ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีพื้นที่ “ปราสาทพระวิหาร” ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ การส่งจดหมายถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อให้รัฐบาลไทยดำเนินการเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดตามแนวชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหารและเรียกร้องให้ถอนกำลังทหารไทยที่เข้าประจำการในบริเวณดังกล่าวราว 400 คนออกไปโดยด่วนของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา
ประกอบกับ กรณีที่รัฐบาลกัมพูชาได้ร้องเรียนต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กรณีข้อพิพาททางดินแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย โดยระบุว่าการที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในสังคมไทย ทำให้ทหารไทยบุกขึ้นไปยึดพื้นที่ของกัมพูชา รวมไปถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชา ทางการกัมพูชาเชิญเจ้าหน้าที่สถานทูต 4 ประเทศ คือ สหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศส และเวียดนาม ซึ่งล้วนเป็นมิตรประเทศใกล้ชิดที่สุด มีผลประโยชน์มากที่สุดในกัมพูชา นอกจากนั้น 3 ประเทศยังเป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีก 1 ประเทศ เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ในปีนี้ไปดูสถานการณ์ที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ประเทศไทยมีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการสูญเสียดินแดนครั้งใหญ่ในรอบเกือบศตวรรษ โดยประเทศไทยไม่เพียงต้องสูญเสียปราสาทพระวิหารให้แก่ประเทศกัมพูชาในฐานะมรดกโลก แต่อาจจะต้องสูญเสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหารที่กินพื้นที่ราว 4.6 ตารางกิโลเมตรไปตลอดกาลด้วย
ณ สถานการณ์ปัจจุบัน คนไทยทั้งมวลนอกจากจะต้องเอาใจช่วยกองทัพไทยและทหารหาญทั้งหลายที่กำลังตั้งโต๊ะเจรจาและเคลื่อนพลเข้าปกป้องดินแดนของบรรพบุรุษและลูกหลานแล้ว มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องถามหาความรับผิดชอบจากคนจำนวนหนึ่งที่มีบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรง โดยคนกลุ่มนี้เคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้ด้วยว่า การที่ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียน “ปราสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลกนั้นจะไม่ทำให้ไทยสูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว
อย่าให้คำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงแค่การผายลมที่เมื่อผายออกมาแล้วผู้พูดไม่ต้องรับผิดชอบ!
1.นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
“การขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวประสาทจะช่วยให้ไม่มีปัญหาเรื่องการขอขึ้นทะเบียนพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเป็นมรดกโลก ก็คือ มันจะไม่กระทบเข้ามาในประเทศที่ประเทศไทยอ้างสิทธิทับซ้อนทำให้ไม่มีการเสียผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และไทยสามารถรักษาสิทธิทางเขตแดนไว้ได้อย่างสมบูรณ์” - - - นายนพดล ปัทมะ 24 พฤษภาคม 2551
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายนพดล ปัทมะ แถลงข่าวยืนยันประเทศไทยไม่สูญเสียดินแดนกรณีกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2551
อ่านข่าว :
- “นพดล” อ้างเขมรถอยขึ้นทะเบียนเฉพาะปราสาท-ไม่เสียดินแดน (24 พ.ค.)
- “นพเหล่” ท่องคาถาไม่เสียดินแดนเขาพระวิหาร อ้างถือแผนที่คนละฉบับ (19 มิ.ย.)
2.นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
