นายแก้วสรร อติโพธิ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะเลขานุการ คตส. และนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. ร่วมแถลงสรุปผลงานการทำหน้าที่ของ คตส. ตลอดระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน โดยจะหมดอายุการทำงานในวันนี้ (30 มิ.ย.) และเตรียมส่งมอบงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ต่อไป
นายแก้วสรร กล่าวว่า คตส.ได้ทำหน้าที่สิ้นสุดแล้ว และได้ทำบันทึกการรับ และส่งงานตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ระหว่าง นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. กับนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. โดยจะส่งมอบให้ ป.ป.ช.ในวันนี้ ในบันทึกดังกล่าวได้สรุปผลงานการตรวจสอบ และการไต่สวนของ คตส.ทั้งสิ้น 24 เรื่อง จำนวน 14 แฟ้ม โดยแบ่งออกเป็นเรื่องที่ คตส.สรุปส่งฟ้องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ 4 คดี คือ 1. การซื้อที่ดินย่านรัชดาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ที่มีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 2. คดี โครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 3-2 ตัว หรือหวยบนดิน 3. คดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร และ 4. คดีการปล่อยกู้เงินให้รัฐบาลพม่า ของธนาคารส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า(เอ็กซิมแบงก์ ) ซึ่งคตส.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง
สำหรับเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด มีจำนวน 7 เรื่อง คือ 1. คดีเจ้าพนักงานกรมสรรพากรปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ซื้อขายหุ้นจากบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในการตอบข้อหารือการเสียภาษีว่าไม่ต้องจ่าย 2. คดีการจัดซื้อจัดจ้างสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ 3. คดีการทุจริตจัดจ้างวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในสนามบินสุวรรณภูมิ
4. คดีกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทำความผิดเนื่องจากคงถือไว้ซึ่งหุ้นธุรกิจสัมปทานและใช้อำนาจหน้าที่แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต 5.คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อโดยมิชอบให้บริษัทกฤษฎามหานคร
6. คดีคดีบ้านเอื้ออาทรในส่วนของ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับพวก เรียกรับสินบนในโครงการบ้านเอื้ออาทรและ 7. คดี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรัพย์สินจากธุรกิจชินคอร์ปอเรชั่นโดยมิสมควร หรือมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ โดยเรื่องนี้ตอนแรกเราดีใจที่อัยการสูงสุดเปลี่ยนท่าทีจะดำเนินฟ้องให้ คตส. แต่ล่าสุดอัยการได้ตอบมาว่า ไม่สามารถส่งฟ้องได้เพราะมีข้อไม่สมบูรณ์ โดยทั้งหมดนี้ต้องให้ ป.ป.ช. ตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการ หากไม่สามารถตกลงกันได้ป.ป.ช. สามารถอาศัยอำนาจตามกฎหมายสั่งการดำเนินการฟ้องศาลให้ คตส.ต่อไป
นายแก้วสรร กล่าวว่าสำหรับคดี คตส.ไต่สวนเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างรอสั่งสำนวน มีทั้งสิ้น 6 เรื่อง 1. กรณีนายวัฒนากับพวกใช้อำนาจหน้าที่อนุมัติหน่วยก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร และจ่ายเงินล่วงหน้าโดยทุจริต 2.กรณีนางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กับพวกขายที่ดินและรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร ร่มเกล้า-บางพลี โดยทุจริต
