“วารินทร์” ชี้บ้านเมืองยังวุ่นถึงปลายปี 51 กองทัพเป็นหลักช่วยประคองบ้านเมืองอยู่ พร้อมเป็นพี่เลี้ยง “หมัก” อุ้มรัฐบาล รอฟ้าเปิดปี 52 ระบุ 4 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลมีบทเรียนในการบริหารประเทศแล้วแหยงทำนายชะตากรรมรัฐบาล หลังถูกนายกฯอัดเละ เผยศิษย์ทั้งทหาร-ข้าราชการ ไม่ได้หนีหายเพราะกลัว แต่เพราะไม่เปิดสำนัก ขอรักษาอาการป่วยก่อน
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่สำนักสุขิโต อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ให้สัมภาษณ์ถึงการสถานการณ์การเมืองที่เกิดความวุ่นวายในขณะนี้ว่า การทำบุญจะช่วยทำให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายได้ในระดับหนึ่ง แต่ส่วนมากก็จะใช้กรรมให้หมดเสียก่อน ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองเราจะต้องช่วยกันประคอง เมื่อถามว่า อาจารย์เคยระบุไว้ว่าประเทศไทยยังมีกรรมอยู่จึงทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ปี 2552 บ้านเมืองจะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นในขณะนี้จะต้องช่วยกันประคองของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ทางออกในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองควรจะเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ทั้งรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน ก็โจมตีกันไปมา อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ต้องปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่กันไป ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งคิดว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆ คนไทยก็รู้อยู่ เมื่อจวนตัว หรือเกิดอะไรขึ้น มักจะหันหน้าเข้าหากัน ช่วยก้น
เมื่อถามว่า ทางออกของสถานการณ์บ้านเมือง จะถึงขึ้นเปลี่ยนรัฐบาล หรือ ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งกันใหม่หรือไม่ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดตรงนั้น เกรงว่าตอบไปจะผิดพลาด แต่คิดว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คงทำงานเต็มที่เพื่อดูแลบ้านเมืองต่อไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อถามว่าตอนนี้พอที่จะเห็นใคที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แทนนายสมัคร หรือไม่ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ยังไม่ได้ดูในรายละเอียดเช่นกัน ว่าใครจะขึ้นมาแทน นายสมัคร แต่ ณ ปัจจุบัน นายสมัคร ก็จะต้องทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองไปก่อน
เมื่อถามว่า ดวงเมืองในช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม อยู่ในช่วงดาวดับ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ดูเรื่องดาว แต่ดูเรื่องบุญ เรื่องกรรมของบ้านเมืองเป็นหลักมากกว่า ทั้งนี้หากมันดับเดี๋ยวมันก็เปิดเอง เพราะบางครั้งมันก็จะมีดับๆ เปิดๆ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการระบุว่าช่วงนั้นช่วงนี้จะเกิดดาวดับ แต่ดูแล้วก็ไม่มีผลอะไร แต่เรื่องทั้งหมดขึ้นอยู่กับบุญ-กรรม มากกว่า ตอนนี้อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกับประคับประคองให้สถานการณ์ให้พ้นปี 2551 เพราะปี 2552 สถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้น
เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องมีคนกลางเข้ามาแก้ไขปัญหาหรือไม่ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้หลายๆ คนก็จะต้องช่วยกันแต่ก็ยังไม่เห็นมีใครที่จะมาเป็นตัวกลาง แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ ตนคิดว่าจะเข้ามาช่วยกัน เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้อาจารย์วารินทร์ บอกว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไรกับบ้านเมืองทหารก็จะออกปกป้องคุ้มครองประเทศ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้ท่านก็ช่วยอยู่ และช่วยกันประคองประเทศ ช่วยดูแลกัน เป็นพี่เลี้ยงให้กัน ทหารคงไม่อยากจะเข้ามายุ่งอะไร เพราะบทเรียนมาแล้ว ท่านคงจะพยายามช่วยกัน
