ส.ว.ลงพื้นที่สำรวจ “พระวิหาร” พร้อมฟังบรรยายสรุป “ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ” เผยชาวบ้านทั้งสองฝ่ายยังเข้าใจกันดี ขณะเดียวกัน คนไทยหลายหมู่บ้านบริเวณตะเข็บชายแดนเริ่มฝึกอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง ด้าน “คำนูณ” เผยวุฒิสภาอาจตั้ง กมธ.ศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ พร้อมเสนอให้รื้อบ้านเรือนของชาวกัมพูชาออกจนกว่าจะปักปันเขตแดนเสร็จ ด้านนักวิชาการเสนอเตรียมแผนป้องกันเขมรรุกล้ำสระตราว-บาราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ค.) คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา นำโดย ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต รองประธาน กมธ.พร้อมคณะ ส.ว.รวม 9 คน และนายศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ได้เดินทางลงพื้นที่เขาพระวิหาร โดยก่อนลงสำรวจพื้นที่ได้รับฟังการบรรยายสถานการณ์ในพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ จากนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
โดยนายเสนีย์ บรรยายตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ชาวไทยและกัมพูชายังเข้าใจกันดี แต่บริเวณตะเข็บชายแดนชาวไทยหลายหมู่บ้านได้ทำการฝึกอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง โดยภายหลังการปิดด่านพระวิหาร ตนได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา เพื่อถามสาเหตุในการปิดด่านและขอเจรจาเพื่อเปิดด่าน ซึ่งโดยผู้ว่าฯ ตอบกลับมาว่าจำเป็นปิดด่านเพื่อป้องกันความปลอดภัย และตอนนี้ยังไม่พร้อมเจรจาจนกว่าจะถึงเดือนธันวาคมนี้
นายเสนีย์ กล่าวว่า ส่วนคนไทย 3 คนที่เข้าไปในพื้นที่จนถูกทหารกัมพูชาจับตัวนั้นไม่ได้รุกล้ำไปในพื้นที่กัมพูชา เพราะถือว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ไทยตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2505 แต่ชาวกัมพูชาเข้าใจผิดว่าเป็นพื้นที่ของตัวเอง เมื่อทหารกัมพูชาพบเห็นจึงจับตัวคนไทย โดยตนได้แนะนำให้คนไทยไปแจ้งความที่สถานีตำรวจดูบาลู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชี้แจง นายเสนีย์ได้ฉายวิดีทัศน์พร้อมกับบรรยายสถานการณ์ ที่มีการนำแผนที่ของมติ ครม.วันที่ 17 มิถุนายนมาแสดงด้วย ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ทักท้วงว่า แผนที่ดังกล่าวไม่ใช่แผนที่ที่ยึดตามมติ ครม.2505 แต่เป็นแผนที่ของกัมพูชา ที่ทำขึ้นเพื่อไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก และกระทรวงการต่างประเทศไทยได้นำมายึดตามแบบ ทำให้นายเสนีย์ชี้แจงว่า มติ ครม.มีความประหลาด เพราะความจริงแล้วการออกมติ ครม.จะต้องมีแผนที่แนบท้ายด้วย แต่คราวนี้กลับไม่มี ดังนั้น ในฐานะผู้ปฏิบัติจึงต้องยึดตามข้อมูลกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นของราชการ
นายศรีศักร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องแผนที่เคยมีการประชุมกับ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ ว่าเป็นความผิดพลาดของกรมแผนที่ และกระทรวงการต่างประเทศ โดยทหารที่ร่วมประชุมด้วยบอกว่าแผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่จริง แต่เป็นแผนปฏิบัติการเท่านั้น
นายเสนีย์ กล่าวว่า มีความเข้าใจผิดว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ในที่นี้ ตนเรียกว่าเป็นพื้นที่ไทย แต่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนชัดเจน โดยมีหลักปักปันที่ 1 อยู่ที่ช่องชะงำ และมีหลักที่ 73 อยู่ที่คลองหาดเล็ก แต่มีหลักปักปันหายไปถึง 20 หลัก ซึ่งในอนาคตต้องมีการเจรจาเพื่อปักปันเขตแดนต่อไป เชื่อว่าแต่ละหลักจะใช้เวลาเป็นสิบปี อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ไม่ทราบว่าพื้นที่เป็นของใครอย่างชัดเจนนั้น ข้อตกลงระหว่างประเทศกำหนดว่าห้ามมีการดัดแปลงสภาพภูมิประเทศทุกอย่าง แต่เมื่อปี 2541 มีชาวบ้านกัมพูชากลับเข้ามาสร้างบ้าน ซึ่งทราบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษในขณะนั้นได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงต่างประเทศเพื่อให้ประสานไปยังกัมพูชาให้ย้ายคนกัมพูชาออกไป แต่เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมาก็มีชาวกัมพูชาอพยพเข้ามามากขึ้น จนถึงขณะนี้มีประมาณ 130 หลังคาเรือน จากที่เป็นเพิงหมาแหงนก็กลายเป็นที่อยู่ถาวรมากขึ้น และกำลังสร้างวัดแก้วศิขเรศวร
นายเสนีย์ กล่าวต่อว่า ขอให้ในพื้นที่เตรียมแผนป้องกันการรุกเข้ามาบริเวณสระตราว และบาราย เพราะจุดนี้จะถือเป็นการยึดเมือง ส่วนนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เสนอว่า วุฒิสภาอาจมีการตั้ง กมธ.วิสามัญ เพื่อมาศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเสนอให้รื้อบ้านเรือนของชาวกัมพูชาบริเวณนั้นออกไป จนกว่าจะปักปันเขตแดนแล้วเสร็จ