“คตส.” ทิ้งท้ายอัด อสส.หลอกลวงสำนวนคดีเอื้อประโยชน์ “ทักษิณ” 7.6 หมื่นล้านส่งศาลฎีกา ตั้งคำถามเกิดอะไรขึ้นกับทนายแผ่นดิน ด้าน “สัก” ชี้มติศาล รธน.ชอบด้วยกฎหมาย ยันคดีเดินหน้าต่อ ขณะที่ “นาม-อุดม-กล้านรงค์” พร้อมแจงศาลฎีกาคดีหวย กค.นี้
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงว่าผลการประชุมคตส.ชุดใหญ่เป็นนัดสุดท้าย ระบุว่างาน คตส.ได้ทำโดยสำเร็จลุล่วง โดยที่ประชุมได้มีการประชุมรับรองงานทั้งหมดว่า มีเรื่องที่เข้าสู่ชั้นศาลแล้ว 5 คดี ส่งอัยการ 7 คดีส่วนที่เหลือเป็นคดีที่พบความไม่สมบูรณ์ และต้องตั้งคณะทำงานร่วม รวมทั้งเรื่องที่เสนอให้มีการไต่สวน และพิจารณาไต่สวน โดย ป.ป.ช.รับไปทั้งหมด
นายสัก กล่าวอีกว่า คตส.ขอตั้งข้อสังเกตก่อนที่จะหมดวาระการทำงานเรื่อง กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทรัพย์จากบริษัท ชินคอร์ป โดยมิสมควรสืบเนื่องจากการใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งหน้าที่หรือมีฐานะร่ำรวยผิดปกติของทรัพย์จาก 7.6 หมื่นล้าน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน คตส.รู้สึกว่าถูกอัยการหลอกลวงตั้งแต่วันที่ 25-27 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เครื่องถ่ายเอกสาร 10 เครื่อง ถ่ายเอกสารทั้งหมด 2 แสนแผ่น จนบุคลากรเป็นลมคาเครื่องถึง 2 คน ซึ่งมีเครื่องถ่ายเอกสารทั้งหมด 10 เครื่อง ทั้งหมดนี้เกิดจากการหลอกลวงของอัยการ ที่บอกว่าจะส่งให้อัยการเซ็นรับรอง เพื่อส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแต่ก็ไม่ได้ส่ง คตส.ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ในหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นทนายของแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 โดยระบุว่าการแต่งตั้งและต่ออายุ คตส.ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามประกาศ คปค.ฉบับ 30 เพื่อให้งานต่อเนื่อง นายสัก กล่าวว่า มติทุกอย่างของ คตส.ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ต่อไปนี้ คดีทั้งหมดจะเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะคดีหลีกเลี่ยงภาษีโอนหุ้นชินคอร์ป และคดี ออกสลากพิเศษ เลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว(หวยบนดิน) ซึ่งคดีนี้ คตส.เป็นโจทก์ และศาลจะนัดสืบพยานในเดือน ก.ค. โดย คตส.ถูกหมายเรียกให้การที่ศาลฎีกา คือนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. และนายกล้านรงค์ จันทิก
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่อัยการสูงสุดไม่ทำหน้าที่ต่อจะขัดกฎหมายหรือไม่ นายสัก กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รองอัยการสูงสุดคนหนึ่งบอกว่าให้ คตส.หยุดทำงาน แต่โชคดีที่ คตส.ไม่หยุดทำงาน ถ้าหยุดถือว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่
นายสัก กล่าวว่า ส่วนเรื่องเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท คตส.ยืนยันว่าไม่ได้แตะต้อง แต่ คตส.ใช้อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเงินจากการขายหุ้นบวกเงินปันผลที่ได้มาเท่านั้น มี่ได้เอาทรัพย์ส่วนอื่นมา ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งคำร้องคัดค้าน เพื่อพิสูจน์ภายใน 60 วัน และคตส.ไม่สามารถเพิกถอนคำสั่งได้ โดยภาระพิสูจน์ยังตกอยู่กับผู้ถูกกล่าวหา และเป็นหน้าที่พิสูจน์ของฝ่ายจำเลย คตส.หรือบุคคคลอื่นไม่มีหน้าที่พิสูจน์แทนจำเลย ซึ่งการทำหน้าที่ของ คตส.เป็นไปตามกฎหมายตามประการ คปค.ที่ 30 ตามกฎหมาย ป.ป.ช.และกฎหมายอาญาว่าด้วยคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการ คตส.ว่า การต่ออายุ คตส.ไม่ขัดต่อกฎหมาย คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวจะต้องแสดงความยินดีกับ คตส. และเรื่องนี้ตนก็รู้แล้วล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เจ้าหน้าที่ สตง.ได้นำดอกไม้มามอบให้คณะกรรมการ คตส.ทั้ง 10 คนเพื่อเป็นกำลังใจและส่งท้ายในโอกาสหมดวาระการทำงาน
นอกจากนี้ก่อนคตส.จะขึ้นเวทีปาฐกถา นายอมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ลุกขึ้นตบมือพร้อมกับประชาชนที่มาให้กำลังใจนานกว่า 7 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยว่า ในขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กำลังสัมนาในโอกาสหมดอายุ คตส. เพื่อส่งมอมงานให้ ป.ป.ช.ได้มีกลุ่ม นปก.กว่า 30 คน ยืนถือป้ายเขียนข้อความด่าทอ และปราศรัยโจมตีการทำงานของ คตส.