3.กรณีการเคหะฯรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร อรัญประเทศโดยทุจริต 4. กรณีการเคหะฯรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร กบินทร์บุรี 2 โดยทุจริต 5. กรณีโครงการขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิงค์) และ 6. กรณีการทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ซึ่งทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีเวลาจำกัดในการพิจารณาและมีเรื่องที่ซับซ้อนจึงส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีคดีที่ คตส.ยังไม่สามารถสรุปผลการไต่สวนให้แล้วเสร็จ 2 เรื่อง คือ 1 . คดีการจัดจ้างก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารหรือเซ็นทรัลแล็บ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเนื่องจากคดีนี้มีความซับซ้อนมาก พยานและผู้เกี่ยวข้องกว่าร้อยปาก ซึ่งเพิ่งจะสอบปากคำและชี้แจงเสร็จจึงไม่สามารถสรุปสำนวนได้ จึงส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสานต่อ และ
2.กรณีการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ โดย คตส.อยู่ระหว่างการไต่สวนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เอาเงินจากไหนไปซื้อ และอยู่ระหว่างการรอคำตอบจากต่างประเทศ ซึ่ง คตส.ได้ส่งให้ป.ป.ช.ไปสานต่อ ซึ่งในส่วนนี้ คตส.ได้ให้อนุกรรมการดำเนินการไต่สวนอยู่ระหว่างการชี้แจง แต่ยังไม่ลุล่วงถึงขั้นสรุปเสนอต่อ คตส.ได้ ป.ป.ช.จึงต้องดำเนินการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนใหม่ เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยให้ถือตามสำนวนและพยานหลักฐานเดิมทุกประการ
เลขานุการ คตส. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ยังมีเรื่องที่ คตส.เสนอให้ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ปรากฏจากการตรวจสอบหรือไต่สวนกรณีต่างๆ โดยที่ คตส.เห็นว่ามีมูลเพียงพอ จึงเสนอให้ป.ป.ช.พิจารณาว่ามีมูลควรกล่าวหาและไต่สวนผู้เกี่ยวข้องต่อไปอีกจำนวน 5 เรื่อง คือ 1.กรณีองค์การโทรศัพท์ แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินให้แก่บริษัทเอไอเอส โดยมิชอบ ซึ่งในส่วนนี้มีพฤติการณ์ต้องสงสัย ทั้งผู้บริหารและคณะกรรมการในขณะนั้น ซึ่ง คตส.ได้พบหลักฐานควรตรวจสอบไต่สวน สร้างความเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านบาท
2.กรณีองค์การโทรศัพท์แก้ไขสัญญาสัมปทานให้บริษัทเอไอเอส ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 3.กรณีการเคหะฯอนุมัติหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยมิชอบ ซึ่งพบว่ามีพฤติการณ์ อันต้องสงสัยทั้งของผู้บริหารและคณะกรรมการ
4.กรณีการเคหะฯอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิตคลอง9 โดยมิชอบ และ5.กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ครบถ้วน ซึ่งในส่วนนี้เราตรวจสอบติดตามแล้วพบว่ามีทรัพย์สินบางตัวเป็นของคุณหญิงพจมาน และพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ดังนั้นเรื่องที่ คตส.รับผิดชอบทั้งหมด ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้พอสมควร
ด้านนายสัก กอแสงเรือง กรรมการ คตส.และโฆษก คตส. กล่าวว่า ช่วงนี้ คตส.อยากฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนว่ามีความเห็นและรู้สึกอย่างไร ซึ่งจะเป็นเสียงสะท้อนกลับมายังใบตองแห้งทั้ง 10 ใบ เพื่อจะได้พิจารณาและจะได้พูดกันในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงสะท้อนที่ตอบกลับมาขณะนี้ส่วนหนึ่งมองว่าการทำงานของ คตส. ตลอดเวลากว่า 1 ปี ที่ผ่านมาค่อนข้างล้มเหลว เพราะยังไม่มีการพิจารณาคดีจนถึงที่สิ้นสุดแต่กลับไปกองอยู่ที่ศาล และรอส่งศาล นายสัก กล่าวว่า เรื่องที่ไปกองอยู่ศาลแล้ว จะถือว่ามันล้มเหลวได้อย่างไร จะทำสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ชั้นศาล ดังนั้นจึงไม่ขอตอบ
