้า 4 ของทีมงานไปตามที่นายณัฐวุฒิ กล่าวอ้าง
แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ทีมงานกองบรรณาธิการรายการ ข่าวหน้า 4 ได้ร่วมกันจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT (ช่อง 11) เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันจันทร์- วันศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น. ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน เป็นต้นมา
วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลข้าวสารอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมมากที่สุด สำหรับผู้ชมรายการ จะได้มุมมองข่าวต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกด้าน เพื่อดำรงจริยธรรมและคุณธรรมให้เกิดความถูกต้องและยุติธรรมของสื่อสารมวลชน ที่พึงทำหน้าที่
แต่เนื่องจากความตั้งใจในการทำงานให้เกิดผลโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับผู้ชมรายการอย่างแท้จริงไม่สามารถทำรายการ ข่าวหน้า 4 ต่อไปได้ เพราะทางรัฐบาลโดยกรมประชาสัมพันธ์ได้ถอดรายการออกตั้งแต่วันที่ 21 กรกรฎาคม 2551 โดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า
การถอดรายการ ข่าวหน้า 4 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทางรัฐบาลโดยกรมประชาสัมพัธ์ ไม่ต้องการให้ดำเนินรายการตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้
กองบรรณาธิการรายการ ข่าวหน้า 4 ขอยืนยันว่า พวกเรายังยืนยันเจตนารมณ์เดิม ที่จะทำรายการวิเคราะห์ข่าวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกันในสังคมที่กำลังแตกแยก และทีมงานจะทำรายการ ข่าวหน้า 4 ต่อไป ถ้าหากมีช่องทางที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวนี้ต่อไป ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 วรรค 1 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น วรรค 2 การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฏหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความ เสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน
และวรรค 4 การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วนหรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฏหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง
มาตรา 46 วรรค 3 การกระทำใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าของกิจการ อันเป็นการขัดขวาง หรือแทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะของบุคคล ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และไม่มีผลใช้บังคับ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายหรือ จริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ
มาตรา 47 วรรค 1 คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ และวรรค 3 การดำเนินการตามวรรคสองต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ ประโยชน์สาธารณะอื่น และการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งต้องจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ
นายอนันต์ อัศวนนท์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ทีมงานรายการ ข่าวหน้า 4 ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าถึงการถอดผังรายการและพวกตนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะจัดรายการนี้ต่อไปโดยกำลังหาช่องทางการเผยแพร่รายการอยู่ และจะแจ้งให้สังคมรับทราบต่อไป
ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อ้างว่า ได้หารือกับ บริษัท นิวส์ไทม์ เทเลวิชั่น ซึ่งเป็นเอกชนที่ร่วมผลติรายการกับNTB แล้วถึงการเปลี่ยนผังรายการ นายอนันต์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า พวกตนอยู่ในส่วนผลิตรายการ และแยกการทำงานด้านธุรกิจ ออกไปจึงไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ย้ำว่าจะจัดรายการนี้ต่อไปแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าแปลกใจกับการถอดผังรายการหรือไม่ เพราะนาย สมัคร สุนทรเวช นายกฯกล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครก็มีการปรับผังรายการทันที นายอนันต์ กล่าวว่า ไม่ พวกตนอยู่ในวงการสื่อมวลชนมานานก็รู้ว่ามันต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ รายการนี้พวกตนทำอย่างเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด วิจารณ์ทุกฝ่ายตรงไปตรงมา
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นการแทรกแซงสื่อมวลชนหรือไม่ นายอนันต์กล่าวว่า สมมติว่ารายการของพวกตนไม่เหมาะสมก็น่าจะบอกกันก่อนจะได้ปรับปรุงและชี้แจง แต่ครั้งนี้ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเลย พวกตนเป็นนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพ ไม่ได้เข้าข้างใคร แม้ตอนนี้ยังไม่มีช่องทางออกอากาศ