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายแก้วสรร อติโพธิ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะเลขานุการ คตส. และนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.ร่วมแถลงสรุปผลงานการทำหน้าที่ของ คตส.ตลอดระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน โดยจะหมดอายุการทำงานในวันจันทร์ที่30 มิ.ย.นี้ และเตรียมส่งมอบงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.)ต่อไป
ทั้งนี้นายแก้วสรร กล่าวว่า คตส.ได้ทำหน้าที่สิ้นสุดแล้ว และได้ทำบันทึกการรับและส่งงานตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ระหว่างนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.กับนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาร ปปชโดยจะมอบให้ป.ป.ช.ในวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย.นี้ ในบันทึกดังกล่าวได้สรุปผลงานการตรวจสอบและไต่สวนของคตส.ทั้งสิ้น 24 เรื่องจำนวน 14 แฟ้ม โดยแบ่งออกเป็นเรื่องที่ คตส.สรุปส่งฟ้องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ 4 คดี คือ 1. การซื้อที่ดินย่านรัชดาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ที่มีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 2. คดีโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 3-2 ตัว หรือหวยบนดิน 3. คดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร และ4. คดีการปล่อยกู้เงินให้รัฐบาลพม่าของธนาคารส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า(เอ็กซิมแบงค์) ซึ่งคตส.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง
นายแก้วสรร กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด มีจำนวน 7 เรื่อง คือ 1.คดีเจ้าพนักงานกรมสรรพากรปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ซื้อขายหุ้นจาก บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในการตอบข้อหารือการเสียภาษีว่าไม่ต้องจ่าย 2.คดีการจัดซื้อจัดจ้างสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ 3.คดีการทุจริตจัดจ้างวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในสนามบินสุวรรณภูมิ 4.คดีกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทำความผิดเนื่องจากคงถือไว้ซึ่งหุ้นธุรกิจสัมปทานและใช้อำนาจหน้าที่แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษี
สรรพสามิต 5.คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อโดยมิชอบให้บริษัทกฤษฎานคร 6.คดีคดีบ้านเอื้ออาทรในส่วนของนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับพวก เรียกรับสินบนในโครงการบ้านเอื้ออาทร และ 7.คดีพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรัพย์สินจากธุรกิจชินคอร์ปอเรชั่นโดยมิสมควรหรือมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ โดยเรื่องนี้ตอนแรกเราดีใจที่อัยการสูงสุดเปลี่ยนท่าทีจะดำเนินฟ้องให้คตส. แต่ล่าสุดอัยการได้ตอบมาว่าไม่สามารถส่งฟ้องได้เพราะมีข้อไม่สมบูรณ์ โดยทั้งหมดนี้ต้องให้ป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการ หากไม่สามารถตกลงกันได้ป.ป.ช.สามารถอาศัยอำนาจตามกฎหมายสั่งการดำเนินการฟ้องศาลให้คตส.ต่อไป