“มันไม่ใช่ นั่นตกลงในที่ของเขา ไม่ใช่เรื่องของเราเลยนะ ไม่ใช่ที่ของเรา แล้วก็ไม่ได้เข้ามาตรา 190 อะไรเลย เรื่องของเขา เพียงแต่บอกว่ามีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ เราไม่เห็นด้วยถ้าเขาจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปด้วย เขาก็อยากจะขึ้นทะเบียนของเขา เขาก็ไปพูดกันที่โน่น เจรจากัน 12 ชั่วโมง ก็ตกลงกันเรียบร้อยว่าขึ้นเฉพาะตัวปราสาท คราวนี้ผมอธิบายด้วยปากเปล่าโดยไม่ต้องเอาแผนท่งแผนที่มากาง ทหารเขาก็ไปดูครับ เจ้ากรมแผนที่ทหารไปดูหมด ก็ตกลงว่า ตัวที่ของเขาในเขตแดนของเขา ขีดขอบเป็นพารามิเตอร์รอบๆ วันนั้นเขาใส่มาสีชมพู แปลว่าขีดขอบปราสาทอันนั้น ขีดขอบเอาแค่ตัวปราสาท ก็อยู่ในที่เขา ขีดขอบเขตของเขานั่นล่ะครับ แล้วก็ตกลงว่าขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท ก็ของๆ เขา อยู่ในนั้นของเขา ขึ้นทะเบียน ตกลง ถ้าเผื่ออย่างนี้ได้ไม่มีปัญหา แล้วพื้นที่ทับซ้อนเขาก็บอกว่า 2 ปีค่อยเจรจากัน ภายใน 2 ปีน่ะ เจรจาคือยังไง คือไอ้ที่ทับซ้อนที่มีคนเขมรเข้ามาตั้งแต่ พ.ศ.43 นั่นน่ะ ตั้งบ้านตั้งวัดอะไรตรงนั้น พ.ศ.43 ครับ รัฐบาลไหนก็ไม่ทราบ 2543 ไปนับดูก็แล้วกัน”
“ก็เขาเข้ามาอยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร แล้วก็อยู่มาตรงนั้น นี่ล่ะครับ คราวนี้ ภายใน 2 ปีนี้จะต้องเอาตรงนั้นออกไป เพราะเป็นพื้นที่ทับซ้อน ทั้งหมดมีเท่านี้เท่านั้นเองครับ เขาก็ไปตกลงว่า โอเค ถ้าอย่างนี้ขึ้นทะเบียน วันที่ 5 กรกฎาคมนี้ เขาจะขึ้นทะเบียนที่ควิเบก แคนาดา ก็เขาขึ้นทะเบียนปราสาทที่อยู่ในเขตของเขาน่ะครับ มันไม่มีสนธิสัญญาอะไรเกี่ยวข้องอะไรกันเลย เราทักท้วงเพราะว่าจะเอาพื้นที่รอบปราสาท เขียนมาด้วย บอกไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้ อย่างนี้มันทับซ้อน ก็เจรจาอยู่พื้นที่ทับซ้อน เราก็ท้วง แล้วก็ท้วงสำเร็จ แปลว่าพื้นที่ทับซ้อนไม่เอาไปขึ้น ขึ้นเฉพาะตัวปราสาท คำว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ยังมีอีกว่า ชายแดนที่ยังเจรจาไม่เสร็จ ยังเถียงกันตรงไหน ก็เป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องถือ รอบเขาพระวิหารมีอยู่ 4 กิโลเมตร ก็ยังต้องเจรจาต่อ รวมทั้งไอ้ในทะเลที่เอามาด่ากันเนี่ย ในทะเลเป็นกี่พันตารางกิโลเมตร ก็สุดแท้แต่ ทับซ้อนกันอยู่ ก็ไม่เจรจา ไม่เจรจานะครับ ทิ้งไว้อย่างนั้น เพราะว่าเขาพระวิหารก็ยังไม่เจรจา ชายแดนก็ไม่เจรจา พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมดไม่มีการเจรจา”
“แล้วเพื่อเขา ก็เอาของเขาในที่ของเขา ขอบเขตเรียบร้อยนั่นล่ะครับ ไปขึ้นทะเบียน ก็ตกลงกันเท่านี้เอง เขาก็แถลงการณ์ร่วม ว่าตกลงถ้าเผื่อเขมรจะเอาเฉพาะรอบๆ ตรงนั้น เราก็ไม่ขัดข้อง เขาก็เรียก Joint Communique ฝรั่งเศสนะครับ มันไม่ใช่สนธิสัญญาอะไรนี่ครับ ตกลงว่าโอเค ที่ของเขานะครับ เพราะฉะนั้น อยู่ดีๆ เอามาปลุกระดม เอาไปนั่นกัน นายกฯ ทักษิณ เกิดไปตีกอล์ฟกับฮุน เซน บอกว่าจะแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนอะไรล่ะครับ ฟ้องคดีอยู่ในศาลนะครับ เป็นทำนองว่ารัฐบาลนี้เอาเขาพระวิหารไปยกให้เขมร เพื่อจะแลกเปลี่ยนไปขุดน้ำมัน น้ำมันก็ไม่ได้ขุด แลกก็ไม่ได้แลก เพราะมันของๆ เขา เราน่ะทำหน้าที่รัฐบาลนี้ทักท้วง เอาล่ะ จะเอาเรื่องไม่ไว้ใจรัฐมนตรีนพดล คือพูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง แม่ทัพนายกองออกมา ผู้บัญชาการทหารบกออกมา ท่านกรมสนธิสัญญาฯ ออกมา เจ้ากรมแผนที่ออกมา เขายืนยันชัดเจนว่ามันขอบเขตของเขา ที่ของเขาเท่านั้น ไม่มีพื้นที่เรา ไม่เคยเสียอะไรไปทั้งนั้น ก็ยังไม่ฟัง ปลุกระดมกัน ได้ระดับไหน ขนาดผู้หญิงตัดเสื้อชุดละหมื่นนั่นล่ะครับ โหย แสดงอาการ บอกไม่ได้เลย ฉันจะต้องไปร่วมชุมนุม จะเสียเขาพระวิหารไปฉันยอมตาย ยอมเสียชีวิต มันอะไรกันขนาดนี้ล่ะครับเนี่ย”