เมื่อถามย้ำว่า จากสำนวน 14 แฟ้ม 24 คดี คตส. ส่งฟ้องศาลเพียงแค่ 4 คดีเท่านั้น ถือว่าสำเร็จแล้วหรือ นายแก้วสรร กล่าวอย่างมีอารมณ์ทันทีว่า "คนที่ถามช่วยปรับความคิดใหม่ได้ไหม ผมกำลังบอกว่า วิธีมองปัญหาของพวกคุณตรงไม่ตรงกับผม เพราะความสำเร็จ ของ คตส. คือความสำเร็จในการสะสางคดีอย่างยุติธรรม จากคดีทั้งหมดที่ คตส.ทำ ความสำเร็จของมันไม่ได้เริ่มนับจากคตส. แต่มันเริ่มจากการตรวจสอบ ไต่สวน และสรุปผลการไต่สวนไปสู้คดีในชั้นศาล ถ้าหากเริ่มนับจาก 10 คตส. แค่ 1 ถึง 5 ที่เหลือคือนับที่ศาล หากเราเร่งทำ 1 คดี 1 เดือน แต่ละเดือนสรุปคดีส่งศาลหมด แต่พอถึงศาล ยกฟ้องหมดอย่างนี้จะถือว่าสำเร็จได้หรือไม่ ความสำเร็จของ คตส. อยู่ที่ศาล คตส.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะชี้ถูกหรือผิดใคร และสิ่งที่ คตส. ต้องการคือความยุติธรรม นั่นคือไปว่าที่ศาล คตส.เปรียบเสมือนอัยการ
" ความสำเร็จ คือคดีที่เป็นปัญหาถูกสะสางหรือไม่ และมีความยุติธรรมหรือไม่ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ หลุด ศาลชี้ว่าหลักฐานไม่พอ ชี้ว่าท่านบริสุทธิ์ นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของ คตส. เช่นกัน เพราะนั้นคือกระบวนการยุติธรรม ต้องยุติเรื่องทั้งหมดด้วยความเป็นธรรม" นายแก้วสรรกล่าว
เมื่อถามว่า คตส. ถูกตั้งขึ้นมาหลังการปฏิวัติด้วยเงื่อนไขการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่จนถึงขณะนี้ คมช.จบไปแล้ว แต่การทุจริตคอร์รัปชั่น ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จนเห็นผลสำเร็จ นายแก้วสรร ถามกลับผู้สื่อข่าวว่า "แล้วคุณมองอย่าไร" ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะตอบว่า "ไม่ประสบผลสำเร็จ"
นายแก้วสรร จึงตอบว่า ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ คตส. แต่อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าใครถูกใครผิด เมื่อศาลตัดสินออกมาทุกอย่างก็จบ
เมื่อถามย้ำว่า คตส.พอใจกับ 4 เรื่อง ที่ถึงศาล นายแก้วสรร บอกว่า ไม่รู้ว่าไม่พอใจหรือไม่พอใจ แต่เราทำงานอย่างเต็มที่แล้วตามแรงที่เรามี เมื่อถามว่า นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. ให้คะแนนตัวเอง 8 เต็ม 10 คะแนนแล้ว ให้คะแนนตัวเองเท่าใด นายแก้วสรร ตอบว่า สำหรับผมไม่มีใครมีสิทธิ์ให้คะแนนตัวเอง
เมื่อถามว่า พร้อมเข้าช่วยงานป.ป.ช. หรือไม่ นายสัก กล่าวตอบทันทีว่า มันเป็นคำถามของอนาคต ในปัจจุบันจึงไม่สามารถตอบได้ รอให้เกิดขึ้นก่อน
นายแก้วสรร กล่าวว่า คตส.ได้ทำหน้าที่สิ้นสุดแล้ว และได้ทำบันทึกการรับ และส่งงานตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ระหว่าง นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. กับนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. โดยจะส่งมอบให้ ป.ป.ช.ในวันนี้ ในบันทึกดังกล่าวได้สรุปผลงานการตรวจสอบ และการไต่สวนของ คตส.ทั้งสิ้น 24 เรื่อง จำนวน 14 แฟ้ม โดยแบ่งออกเป็นเรื่องที่ คตส.สรุปส่งฟ้องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ 4 คดี คือ 1. การซื้อที่ดินย่านรัชดาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ที่มีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 2. คดี โครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 3-2 ตัว หรือหวยบนดิน 3. คดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร และ 4. คดีการปล่อยกู้เงินให้รัฐบาลพม่า ของธนาคารส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า(เอ็กซิมแบงก์ ) ซึ่งคตส.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง
สำหรับเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด มีจำนวน 7 เรื่อง คือ 1. คดีเจ้าพนักงานกรมสรรพากรปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ซื้อขายหุ้นจากบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในการตอบข้อหารือการเสียภาษีว่าไม่ต้องจ่าย 2. คดีการจัดซื้อจัดจ้างสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ 3. คดีการทุจริตจัดจ้างวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในสนามบินสุวรรณภูมิ
4. คดีกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทำความผิดเนื่องจากคงถือไว้ซึ่งหุ้นธุรกิจสัมปทานและใช้อำนาจหน้าที่แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต 5.คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อโดยมิชอบให้บริษัทกฤษฎามหานคร
6. คดีคดีบ้านเอื้ออาทรในส่วนของ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับพวก เรียกรับสินบนในโครงการบ้านเอื้ออาทรและ 7. คดี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรัพย์สินจากธุรกิจชินคอร์ปอเรชั่นโดยมิสมควร หรือมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ โดยเรื่องนี้ตอนแรกเราดีใจที่อัยการสูงสุดเปลี่ยนท่าทีจะดำเนินฟ้องให้ คตส. แต่ล่าสุดอัยการได้ตอบมาว่า ไม่สามารถส่งฟ้องได้เพราะมีข้อไม่สมบูรณ์ โดยทั้งหมดนี้ต้องให้ ป.ป.ช. ตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการ หากไม่สามารถตกลงกันได้ป.ป.ช. สามารถอาศัยอำนาจตามกฎหมายสั่งการดำเนินการฟ้องศาลให้ คตส.ต่อไป
นายแก้วสรร กล่าวว่าสำหรับคดี คตส.ไต่สวนเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างรอสั่งสำนวน มีทั้งสิ้น 6 เรื่อง 1. กรณีนายวัฒนากับพวกใช้อำนาจหน้าที่อนุมัติหน่วยก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร และจ่ายเงินล่วงหน้าโดยทุจริต 2.กรณีนางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กับพวกขายที่ดินและรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร ร่มเกล้า-บางพลี โดยทุจริต
3.กรณีการเคหะฯรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร อรัญประเทศโดยทุจริต 4. กรณีการเคหะฯรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร กบินทร์บุรี 2 โดยทุจริต 5. กรณีโครงการขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิงค์) และ 6. กรณีการทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ซึ่งทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีเวลาจำกัดในการพิจารณาและมีเรื่องที่ซับซ้อนจึงส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีคดีที่ คตส.ยังไม่สามารถสรุปผลการไต่สวนให้แล้วเสร็จ 2 เรื่อง คือ 1 . คดีการจัดจ้างก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารหรือเซ็นทรัลแล็บ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเนื่องจากคดีนี้มีความซับซ้อนมาก พยานและผู้เกี่ยวข้องกว่าร้อยปาก ซึ่งเพิ่งจะสอบปากคำและชี้แจงเสร็จจึงไม่สามารถสรุปสำนวนได้ จึงส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสานต่อ และ
2.กรณีการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ โดย คตส.อยู่ระหว่างการไต่สวนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เอาเงินจากไหนไปซื้อ และอยู่ระหว่างการรอคำตอบจากต่างประเทศ ซึ่ง คตส.ได้ส่งให้ป.ป.ช.ไปสานต่อ ซึ่งในส่วนนี้ คตส.ได้ให้อนุกรรมการดำเนินการไต่สวนอยู่ระหว่างการชี้แจง แต่ยังไม่ลุล่วงถึงขั้นสรุปเสนอต่อ คตส.ได้ ป.ป.ช.จึงต้องดำเนินการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนใหม่ เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยให้ถือตามสำนวนและพยานหลักฐานเดิมทุกประการ
เลขานุการ คตส. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ยังมีเรื่องที่ คตส.เสนอให้ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ปรากฏจากการตรวจสอบหรือไต่สวนกรณีต่างๆ โดยที่ คตส.เห็นว่ามีมูลเพียงพอ จึงเสนอให้ป.ป.ช.พิจารณาว่ามีมูลควรกล่าวหาและไต่สวนผู้เกี่ยวข้องต่อไปอีกจำนวน 5 เรื่อง คือ 1.กรณีองค์การโทรศัพท์ แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินให้แก่บริษัทเอไอเอส โดยมิชอบ ซึ่งในส่วนนี้มีพฤติการณ์ต้องสงสัย ทั้งผู้บริหารและคณะกรรมการในขณะนั้น ซึ่ง คตส.ได้พบหลักฐานควรตรวจสอบไต่สวน สร้างความเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านบาท
2.กรณีองค์การโทรศัพท์แก้ไขสัญญาสัมปทานให้บริษัทเอไอเอส ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 3.กรณีการเคหะฯอนุมัติหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยมิชอบ ซึ่งพบว่ามีพฤติการณ์ อันต้องสงสัยทั้งของผู้บริหารและคณะกรรมการ
4.กรณีการเคหะฯอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิตคลอง9 โดยมิชอบ และ5.กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ครบถ้วน ซึ่งในส่วนนี้เราตรวจสอบติดตามแล้วพบว่ามีทรัพย์สินบางตัวเป็นของคุณหญิงพจมาน และพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ดังนั้นเรื่องที่ คตส.รับผิดชอบทั้งหมด ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้พอสมควร
ด้านนายสัก กอแสงเรือง กรรมการ คตส.และโฆษก คตส. กล่าวว่า ช่วงนี้ คตส.อยากฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนว่ามีความเห็นและรู้สึกอย่างไร ซึ่งจะเป็นเสียงสะท้อนกลับมายังใบตองแห้งทั้ง 10 ใบ เพื่อจะได้พิจารณาและจะได้พูดกันในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงสะท้อนที่ตอบกลับมาขณะนี้ส่วนหนึ่งมองว่าการทำงานของ คตส. ตลอดเวลากว่า 1 ปี ที่ผ่านมาค่อนข้างล้มเหลว เพราะยังไม่มีการพิจารณาคดีจนถึงที่สิ้นสุดแต่กลับไปกองอยู่ที่ศาล และรอส่งศาล นายสัก กล่าวว่า เรื่องที่ไปกองอยู่ศาลแล้ว จะถือว่ามันล้มเหลวได้อย่างไร จะทำสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ชั้นศาล ดังนั้นจึงไม่ขอตอบ
เมื่อถามย้ำว่า จากสำนวน 14 แฟ้ม 24 คดี คตส. ส่งฟ้องศาลเพียงแค่ 4 คดีเท่านั้น ถือว่าสำเร็จแล้วหรือ นายแก้วสรร กล่าวอย่างมีอารมณ์ทันทีว่า "คนที่ถามช่วยปรับความคิดใหม่ได้ไหม ผมกำลังบอกว่า วิธีมองปัญหาของพวกคุณตรงไม่ตรงกับผม เพราะความสำเร็จ ของ คตส. คือความสำเร็จในการสะสางคดีอย่างยุติธรรม จากคดีทั้งหมดที่ คตส.ทำ ความสำเร็จของมันไม่ได้เริ่มนับจากคตส. แต่มันเริ่มจากการตรวจสอบ ไต่สวน และสรุปผลการไต่สวนไปสู้คดีในชั้นศาล ถ้าหากเริ่มนับจาก 10 คตส. แค่ 1 ถึง 5 ที่เหลือคือนับที่ศาล หากเราเร่งทำ 1 คดี 1 เดือน แต่ละเดือนสรุปคดีส่งศาลหมด แต่พอถึงศาล ยกฟ้องหมดอย่างนี้จะถือว่าสำเร็จได้หรือไม่ ความสำเร็จของ คตส. อยู่ที่ศาล คตส.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะชี้ถูกหรือผิดใคร และสิ่งที่ คตส. ต้องการคือความยุติธรรม นั่นคือไปว่าที่ศาล คตส.เปรียบเสมือนอัยการ
" ความสำเร็จ คือคดีที่เป็นปัญหาถูกสะสางหรือไม่ และมีความยุติธรรมหรือไม่ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ หลุด ศาลชี้ว่าหลักฐานไม่พอ ชี้ว่าท่านบริสุทธิ์ นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของ คตส. เช่นกัน เพราะนั้นคือกระบวนการยุติธรรม ต้องยุติเรื่องทั้งหมดด้วยความเป็นธรรม" นายแก้วสรรกล่าว
เมื่อถามว่า คตส. ถูกตั้งขึ้นมาหลังการปฏิวัติด้วยเงื่อนไขการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่จนถึงขณะนี้ คมช.จบไปแล้ว แต่การทุจริตคอร์รัปชั่น ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จนเห็นผลสำเร็จ นายแก้วสรร ถามกลับผู้สื่อข่าวว่า "แล้วคุณมองอย่าไร" ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะตอบว่า "ไม่ประสบผลสำเร็จ"
นายแก้วสรร จึงตอบว่า ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ คตส. แต่อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าใครถูกใครผิด เมื่อศาลตัดสินออกมาทุกอย่างก็จบ
เมื่อถามย้ำว่า คตส.พอใจกับ 4 เรื่อง ที่ถึงศาล นายแก้วสรร บอกว่า ไม่รู้ว่าไม่พอใจหรือไม่พอใจ แต่เราทำงานอย่างเต็มที่แล้วตามแรงที่เรามี เมื่อถามว่า นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. ให้คะแนนตัวเอง 8 เต็ม 10 คะแนนแล้ว ให้คะแนนตัวเองเท่าใด นายแก้วสรร ตอบว่า สำหรับผมไม่มีใครมีสิทธิ์ให้คะแนนตัวเอง
เมื่อถามว่า พร้อมเข้าช่วยงานป.ป.ช. หรือไม่ นายสัก กล่าวตอบทันทีว่า มันเป็นคำถามของอนาคต ในปัจจุบันจึงไม่สามารถตอบได้ รอให้เกิดขึ้นก่อน