นายแก้วสรร กล่าวว่า ทำหรับคดีคตส.ไต่สวนเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างรอสั่งสำนวน มีทั้งสิ้น 6 เรื่อง 1.กรณีนายวัฒนากับพวกใช้อำนาจหน้าที่อนุมัติหน่วยก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรและจ่ายเงินล่วงหน้าโดยทุจริต 2.กรณีนางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการเคหะแห่งชาต กับพวกขายที่ดินและรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรร่มเกล้า-บางพลี โดยทุจริต 3.กรณีการเคหะฯรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร อรัญประเทศโดยทุจริต 4.กรณีการเคหะฯรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรกบินทร์บุรี 2 โดยทุจริต 5.กรณีโครงการขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(แอร์พอร์ตลิงค์) และ6.กรณีการทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ซึ่งทั้งหมดยังไม่สมบูรณ์เนื่องจากมีเวลาจำกัดในการพิจารณาและมีเรื่องที่ซับซ้อนจึงส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีคดีที่ คตส.ยังไม่สามารถสรุปผลการไต่สวนให้แล้วเสร็จ 2 เรื่องคือ 1คดีการจัดจ้างก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารหรือเซ็นทรัลแล็บ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเนื่องจากคดีนี้มีความซับซ้อนมาก พยานและผู้เกี่ยวข้องกว่าร้อยปากซึ่งเพิ่งจะสอบปากคำและชี้แจงเสร็จจึงไม่สามารถสรุปสำนวนได้ จึงส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการสานต่อ และ 2.กรณีการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยคตส.อยู่ระหว่างการไต่สวนว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เอาเงินจากไหนไปซื้อ และอยู่ระหว่างการรอคำตอบจากต่างประเทศ ซึ่งคตส.ได้ส่งให้ป.ป.ช.ไปสานต่อ ซึ่งในส่วนนี้คตส.ได้ให้อนุกรรมการดำเนินการไต่สวนอยู่ระหว่างการชี้แจง แต่ยังไม่ลุล่วงถึงขั้นสรุปเสนอต่อคตส.ได้ ป.ป.ช.จึงต้องดำเนินการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนใหม่ เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยให้ถือตามสำนวนและพยานหลักฐานเดิมทุกประการ
เลขานุการ คตส. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ยังมีเรื่องที่คตส.เสนอให้ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ปรากฏจากการตรวจสอบหรือไต่สวนกรณีต่างๆ โดยที่คตส.เห็นว่ามีมูลเพียงพอ จึงเสนอให้ป.ป.ช.พิจารณาว่ามีมูลควรกล่าวหาและไต่สวนผู้เกี่ยวข้องต่อไปอีกจำนวน5 เรื่อง คือ 1.กรณีองค์การโทรศัพท์ แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินให้แก่บริษัทเอไอเอส โดยมิชอบ ซึ่งในส่วนนี้มีพฤติการณ์ต้องสงสัยทั้งผู้บริหารและคณะกรรมการในขณะนั้น ซึ่งคตส.ได้พบหลักฐานควรตรวจสอบไต่สวน สร้างความเสียหายกว่า 4 หมื่นล้านบาท 2.กรณีองค์การโทรศัพท์แก้ไขสัญญาสัมปทานให้บริษัทเอไอเอส ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ 3.กรณีการเคหะฯอนุมัติหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยมิชอบ ซึ่งพบว่ามีพฤติการณ์อันต้องสงสัยทั้งของผู้บริหารและคณะกรรมการ 4.กรณีการเคหะฯอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิตคลอง9 โดยมิชอบ และ5.กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ครบถ้วน ซึ่งในส่วนนี้เราตรวจสอบติดตามแล้วพบว่ามีทรัพย์สินบางตัวเป็นของคุณหญิงพจมาน และพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ดังนั้นเรื่องที่คตส.รับผิดชอบทั้งหมด ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้พอสมควร
ด้านนายสัก กอแสงเรือง กรรมการคตส.และโฆษกคตส.กล่าวว่า ช่วงนี้คตส.อยากฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนว่ามีความเห็นและรู้สึกอย่างไร ซึ่งจะเป็นเสียงสะท้อนกลับมายังใบตองแห้งทั้ง 10 ใบ เพื่อจะได้พิจารณาและจะได้พูดกันในวันที่30 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงสะท้อนที่ตอบกลับมาขณะนี้ส่วนหนึ่งมองว่าการทำงานของ คตส.ตลอดเวลากว่า 1 ปี ที่ผ่านมาค่อนข้างล้มเหลวเพราะยังไม่มีการพิจารณาคดีจนถึงที่สิ้นสุดแต่กลับไปกองอยู่ที่ศาลและรอส่งศาล นายสัก กล่าวว่า เรื่องที่ไปกองอยู่ศาลแล้วจะถือว่ามันล้มเหลวได้อย่างไร จะทำสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ชั้นศาล ดังนั้นตนจึงไม่ขอตอบ
เมื่อถามย้ำว่า จากสำนวน 14 แฟ้ม 24 คดี คตส.ส่งฟ้องศาลเพียงแค่ 4 คดีเท่านั้นถือว่าสำเร็จแล้วหรือ นายแก้วสรร กล่าวอย่างมีอารมณ์ทันทีว่า “คนที่ถามช่วยปรับความคิดใหม่ได้ไหม ผมกำลังบอกว่าวิธีมองปัญหาของพวกคุณตรงไม่ตรงกับผม เพราะความสำเร็จ ของ คตส.คือความสำเร็จในการสะสางคดีอย่างยุติธรรม จากคดีทั้งหมดที่ คตส.ทำความสำเร็จของมันไม่ได้เริ่มนับจาก คตส. แต่มันเริ่มจากการตรวจสอบ ไต่สวน และสรุปผลการไต่สวนไปสู้คดีในชั้นศาล ถ้าหากเริ่มนับจาก 10 คตส.แค่ 1 ถึง 5 ที่เหลือคือนับที่ศาล หากเราเร่งทำ 1 คดี 1 เดือน แต่ละเดือนสรุปคดีส่งศาลหมด แต่พอถึงศาล ยกฟ้องหมดอย่างนี้จะถือว่าสำเร็จได้หรือไม่ ความสำเร็จของ คตส.อยู่ที่ศาล คตส.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะชี้ถูกหรือผิดใคร และสิ่งที่ คตส. ต้องการคือความยุติธรรม นั่นคือไปว่าที่ศาล คตส.เปรียบเสมือนอัยการ
“ความสำเร็จคือคดีที่เป็นปัญหาถูกสะสางหรือไม่ และมีความยุติธรรมหรือไม่ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ หลุด ศาลชี้ว่าหลักฐานไม่พอ ชี้ว่าท่านบริสุทธิ์ นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของ คตส.เช่นกัน เพราะนั้นคือกระบวนการยุติธรรม ต้องยุติเรื่องทั้งหมดด้วยความเป็นธรรม”นายแก้วสรร กล่าว
เมื่อซักว่า คตส.ถูกตั้งขึ้นมาหลังการปฏิวัติด้วยเงื่อนไขการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่จนถึงขณะนี้ คมช.จบไปแล้ว แต่การทุจริตคอร์ปชั่นยังไม่ได้รับการพิสูจน์จนเห็นผลสำเร็จ นายแก้ว มีอารมณ์ขึ้นมาทันทีพร้อมกับถามกลับผู้สื่อข่าวและพยายามเค้นเอาคำตอบให้ได้ว่า “แล้วคุณมองอย่าไร” ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะตอบว่า ไม่ประสบผลสำเร็จ
นายแก้วสรร จึงตอบว่า ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ คตส.แต่อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าใครถูกใครผิด เมื่อศาลตัดสินออกมาทุกอย่างก็จบ
เมื่อถามย้ำว่า คตส.พอใจกับ 4 เรื่องที่ถึงศาล นายแก้วสรร บอกว่า ไม่รู้ว่าไม่พอใจหรือไม่พอใจ แต่เราทำงานอย่างเต็มที่แล้วตามแรงที่เรามี เมื่อถามว่านายนาม ให้คะแนนตัวเอง 8 เต็ม 10 คะแนนแล้วให้คะแนนตัวเองเท่าใด นายแก้วสรร ตอบว่าสำหรับผมไม่มีใครมีสิทธิ์ให้คะแนนตัวเอง
เมื่อถามว่าพร้อมเข้าช่วยงาน ป.ป.ช. หรือไม่ นายสัก กล่าวตอบทันทีว่า มันเป็นคำถามของอนาคต ในปัจจุบันจึงไม่สามารถตอบได้ รอให้เกิดขึ้นก่อน