“การปลุกระดมถึงได้ผลขนาดนั้นเชียวเหรอครับ ทำไมคนเราเกิดอาการรักชาติกันขึ้นมาจะเป็นจะตาย แล้วทำไมล่ะครับ ก่อนหน้านี้ถ้าเขมรไม่ขึ้นทะเบียนก็อยู่กันมาต่อไป อยู่กันไปอีก 50 ปี ก็อาจจะอยู่อย่างนี้อีก 50 ปีต่อไปข้างหน้า เขาอยากจะเอาหน้าเอาตา เขาจะขึ้นทะเบียน ก็บ้านเราก็ขึ้นทะเบียนในแผ่นดินของเรา เขาก็ขึ้นทะเบียนก็เป็นแผ่นดินของเขา แล้วมันอะไรกัน มันอะไรกันนักหนาถึงอย่างนี้ ผมอธิบายให้ฟังชัดเจนแล้ว ผมต้องรับผิดชอบในหัวหน้ารัฐบาล จะไปเกลียดแค้น ชิงชัง ไม่ชอบ รัฐมนตรีฯ นพดล รัฐมนตรีฯ นพดล เคยเป็นทนายให้นายกฯ ทักษิณในอดีต ทุกอย่างมันจบสิ้นไปหมดแล้ว มันไปโยงใย มันไปแลกเปลี่ยนอะไรล่ะครับ” - - - นายสมัคร สุนทรเวช ในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ 22 มิถุนายน 2551
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "สนทนาประสาสมัคร" 22 มิถุนายน 2551
อ่านข่าว :
- คำต่อคำ “หมัก” การันตี “เขาพระวิหาร” ของกัมพูชา-หมิ่นพันธมิตรฯแก๊งข้างถนน (22 มิ.ย.)
3.นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทย ไปลงนามความร่วมมือเกี่ยวกับเขาพระวิหารกับรัฐบาลกัมพูชา ว่า ก่อนการลงนามคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นชอบแล้ว การลงนามเป็นเพราะมีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนที่ไทยคัดค้านในครั้งแรกจึงต้องลงนามร่วมกัน ถือว่าไม่เข้าข่ายมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติว่ากรณีสัญญา หรือข้อตกลงที่มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขต ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ในกรณีดังกล่าวต้องฟังคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี พ.ศ.2505 และกรณีนี้ไทยไม่เสียดินแดน
อ่านข่าว :
- “หุ่นเชิด” ท่องคาถาไม่เสียดินแดน เขาพระวิหาร โยงประเด็นการเมือง (24 มิ.ย.)
- “ลูกกรอก” ชิ่งหนีพระวิหารโยนบัวแก้วแจง โทษสื่อปลุกรักชาติ (8 ก.ค.)
4.นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
“เมื่อปีที่ผ่านแล้ว กัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร รวมกับพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเราก็ไปเจรจาจนเหลือแต่ตัวปราสาท จึงชัดเจนว่าไม่รุกล้ำมาในดินแดนไทย คณะกรรมการมรดกโลกก็เป็นพยาน และยืนยันว่าไม่รุกล้ำเข้ามา” - - - นายปองพล อดิเรกสาร 12 กรกฎาคม 2551
อ่านข่าว :
- “ปองพล” โร่แจง ปชป. ปากแข็งไม่เสียดินแดน อ้างไทยแตกแยกต่อรองยาก (12 ก.ค.)
ข้าราชการที่ยืนยันว่า “ปราสาทพระวิหาร” เป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศกัมพูชาโดยสมบูรณ์ และ การขึ้นปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกไม่กระทบต่อพื้นที่ทับซ้อน
5.นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ
6.พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร
7.นายเพ็ญศักดิ์ ชลารักษ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
“ข้อความที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมมีอยู่ 5 ข้อหลักๆ ข้อแรกคือ ไทยจะสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ตามพื้นที่ในแผนผังแนบท้าย ซึ่งอย่างที่ทราบว่าทางกัมพูชาได้ไปเปลี่ยนพื้นที่แผนผังว่าจะขึ้นทะเบียนเฉพาะบริเวณปราสาท และอย่างที่ท่านรัฐมนตรี และทุกท่านได้แถลงไปแล้ว และทางกรมแผนที่ทหารได้ตรวจสอบแล้วว่า พื้นที่ที่เขาจะเอาไปขึ้นทะเบียนก็อยู่ในดินแดนของกัมพูชา ที่ไทยได้ส่งมอบคืนให้กัมพูชาไปแล้วตามคำพิพากษาของศาลโลก” - - - นายกฤต ไกรจิตติ 23 มิถุนายน 2551
คลิกที่นี่เพื่อฟังรายการ ถามจริง-ตอบตรง ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที วันที่ 23 มิถุนายน 2551
อ่านข่าว :
- “เนทีวี” ขนสารพัดหน่วยงาน แก้ต่างให้ “หุ่นเชิด” กรณีพระวิหาร (23 มิ.ย.)
คลิกอ่านข้อมูล ข่าวและบทความเกี่ยวกับกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร