“สุริยะใส” มั่นใจ “พันธมิตรฯ” ชนะแน่นอน เหตุเพราะภายในเดือน ก.ค.นี้ ศาลจ่ออ่านคำพิพากษาคดี “หมัก” ย้ำชัด พปช.สูญพันธุ์แน่ หากศาลตอกย้ำ “คดียงยุทธ” โดนใบแดง ยัน “ตุลาการ” ชี้ศาลต้องทำหน้าที่ให้เท่าทันสถานการณ์ ช่วยแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ (2 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีความสำเร็จของการชุมนุม 39 วันว่า ถ้าจะว่าไปแล้วเราเหมือนตำรวจที่ตามจับผู้ร้ายไปขึ้นศาล ซึ่งสามารถส่งผู้รายบางคนเข้าคุกได้แล้ว โดยยังมีบางคนที่พยายามจะขัดขืน และดื้อแพ่ง ไม่ยอมเข้าคุก โดยแกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่ามีคดีความสำคัญจากหลายๆ ศาล ซึ่งต้องถือว่ากระพริบตาไม่ได้ โดยเฉพาะในเดือนนี้
นอกจากเราที่เป็นทหารเสือพระราชา พระราชินี แต่เรายังทำงานแทนตำรวจ เพราะเขาเหล่านั้นอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองที่ฉ้อฉล และคาดหวังไม่ได้ ดังนั้น วันนี้เราจึงต้องอาสามาอดหลับอดนอนเพื่อจะเอาคนพวกนั้นมาขึ้นศาล ที่สำคัญในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะอ่านคำพิพากษากรณีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งมั่นใจว่าเรามีโอกาสชนะสูงมาก และถ้าสมมติว่าศาลฎีกาฯ ตอกย้ำให้ใบแดงเช่นเดียวกับ กกต.ก็จะทำให้กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 47 คน มีสิทธิถูกเว้นวรรค 5 ปีเช่นกัน เพราะกฎหมายมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชาชนอยากแก้ไข เมื่อนายยงยุทธ เป็นกรรมการบริหารพรรคแล้วโดนใบแดง กกต.ต้องตั้งอนุกรรมการสอบยุบพรรค ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่อัยการสูงสุด แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
“พี่น้องต้องจำไว้ให้ดีว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ ความอยุติธรรมอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นหลักของเรา คือ ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมมีความชัดเจน ส่วนประเด็นที่ 2 คือ ในวันอังคารที่ 9 มิ.ย.นั้น ศาลจะวินิจฉัยกรณีสถานภาพของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินของภรรยาซึ่งมีหุ้นในบริษัทแห่งหนึ่งเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ โดยก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลไปแล้วว่าคุณสมบัติของนายไชยา นั้น พ้นสภาพไปแล้ว แต่ก็ไม่ยอมลาออก จนกระทั่ง ส.ว.รวบรวมรายชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายไชยา พ้นคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่
ประเด็นสำคัญ คือ นายไชยาไม่ใช่แค่รัฐมนตรีธรรมดา แต่เป็นรัฐมนตรีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฝากผีฝากไข้ไว้หลายเรื่อง ซึ่งมีหลายเรื่องที่หลายคนมองข้าม เพราะนายไชยาเป็นนักการเมืองที่ทำงานมวลชนเป็น ซึ่งมวลชนจัดตั้งหลายส่วนถ้านายเนวิน ชิดชอบ ทำงานไม่ทัน นายไชยาก็จะหนุนเสริม โดยเฉพาะมวลชน นปก.ที่ท้องสนามหลวง ฉะนั้นก็ได้แต่หวังว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่านายไชยา พ้นคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ก็ควรที่จะหันหลังให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นขอปรบมือล่วงหน้าให้กับศาลรัฐธรรมนูญ”
ส่วนคดีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า คดีซึ่งนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งความคดีอาญาให้ดำเนินคดีกับนายสมัคร ซึ่งศาลอ่านคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้นายสมัคร ใช้สิทธิอุทธรณ์ แล้วทราบมาว่าโอกาสที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ก็จะทำให้คุณสมบัติของนายสมัคร หมดลงทันที นอกจากนี้ยังมีคำพิพากษาในเร็วๆ นี้ กรณีการจัดรายการชิมไปบ่นไป เพราะประเด็นดังกล่าว นายสมัคร ไปให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่งว่าได้รับเงินเดือนจากรายการดังกล่าวเดือนละ 80,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คนที่มีตำแหน่งนายกฯ เขาห้ามไม่ให้รับเงิน หรือเป็นคู่สัญญาจ้างกับบริษัทเอกชน ฉะนั้นคดีดังกล่าวภายในปลายเดือน ก.ค.นี้จะได้คำตอบว่านายสมัคร จะพ้นจากตำแหน่งหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีคดีหนึ่งที่มีความสำคัญมาก คือ กรณีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ มีปัญหาคล้ายๆ กับคดีของนายไชยา แต่แจ้งความจำนงว่าจะเข้าให้การกับศาลรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้า จึงต้องรอว่าคดีของนายวิรุฬ กับคดีของนายสมัคร อาจจะตัดสินไล่ๆ กัน ซึ่งทำนายล่วงหน้าได้เลยว่า บุคคลทั้ง 3-4 คน พ้นสภาพจากความเป็นรัฐมนตรีอย่างแน่นอน และอีกไม่นานนี้คดีของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนายบรรพจน์ ดามาพงษ์ ซึ่งซื้อขายหุ้นเลี่ยงภาษี โดยกรณีดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองไต่สวนมานานแล้ว และได้รับคำยืนยันจาก คตส.บางคนว่า ไม่เกินปลายเดือน ก.ค.นี้ ศาลจะอ่านคำพิพากษา ที่สำคัญแหล่งข่าวจากฝ่ายตุลาการ เห็นว่าทางที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดนั้น ศาลจะต้องทำหน้าที่อย่างเท่าทันสถานการณ์
