อดีตรอง ผอ.กอ.รมน.แฉมีนายทหารระดับบิ๊กหวังผลการเมือง อยู่เบื้องหลังจัดฉากแถลงข่าวหยุดยิงเผยแพร่ มั่นใจเป็นไปไม่ได้สงบศึกโดยไม่มีเงื่อนไข ชี้ตัวผู้แถลงไม่ใช่ของจริงแค่แนวร่วมหางแถว
วันนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์กับรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงแถลงการณ์หยุดยิงของกลุ่มใต้ดินรวมในภาคใต้ของประเทศไทยว่า ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เพราะเท่าที่ตรวจสอบชื่อกลุ่มนี้ไม่มีในสารบบในโจรก่อการร้ายในภาคใต้ รวมทั้งตัวบุคคลก็ไม่มีใครรู้จัก อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าคนที่พูดเป็นภาษาไทย คือ นายมะรีเป็ง คาน ซึ่งเป็น 132 คนไทยที่อพยพหนีไปอยู่ที่มาเลเซีย
ส่วนแผนลึกๆ ในการที่กลุ่มดังกล่าวมาขอออกทีวี พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนยังงงว่าเขาออกมายังไง เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่สารบบ อีกทั้งถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริงเขาควรต้องบอกชื่อและสถานะของเขาในกลุ่มว่ามีฐานะอะไร อีกอย่างที่เป็นไปไม่ได้คือปัญหาภาคใต้เกิดมา 100 ปี แต่จู่จะมายุติโดยไม่มีเงื่อนไขเลยนั้นยังไม่เคยมีในประวัติศาสตร์โลกนี้เลย ตนจึงมองไม่ออกว่าเขาต้องการอะไร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่แน่ๆ
เมื่อถามว่าเขาอาจจะตลบหลังด้วยการกลับมาเป็นแกนนำอีกครั้ง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า มันคงไม่ได้ เพราะจากการตรวจสอบจากสายข่าวในภาคใต้นั้นนายมะรีเป็ง คานก็ไม่ได้มีบทบาท แต่เป็นเพียงแนวร่วมเล็กๆ คนหนึงเท่านั้น ดังนั้น ถ้าจะยุติบทบาทควรจะมีระดับแกนนำกลุ่มใหญ่ๆ อาทิ ประธานกลุ่มเบอร์ซาตู อย่างนายกาเดร์ เจ๊ะมาน ที่ต้องออกมาถึงจะเชื่อได้ ดังนั้น 3 คนที่มานั่งแถลงโนเนมจริงๆ
เมื่อถามว่ามีข่าวว่า 3 คนนี้เคยขอเจรจาออกทีวีกับรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ได้ข่าว แต่ไม่ทราบว่ากลุ่มไหน
เมื่อถามว่าเราถูกหลอกอยู่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะพูดเพราะถ้าพูดแล้วจะแรงไป แต่ตนคิดว่าที่ พล.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหมออกมาอย่างนี้ต้องชมเชยที่ต้องการจะยุติปัญหาภาคใต้ แต่ตนคิดว่าไม่นาจะเป็นไปได้ เพราะข้อมูลท่านอาจจะคลาดเคลื่อนก็ได้
“วันนี้ทั้งกลุ่มพูโล และบีเอ็นอาร์โคออร์ดิเนต ที่เป็น 2 ขบวนการใหญ่มากก็ออกมาปฏิเสธแล้ว มันก็ชัดว่าไม่ใช่” พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่าอาจจะมีการตกลงอะไรลึกๆ แต่ไม่เป็นที่เปิดเผยหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตกลงยังไงก็ไม่ได้ เพราะว่าวันนี้มันชัดว่า 2 ขบวนการใหญ่ในพื้นที่แถลงปฏิเสธ
เมื่อถามว่ามองยังไงกับการออกมาของ พล.อ.เชษฐาในช่วงของการปรับครม. พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่อยากก้าวล่วงถึงเรื่องการเมือง มองว่า พล.อ.เชษฐาหวังดีแต่ข้อมูลไม่สมบูรณ์
เมื่อถามว่าเบื้องหลังของพล.อ.เชษฐามีใครสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ที่รู้ๆ ก็ยังไม่พูดอะไร แต่มีนายทหารระดับบิ๊กอีกท่านหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งท่านนั้นหวังผลทางการเมือง
เมื่อถามว่ามองประเทศยังไงกับกรณีเขาพระวิหารและสถานการณ์ใต้แบบนี้ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นเวรกรรมจริงๆ ที่ประดังเข้ามาสารพัดเรื่องที่เป็นเรื่องที่รุนแรงทั้งนั้น ทั้งที่ประเทศจะอยู่อย่างมั่นคงและสันติสุข ซึ่งทุกคนคงไม่สบายใจ เหมือนตนแม้จะเป็นทหารแก่ที่นั่งดูอยู่ก็ไม่สบายใจ
“ผมอยากเตือนผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้ การทำอะไรเกี่ยวกับอธิปไตยและผืนแผ่นดินไทยจะต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ทำกันแบบง่ายๆแบบนี้ เพราะว่าคนไทยทุกคน รวมทั้งพวกผมที่เป็นทหารตั้งแต่เป็นนักเรียนในร้อย ก่อนจะนอนเราจะประกาศเสมอว่าเราจะรักษามรดกของพระองค์ท่านไว้ด้วยเลือดต่อหน้าพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 และเราก็ประกาศเสมอว่าเราจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่ขณะนี้มันก็อยู่ในสภาพที่มันจะเสียจริงๆ เพราะฉะนั้นผมอยากฝากผู้มีอำนาจทุกคนว่าเรื่องนี้ต้องคำนึงถึง เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของคนไทยครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอธิปไตย ผืนแผ่นดินและเกียรติภูมิของคนไทยที่บรรพบุรุษเราสะสมมานาน เอาเลือดเนื้อเอาชีวิตเข้าแลกมาจนถึงทุกวันนี้”พล.อ.พัลลภ กล่าว
พล.อ.พัลลภ กล่าวถึงรัฐบาลว่า รัฐบาลก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบในผลได้ผลเสียที่จะไปเจรจาอะไรต่อมิอะไร อย่างกรณีเขาพระวิหารเราก็รู้อยู่แล้วว่าที่เขาทำไปนั้นผิดขั้นตอนทางรัฐธรรมนูญ ส่วนฝ่ายทหารกรณีเขาพระวิหารนั้นทหารมีหน้าที่ในการป้องกันอธิปไตยและดินแดนของประเทศอยู่แล้ว วันนี้จึงทำถูกต้องแล้วที่นำกำลังไปตรึงเอาไว้ในพื้นที่ของเราไม่ให้อีกฝ่ายลุกล้ำเข้ามา
เมื่อถามถึงโอกาสที่คนไทยจะมีการกระทบกระทั่งกันที่บริเวณเขาพระวิหาร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ก็อยู่ที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมรับกันได้ขนาดไหน ถ้าเรายืนยันว่าอันนี้เป็นดินแดนของเราและทางนั้นเขาก็ยืนยันว่าเป็นของเขา ถ้าตกลงกันไม่ได้โอกาสที่จะปะทะกันก็มีสูง แต่ทั้งนี้ถ้าพูดถึงประชาชนเราเหนือกว่าเยอะ และกำลังรบเราสูงมากกว่าเยอะเช่นกัน