“สุเทพ” ดักคอ “พลังแม้ว” ร้อง กกต.ป่วนถือหุ้นอ้างเหตุแก้ รธน.

“สุเทพ” เตรียมขายทิ้งหุ้นหวั่นตกเป็นขี้ปากรัฐบาล ยอมขาดทุนยืนยันแจ้ง ป.ป.ช.แล้ว เชื่อลูกกรอกหาเหตุป่วน เพื่อสร้างสถานการณ์บ้านเมืองให้วุ่นวายหวังโยนบาปให้ รธน.และใช้เป็นข้ออ้างในการแก้ไข

วันนี้ (15 ก.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้สอบสวน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.ที่ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐและรัฐวิสาหกิจว่า เราต้องอดทนกับการขยันสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาลที่มีเจตนาทำให้ประชาชนเห็นว่าทุกอย่างวุ่นวาย ทำให้รัฐบาลบริหารราชการไม่ได้ โดยมีต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญ จึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรณีนี้ ตนเห็นว่าการที่พรรคพลังประชาชนออกมาพูดโดยหยิบยกและมุ่งเป้ามาที่เรื่องหุ้นของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.ล้วนเป็นหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ตามปกติที่ใครก็ซื้อขายได้

“บังเอิญที่ผมโชคร้ายราคาหุ้นที่ถือนั้นราคาตก จึงไม่ได้ขายทิ้งและค้างเก็บไว้ แต่ผมได้แจ้งหุ้นดังกล่าวในการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว ซึ่งถ้าหุ้นราคาดีขึ้น ผมก็จะขายออกไป ขาดทุนก็ช่าง ดีกว่าเป็นขี้ปากของฝ่ายรัฐบาล” นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าได้มีการตรวจสอบหรือไม่ว่าหุ้นที่ถืออยู่นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบทางกฎหมาย เพราะติดงานประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค แต่จากนี้จะมีการหารือกับผู้รู้ทางกฎหมาย เพราะมี ส.ส.ของพรรคหลายที่เกิดกรณีเช่นเดียวกับตน และเชื่อว่าถ้าเรื่องนี้ถูกส่งไปถึงศาล ศาลก็คงจะดูเจตนา เพราะหุ้นแค่ 4-5 หมื่นบาท และตนไม่ได้เป็นกรรมการบริหารบริษัท ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงในบริษัท และเป็นหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

ต่อข้อถามว่ายังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด และถ้ากรณีการถือหุ้นนั้นรัฐธรรมนูญบอกว่าตนผิด ก็ยอมรับผิด ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าผิดแล้วต้องไปโทษรัฐธรรมนูญ แบบนี้ถือใช้ไม่ได้

“พวกเขาไม่ใช่ผู้พิพากษา ไม่ใช่ศาล และวันนี้ถ้าพวกเขาพูดอะไรมา ประชาชนอย่าไปเชื่อถือ เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นกลับไปกลับมา ผมยืนยันว่ามีกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ได้ แต่คงไม่ถึงขั้นต้องตั้งคณะทำงานมาพิสูจน์เรื่องนี้ แต่จะปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายเพื่อขอความเห็นทางกฎหมาย ทั้งนี้ ผมคิดว่าเจตนาเป็นเรื่องสำคัญกว่าความผิดหรือความถูกในทางกฎหมาย” นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าจะถือว่าเป็นการตายน้ำตื้นหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ตายน้ำตื้นอย่างที่พวกเขาคาดหวัง เมื่อถามต่อว่าพรรคจะตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ส.พรรคพลังประชาชนด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ทำเช่นนั้น เพราะไม่อยากเสียเวลากับคนพวกนั้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีหน้าที่ในการวินิจฉัยก็ยังมีอยู่ ซึ่งเราก็เคารพกระบวนการดังกล่าวและจะไม่เข้าไปแทรกแซง