เมื่อถามว่า สถานการณ์ความวุ่นวายที่เป็นอยู่ จะมีโอกาสที่ทหารจะนำกำลังออกมาปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า คงไม่มี แต่คงจะมีลักษณะช่วยกันประคองกัน จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะประเทศมันเสียหายมาเยอะ เมื่อทุกคนรู้เช่นนี้ก็ควรจะช่วยกันประคับประคองประเทศ และให้กำลังใจกัน ทั้งนี้ทหารคงไม่อยากออกมาแล้ว เพราะออกมาก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เพราะบ้านเมืองยังช้ำอยู่ ทั้งนี้มองว่าการเมืองจะต้องแก้ไขด้วยการเมืองกันไป เมื่อถามว่าจะมีเหตุการณ์พลิกผันกับบ้านเมืองหรือไม่ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า มันไม่มีเหตุการณ์อะไร แต่ขอให้ดูแลซึ่งกันและกันเท่านั้น
เมื่อถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาทำงานบริหารประเทศได้เพียงแค่ 4 เดือน แต่ก็มีเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด ดูแล้วเป็นห่วงท่านหรือไม่ อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ก็เป็นห่วงท่านเหมือนกัน แต่คิดว่าท่านคงจะต้เองประคับประคองให้ตลอดรอดฝั่ง ที่ผ่านมา 3-4 เดือน ท่านก็คงรู้แล้วว่าจะทำอย่างไร ท่านมีบทเรียน และประสบการณ์มาก คิดว่าท่านคงจะประคับประคองของท่านไป คิดว่าท่านนายกรัฐมนตรี คงจะต้องพยายามทำหน้าที่ของท่านให้เต็มที่ เพื่อบ้านเมือง และประเทศชาติ
เมื่อถามว่า ตอนนี้เท่าที่ดู ผู้นำรัฐบาลมีจุดแข็งอะไรในการฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ เพื่อบริหารประเทศต่อไป อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ตนคิดว่าจะต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่ง ที่ผ่านมาท่านก็มาแก้ปัญหา หรือ แก้อะไรของท่าน ท่านยังไม่ได้ดำเนินการอะไรที่เต็มที่
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเข้าพบหรือไม่ หลังจากที่ได้เดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยมา และสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตระเวนทำบุญ ก็ไม่รู้ว่ารายละเอียด แต่การทำบุญตนคิดว่าแก้ตรงนั้นมันคงไม่ใช่ทำบุญประคองศาสนา แต่เป็นการเสียสละมากกว่า แต่การตระเวนทำบุญไม่ได้ไปแก้กรรมอะไร
เมื่อถามว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตประธาน คมช. ได้ติดต่อพูดคุยสถานการณ์บ้านเมืองอย่างไรบ้าง อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร เพียงแต่พูดคุยสารทุกข์สุขดิบ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผู้บัญชาการทหารบก ก็ไม่ได้เจอกัน เพราะในช่วงที่ผ่านมาตนพักฟื้นเนื่องจากไม่สบาย และข่าวสารบ้านเมืองก็ไม่ได้ติดตามอะไร
เมื่อถามว่า หากประเทศชาติมีเคราะห์ไปถึงปลายปี ประชาชนก็จะแย่ เศรษฐกิจก็จะล้มระเนระนาด อาจารย์วารินทร์ กล่าวว่า คงไม่แย่ไปกว่านี้ แต่สถานการณ์ก็เกิดขึ้นกับทั่วโลก อย่างเช่น กรณีน้ำมัน ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ไม่ใช่เกิดเฉพาะประเทศไทย แต่เกิดทั่วโลก ตอนนี้เหมือนเป็นกรรมของโลก
อาจารย์วารินทร์ ยังบอกว่า ในการทำบุญที่จัดขึ้นเมื่อวันทื่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการจัดพิธีเล็กๆ และทอดผ้าป่า ไม่กี่กอง เลยไม่ได้บอกใครและ ในช่วงเดือนพ.ค.ตนเองก็ค้องเจอปัญหามากมาย โดยเฉพาะสุขภาพที่ต้องข้าออกโรงพยาบาลอยู่ตลอด จึงไม่ได้ดูว่าสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เป็นอย่างไร ส่วนที่มองว่าลูกศิษย์ ลูกหา ที่เป็นข้าราชการไม่กล่ามาเพราะกลัวนายกฯนั้น คงไม่ได้เป้นเช่นนั้ร แบะ ไม่ได้มาคงไม่เกี่ยวกับที่นายสมัคร ออกมาตำหนิตนเองเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เป็นเพราะการทำบุญครั้งนี้ไม่ได้บอกผู้ใหญ่
