“นพ.พลเดช ปิ่นประทีป” อัด “หมัก” คิดสลายการชุมนุมถือเป็นเรื่องน่าตำหนิ ยันพันธมิตรฯ ชุมนุมได้ รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ไล่-“ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” แจง รณรงค์ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช่ให้เลิกชุมนุม ยกย่องพันธมิตรฯ ไปชุมนุมอดหลับอดนอน ถือว่าจริงจังทำ เพราะรักบ้านเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ถามจริง-ตอบตรง
วานนี้ (2 มิ.ย.) นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ให้สัมภาษณ์ในรายการถามจริงตอบตรง ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินรายการโดย นายจอม เพชรประดับ ถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวในวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่า จะสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การออกมากล่าวของนายกรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องที่น่าตำหนิ ในฐานะที่เป็นถึงผู้นำประเทศ ตนถือว่า สอบตก เพราะการใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวและยั่วยุเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับผู้นำประเทศ อีกทั้งตนมองว่า การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนสามารถทำได้ รัฐบาลไม่ควรใช้ความรุนแรง หรือท่าทียั่วยุใด เพราะตราบใดที่พันธมิตรฯ ยังชุมนุมอยู่ในขอบเขตของ รธน.ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถึงแม้พันธมิตรฯ จะเพิ่มข้อเรียกร้องขึ้นมาอีก ก็เป็นสิทธิ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ สามารถทำได้ ส่วนจะเรียกร้องประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่พันธมิตรฯ จะต้องรับผิดชอบเอง
ส่วนทางออกของเรื่องนี้ ตนเห็นว่า รัฐบาลควรเร่งรัด กระบวนการทางด้านตุลาการในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ควรมีการดำเนินการได้เร็วกว่านี้ ถึงจะทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งการแก้ไข รธน.ก็ไม่ควรที่จะรีบร้อนควรจะชะลอ เวลาออกไปก่อน เพื่อให้มีการศึกษาการบังคับใช้ให้มากกว่านี้ เช่นอีกสัก 2 ปี แล้วจึงค่อยพูดคุยกัน โดยอาจจะตั้ง ส.ส.ร.3 ซึ่งหากถึงตอนนั้นสถานการณ์ก็คงคลี่คลาย และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินสองพันล้านทำประชามติด้วยซ้ำ
ด้านนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะแกนนำเครือข่ายประชาธิปไตย เห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง กล่าวถึงแนวคิดในการก่อตั้งเครือข่าย ที่เพิ่งมีการแถลงข่าวเปิดตัวไปในวานนี้ ว่า มาจากการที่มีการพูดคุยกับอาจารย์และนักศึกษา มีความเห็นว่า เราไม่อยากเห็นบ้านเมืองของเราใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เพราะการมีความคิดเห็นต่างกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถทำได้ แต่ไม่ควรจะใช้ความรุนแรง โดยใช้สัญลักษณ์เป็นสีขาว เนื่องจากสีขาวเป็นสีที่บริสุทธิ์ ไม่ได้อยู่ข้างไหน เมื่อไปผสมกับสีใดแล้วก็จะทำให้สีนั้นๆ อ่อนลง ทางเครือข่ายจึงอยากให้คนที่มีความคิดตรงกับเรา คือไม่ต้องการเห็นความรุนแรง โดยสัญลักษณ์ของกลุ่มก็คือใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์ดังนั้นหากใครมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับกลุ่มเรา ก็อาจจะใส่เสื้อสีขาวหรือผูกริบบิ้นสีขาวเพื่อเป็นการแสงดจุดยืนร่วมกันกับกลุ่มเรา
การเรียกร้องของกลุ่มเราว่าให้ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ได้หมายความว่า ให้พันธมิตรฯ เลิกชุมนุม เพราะการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ และรัฐบาลก็ไม่มีสิทธิ์ไปสลายการชุมนุม เพียงแต่เราอยากเรียกร้องว่า ไม่ว่าแต่ละฝ่ายจะมีความคิดเห็นต่างกัน อย่างไรก็ตาม อย่าใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะรัฐบาล เพราะการที่ประชาชนปะทะกัน อย่างมากก็แค่หัวร้างข้างแตก แต่ถ้ารัฐบาลเป็นฝ่ายกระทำให้เกิดเหตุความรุนแรง ความสูญเสียมันจะมากถึงขั้นเสียชีวิต และโดยความรู้สึกส่วนตัวแล้วตนก็รู้สึกชื่นชมพันธมิตรฯ ที่มีความจริงจังในการเรียกร้อง
“ผมว่าจริงๆ แล้วพันธมิตรฯ เขาก็น่าเห็นใจนะ เพราะผมคิดว่าเขาเป็นผู้ซึ่งมีความตั้งใจ และก็เห็นความเอาจริงเอาจังไปอดหลับอดนอนไปอยู่กันตรงนั้นซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ทำเพราะความรักบ้านรักเมือง”ดร.ปริญญากล่าว
ขณะที่ นายสมชาย หอมลออ เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนที่สามารถทำได้ตาม รธน.ดังนั้น หากคนในฝ่ายรัฐบาลคนใดก็แล้วแต่ที่ออกมาขัดขวางในเรื่องนี้คงไม่ ตนคิดว่าคงไม่ได้รับการยอมรับหรือสนับสนุนจาก ประชาชนได้ ส่วนเรื่องของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ คิดว่าปัญหาหลักๆ เกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนเดียว ที่ถูกมองว่าพรรคพลังประชาชนต้องการแก้ รธน.เพื่อช่วยให้เขาพ้นผิด ดังนั้น เรื่องนี้เราควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่าพยายามรีบร้อนแก้ไข รธน.ในตอนนี้จะดีกว่า ซึ่ง นายสมัคร ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องคุมลูกพรรคให้ทำตามให้ได้
“ผมอยากจะแนะนำนายสมัคร ว่าในขณะนี้นายสมัครเอง ยังไม่สามารถควบคุม ส.ส.ในพรรคของตัวเองได้ ดังนั้น หากอยากจะคุม ส.ส.ได้นายสมัคร ก็ต้องฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ แล้วเอาความเห็นของคนส่วนใหญ่ไปเป็นพลังของตัวเองในการคุม ส.ส” นายสมชายกล่าว