เชียงราย – ท่องเที่ยวเมืองพ่อขุนฯอ่วม ฟันธงปีนี้เลวร้าย 100% หลังหมดสงกรานต์เข้าโลว์ซีซัน แถมมีปัญหาการเมืองแทรกซ้อนต่อเนื่อง ภาวนาทุกฝ่ายหยุดสร้างม็อบอีก รับวันนี้ต้องอาศัย “ไทยเที่ยวไทย” ให้ยืนระยะได้ วอนรัฐบาล “มาร์ค” จัดงบอุ้มธุรกิจต่อเนื่องการท่องเที่ยว หวั่นล้มระเนระนาดนับหมื่นราย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวปัจจุบันพบว่า อยู่ในภาวะที่ไม่คึกคักนัก เนื่องจากตามปกติเมื่อหมดช่วงสงกรานต์ ย่างเข้าสู่ฤดูฝนก็จะเป็นช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก และใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะฟื้นตัวอีกครั้งในฤดูหนาวในช่วงปลายปี ทั้งยังมีปัจจัยแทรกซ้อนเข้ามาอีกเรื่องคือปัญหาทางการเมืองที่รุนแรงช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้ภาคธุรกิจที่เพิ่งได้รับผลกระทบมาหมาดๆ หวั่นเกรงว่าจะเกิดปัญหาซ้ำเติมหนักอีกหากมีการชุมนุมประท้วงกันอีก
นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงษ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า ตามปกติหลังเดือนเมษายนเป็นต้นไปจนถึงปลายปีการท่องเที่ยวจะอยู่ในช่วงซึมยาว ถามว่าปีนี้อยู่ในภาวะเลวร้ายหรือไม่ตนบอกได้ว่าเลวร้าย 100% แต่อนาคตจะหนักหนาแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องการอย่างมากในขณะนี้คือไม่อยากให้มีการชุมนุมประท้วงกันขึ้นมาอีก เพราะจะทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายไม่รู้จักจบ ควรใช้ระบบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองให้ได้ต่อไป
“การชุมนุมมีผลมาก เพราะทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ที่สำคัญมากกว่าเงินทุนถึง 2 เท่านักท่องเที่ยวก็ไม่กล้ามา ล่าสุดมีประเทศกว่า 16 ประเทศทั่วโลกประกาศไม่ให้คนของตัวเองมายังประเทศไทย สถานการณ์เช่นนี้อยากให้ทุกฝ่ายเห็นว่าประเทศที่เขาสุขสบายที่สุดคือมาเลเซีย ฮ่องกง เวียดนาม ฯลฯ เพราะเขาไม่มีความวุ่นวาย”นายสมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในข่าวร้ายก็ย่อมมีข่าวดีอยู่เสมอ โดยในช่วงที่ภาคการท่องเที่ยวซึมยาวเช่นนี้พบว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต่างให้ความสำคัญกับธุรกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างมาก โดยเร่งจัดโครงการไทยเที่ยวไทย พาผู้ประกอบการไปออกโรดโชว์และโชว์แคมเปญด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ไปทั่วประเทศบ่อยครั้งขึ้น ล่าสุดก็จะเดินทางไปทางภาคตะวันออกจากนั้นจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี ซึ่งก็ทำให้ผู้ประกอบการยืนระยะต่อไปได้ในช่วงนี้
อีกประเด็นหนึ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญคือ ปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวที่มีอยู่ไม่กี่จังหวัด หลังจากที่เข้าไปช่วยเหลือภาคธุรกิจเชิงมหภาคไปแล้ว เช่น กลุ่มธุรกิจรถเช่า ซึ่งหลายรายไปเช่าซื้อรถยนต์มา โดยผ่อนเดือนละ 15,000-18,000 บาท หากนับจากเดือนเมษายนไปอีก 4 เดือนซึ่งอยู่ในระยะที่จะถูกทวงสินค้าคืนเพราะไม่ผ่อนชำระหรือราวเดือนสิงหาคม 52 ก็ต้องถูกยึดทรัพย์สินที่ใช้ทำมาหากินอันจะเป็นการซ้ำเติมผลกระทบให้หนักขึ้น
นายสมเกียรติ ยืนยันว่า การช่วยเหลือนักธุรกิจระดับล่างเช่นนี้ใช้งบประมาณไม่มาก เพราะเป็นรายเล็กรายน้อย แต่มีนับหมื่นราย ดีกว่าใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เพียงไม่กี่รายเสียอีก
