อดีตแกนนำ “ม็อบไข่แม้ว” ด่ากราด พันธมิตรฯ – ธรรมยาตรา ไปทวงคืนปราสาทพระวิหาร แค่หวังนำมาเป็นชนวนโค่นล้มรัฐบาล อ้างคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้ต่างชาติมองว่าไทยเป็นชาติอันธพาล – ป้อง “บิ๊กเหวียง” ทำเรื่อง กลุ่มใต้ดินฯ เพราะหวังดีกว่าประเทศชาติ ถือเป็นการโยนหินถามทาง ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
วานนี้ (18 ก.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศผ่านทางดาวเทียมของช่องเอ็มวีทีวี ดำเนินรายการโดย 4 อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน
เนื้อหาหลักในรายการ ผู้ดำเนินการได้กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา จัดให้มีการแพร่ภาพของ “กลุ่มใต้ดินรวมในภาคใต้ของประเทศไทย” ประกาศหยุดยิงในพื้นที่ภาคใต้ว่า การกระทำดังกล่าวของ พล.อ.เชษฐา ถือเป็นการกระทำที่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งแม้เรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากให้มีการตำหนิ พล.อ.เชษฐา เพราะอย่างน้อยการกระทำดังกล่าว ก็ถือเป็นการโยนหินถามทาง เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป คิดเสียว่าดีกว่านั่งอยู่เฉย ๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย
อีกทั้งจากการที่หลายฝ่ายตรวจสอบแล้ว ก็พบว่า หนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ปรากฎในแถลงการณ์นั้น ก็เป็นหนึ่งในอดีตสมาชิกที่มีบทบาทในกลุ่มพูโลเก่าอยู่เหมือนกัน ดังนั้นพวกตนจึงเชื่อว่า คนอย่าง พล.อ.เชษฐา ก็คงไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมันถึงขนาดจะไปคุยกับคนที่ไม่มีบทบาทเอาเสียเลย อย่างน้อยก็ยังเป็นคนที่มีบทบาทในการก่อการร้ายอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างที่ พล.อ.เชษฐา บอก
นอกจากนี้ยังได้กล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มธรรมยาทตรา ที่พยายามไปเรียกร้องเรียกร้องทวงคืนเขาพระวิหารว่า พวกตนรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งกับนายกรัฐมนตรีที่ด่าว่า กลุ่มธรรมยาทตราที่พยายามปีนรั้วเข้าไปที่เขาพระวิหารเพื่อนั่งสมาธิว่า เป็นพวกคนบ้า เพราะพวกตนคิดว่าคนปกติ คงไม่ทำเรื่องอย่างนี้แน่ เพราะการไปนั่งสมาธิจะนั่งที่ไหนก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องปีนข้ามรั้วไปนั่งที่ปราสาทเขาพระวิหารเลย ดังนั้นพวกตนจึงมองว่า คนกลุ่มนี้คงได้รับการสนับสนุนมาจากกลุ่มพันธมิตรฯ ให้มากระทำการเช่นนี้ โดยหวังให้เป็นเรื่องของน้ำผึ้งหยดเดียว ที่เมื่อพวกตนโดนจับตัวไปแล้วอย่างไรเสีย ทหารก็ต้องไม่ยอม ต้องออกมาชิงตัวคืนแล้วเกิดการต่อสู้กัน จนเกิดเป็นเหตุการณ์ลุกลามใหญ่โต เรียกได้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะทำได้ทุกวิถีทางเพื่อนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเสียหายอย่างไร
แต่ทั้งนี้พวกตนก็ต้องเสียใจด้วยที่การกระทำดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ประสบผล เพราะรัฐบาล และทหาร มีสติพอที่จะใช้แนวทางเจรจากันโดยสันติได้ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง และยังมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ที่ยังสามารถพูดคุยกันได้โดยสันติ อีกทั้งยังอยากจะบอกกลุ่มที่พยายามไปเรียกร้องทวงคืนเขาพระวิหารด้วยว่า คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะชาวบ้านอำเภอ กันทรลักษ์ เขาไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำในครั้งนี้ เพราะจะเห็นได้ว่า ชาวบ้านบริเวณนั้นเขาก็ยอมรับว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา และก็อยู่มาได้กว่า 40 ปี โดยไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหามันมาเกิดก็ตอนที่พันธมิตรฯ เข้ามาวุ่นวายนี้เอง
อีกทั้งยังขอเตือนด้วยว่า การกระทำของพันธมิตรฯ และธรรมยาทตราในครั้งนี้ จะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ เนื่องจากต่างชาติเขาก็รับรู้แล้ว ว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ตามคำสั่งของศาลโลก ดังนั้นหากไทยยังไปเรียกร้องอีก ก็จะทำให้ถูกมองได้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่อันธพาล ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก