อดีต สนช.ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แฉ “อีหน่อย” ระบอบแม้ว จัดฉากให้ “นายหน้าค้าสงคราม” ประกาศหยุดยิงผ่านจอทีวีทหาร หวังสร้างกระแสฮีโร่ ปูทาง “บิ๊กเหวียง” นั่งเก้าอี้นายกฯ ขณะที่ “บิ๊กป้อม”ผู้อยู่เบื้องหลังเทปฉาว อาจได้ดีคัมแบ็กกองทัพคุมกลาโหมสมใจอยาก
เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม เวลา 22.30 น.นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นปราศรัยบนเวที โดยระบุพลันที่ภาพข่าวการประกาศหยุดยิงของ นายลุกมาน อิสการดา โฆษกขบวนการพูโลเก่า ปรากฏทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยอ้างว่าเป็นกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย มีคำถามว่า ภาพข่าวที่ปรากฏต่อสายตาประชาชนเป็นความจริงแค่ไหน เป็นเรื่องหวังผลทางการเมืองของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หรือไม่
นายประพันธ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ภาพข่าวนั้นขาดความน่าเชื่อถือ มาจากตัวแทนของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทยที่ถูกนำออกทีวีครั้งนี้คือ นายลุกมาน อดีตเป็นสมาชิกพูโลเก่า โดยตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ได้พยายามอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม และเคลื่อนไหวเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่างๆ ต่อรัฐบาลไทยมาโดยตลอด จนได้ฉายาจากวงการข่าวความมั่นคงว่า นายหน้าค้าสงคราม ดังนั้นการเอา นายลุกมาน มาเป็นตัวแทนกลุ่มใต้ดิน เพื่อประกาศให้แนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้หยุดยิง จึงขาดน้ำหนักแห่งความเชื่อถือ
นอกจากนายประพันธ์ จะไม่เชื่อมั่นแล้ว ยังมีความคลางแคลงใจต่อไปอีกว่า หลังการเสียชีวิตของ ตวนกูบีรอ ตอกอนีรอ ประธานขบวนการพูโลเก่าเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการอัดเทปเพื่อนำมาออกอากาศแสดงเจตนารมณ์ของ นายลุกมาน ที่ตั้งตนเป็นผู้นำกลุ่มใต้ดินยุติการต่อสู้ด้วยกำลังและอาวุธครั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีความเป็นไปได้ว่า นอกจากเป็นเรื่องการเมืองในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นเรื่องการเมืองของขบวนการพูโลเก่า ในการแย่งชิงตำแหน่งประธานด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีการประชุมและเกิดความขัดแย้งกันในกลุ่มสมาชิกระดับนำ และเป็นไปได้ว่า นายลุกมาน ฉวยโอกาสนี้ประกาศตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มใต้ดิน เพื่อก้าวสู่ตำแหน่งประธานขบวนการพูโลเก่าคนต่อไป
ขณะเดียวกัน นายประพันธ์ ยังเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุเป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2547 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ตัวแทนของขบวนการผู่ก่อความไม่สงบ ไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ไม่ปฏิเสธและไม่ตอบรับในข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการก่อความไม่สงบเพื่อแบ่งแยกดินแดนแม้แต่ครั้งเดียว และที่สำคัญแนวร่วมในพื้นที่ ต่างไม่ยอมรับแกนนำของขบวนการพูโลเก่าในการชี้นำ
ดังนั้นการที่รัฐบาลและกองทัพไม่ออกมาแถลงข่าวในเรื่องนี้ เป็นเพราะรัฐบาลและกองทัพเองยังไม่เชื่อว่า นายลุกมาน เป็นผู้ที่มีอำนาจในการสั่งการให้แนวร่วมในพื้นที่หยุดก่อความไม่สงบได้จริง ฉะนั้นหากเรื่องที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร นำมาเปิดแถลงแล้วไม่เป็นไปตามนั้น รัฐบาลและกองทัพก็ไม่เกิดความเสียหาย แต่เป็นความเสียหายส่วนตัวของ พล.อ.เชษฐา และคณะเพียงฝ่ายเดียว แต่หากเรื่องที่มีการแถลงเกิดเป็นความจริงขึ้นมา พล.อ.เชษฐา จะกลายเป็นฮีโร่ชั่วข้ามคืน
“มีการระบุกันว่าระบอบทักษิณอยู่เบื้องหลังแผนการจัดฉากในครั้งนี้ โดยหวังกดดันให้นายสมัคร พ้นจากตำแหน่ง วางแผนสร้างความชอบธรรมปูทางให้ พล.อ.เชษฐา ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน โดยวางตัว พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม ซึ่งตัวการใหญ่ที่บ่งการเรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนๆ นั้นคือ อีหน่อย บุคคลที่กำลังมีบทบาทสำคัญต่อระบอบทักษิณในปัจจุบันนี้นั่นเอง”นายประพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย