รองโฆษก พลังประชาชน “ศุภชัย ใจสมุทร” แจงผ่าน NBT ยื่นถอดถอน 61 ส.ส.-ส.ว. หวังให้ทุกฝ่ายเห็นว่า รธน.50 ปิดกั้นนักการเมือง อ้าง ปชป.ในใจก็ทุกรนทุราย อยากแก้เหมือนกันแต่ยังไม่กล้า ไม่หยุดเหิมเตรียมยื่นถอดถอน กกต.-ป.ป.ช. อ้างเกิดขึ้นจาก รธน.ไม่ชอบธรรม
วานนี้ (18 ก.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ในรายการ ถามจริง-ตอบตรง ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินรายการโดย นายจอม เพชรประดับ ถึงกรณีที่ตนได้ไปยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. ขอให้ตรวจสอบการสิ้นสุดสมาชิกภาพ ความเป็น ส.ส. 28 รายและ ส.ว. 33 ราย ว่า สาเหตุที่ตนต้องไปยื่นก็เนื่องจากบุคคลทั้งหมดกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 โดยถือครองหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม และมาตรา 265 ที่ระบุห้าม ส.ส.และ ส.ว. เข้ารับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเข้าไปเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งจะมีผลทำให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 106 และสมาชิกภาพความเป็น ส.ว.ตามมาตรา 119 ของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้สิ่งที่ตนทำก็ทำไปเพื่อเรียกร้องความถูกต้องให้เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะกลั่นแกล้งใคร อีกทั้งยังอยากให้การดำเนินการครั้งนี้ ได้เป็นการชี้ให้เห็นได้ว่า แท้จริงแล้ว รธน.50 นั้นมีหลายมาตราที่ปิดกั้นการทำงานของนักการเมือง โดยห้ามไม่ให้ถือหุ้นในบริษัทสื่อสาร รวมถึงรับสัมปทานจากราชการ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบมาก เพราะนักการเมืองหลายคนก็ย่อมมีกิจการอื่น ๆ อยู่ ซึ่งหากจะเอาผิดกันจริง ๆ นักการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นนายก อบต. นายก อบจ. จะไปมีหุ้นส่วนในบริษัทรถสองแถวเล็ก ๆ ที่ไปรับสัมปทานจากรัฐก็ไม่ได้แล้ว ดังนั้นตนมองว่า นักการเมืองไทยคงจะไม่เหลืออยู่เลย หากยังมี รธน.50 อยู่
ต่อคำถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นนักการเมืองเช่นกัน แต่ทำไมจึงดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ที่จะต้องเร่งแก้ไข รธน.อย่างพรรคพลังประชาชนเลย นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คงเป็นพวกคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง ทั้งที่จริงในใจก็คงทุรนทุรายอยู่เหมือนกันเพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกเท่านั้นเพราะเคยพูดต่อต้านการแก้ไขมามากแล้ว
ทั้งนี้ตนจึงมองว่าเรื่องการแก้ไข รธน.นี้ แท้จริงแล้วหลายฝ่ายก็เห็นด้วยว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะบ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้อย่างไรถ้ากติกายังบิดเบี้ยวอย่างนี้ แต่ที่ยังมีการต่อต้านอยู่ก็เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างมีมิจฉาทิฐิกันอยู่ จึงยังไม่ยอมสนับสนุนให้มีการแก้ไข
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากเรื่องที่ตนยื่นถอดถอน ส.ส.และส.ว. แล้วตนยังเตรียมจะยื่นถอดถอนองค์กรอิสระ ตาม รธน.มาตรา 248 ด้วย โดยเหตุผลที่ว่าองค์กรอิสระบางแห่งหน่วย กกต.หรือ ป.ป.ช. นั้นมีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะทั้ง ป.ป.ช. และ กกต. นั้นมีที่มาจาก รธน.ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะดำเนินงานต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อเท็จจริง ที่ทางพรรคต้องการชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้องค์อิสระเหล่านั้นจะทำงานมาได้ระยะหนึ่ง แต่เมื่อประชาชนมองเห็นแล้วว่ามีที่มาไม่ถูกต้อง เรื่องดังกล่าวจึงต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง“เมื่อท่านมาจาก รธน.ที่ไม่ถูกต้อง เปรียบเสมือนพวกท่านคลอดมาจากแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเมื่อท่านเกิดมาท่านก็อัปลักษณ์”