ASTVผู้จัดการรายวัน – เอ็กซิมแบงก์ตั้งเป้ากำไรปี 54 แตะ 600 ล้านบาท จากปี 53 มีกำไรเพียง 145 ล้านบาท หลังสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง เดินหน้ารุกสินเชื่อผู้ประกอบการที่สนใจไปลงทุนต่างประเทศรายใหญ่ๆ
นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ในปี 54 ธสน.ได้ตั้งเป้าหมายจะมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะเน้นหนักในการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ซึ่งคาดว่าจะทำให้เงินที่ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งวางเป้าหมายจะขยายสินเชื่อคงค้างในปีนี้ที่ 65,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 53 ที่ทำได้ 56,481 ล้านบาท และจะมีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออก 100,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธสน.มีแผนปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าเดิม เพื่อบริหารความเสี่ยงให้กับฐานะทางการเงินของธนาคาร และยังบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน มาบริหารเอ็นพีแอล ทำให้คาดว่าแนวโน้มเอ็นพีแอลในปี 54 นี้จะลดลงจากปี 53 ที่อยู่ 3,539 ล้านบาท หรือ 6.22%
ขณะเดียวกัน ธสน.จะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศ และการลงทุนในโครงการของประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศพม่า พื้นที่ท่าเรือทวาย ซึ่งมีมูลค่าโครงการลงทุนทั้งสิ้นกว่า 50,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาธสน.ได้ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ไปบ้างแล้ว เช่น บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ITD
"ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการให้ความสนใจที่จะขอสินเชื่อ เพื่อไปลงทุนในประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเหตุความไม่สงบทางการเมือง โดยผู้ประกอบการยังไม่ได้ลงทุนแต่อย่างใด หากเหตุการณ์ฯ กลับสู่ภาวะปกติแล้ว อาจจะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการนำไปลงทุนโครงการในพื้นที่ดังกล่าว เพราะเบื้องต้นประเมินว่ายังมีความต้องการในด้านการก่อสร้างจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการที่เป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ"
การเกิดความวุ่นวายในตะวันออกกลางนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยและผู้ประกอบการไทยมากนัก และโดยส่วนตัวเห็นว่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกอาหาร เครื่องนุ่งห่ม สินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันเข้าไปทำตลาด เพราะเชื่อว่า แม้จะมีการสู้รับกัน แต่ว่าการค้าขายก็ยังคงดำเนินการต่อไปได้
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 53 ที่ผ่านมา ธสน.มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 201 ล้านบาท เพราะตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 452 ล้านบาท จากปี 52 หนี้เอ็นพีแอล และตั้งสำรองในเชิงคุณภาพของลูกค้าเพิ่มเติมในปี 53 ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างในปี 53 อยู่ที่ 56,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เอ็นพีแอลอยู่ที่ 3,539 ล้านบาท ลดลงสุทธิจากปี 52 ที่ 830 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเอ็นพีแอลต่อเงินให้สินเชื่อรวมดอกเบี้ยค้างรับสิ้นปี 53 เท่ากับ 6.22% ลดลงจากปีก่อนที่มี 1.93%
นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ในปี 54 ธสน.ได้ตั้งเป้าหมายจะมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะเน้นหนักในการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ซึ่งคาดว่าจะทำให้เงินที่ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งวางเป้าหมายจะขยายสินเชื่อคงค้างในปีนี้ที่ 65,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 53 ที่ทำได้ 56,481 ล้านบาท และจะมีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออก 100,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธสน.มีแผนปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าเดิม เพื่อบริหารความเสี่ยงให้กับฐานะทางการเงินของธนาคาร และยังบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน มาบริหารเอ็นพีแอล ทำให้คาดว่าแนวโน้มเอ็นพีแอลในปี 54 นี้จะลดลงจากปี 53 ที่อยู่ 3,539 ล้านบาท หรือ 6.22%
ขณะเดียวกัน ธสน.จะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศ และการลงทุนในโครงการของประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศพม่า พื้นที่ท่าเรือทวาย ซึ่งมีมูลค่าโครงการลงทุนทั้งสิ้นกว่า 50,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาธสน.ได้ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ไปบ้างแล้ว เช่น บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ITD
"ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการให้ความสนใจที่จะขอสินเชื่อ เพื่อไปลงทุนในประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเหตุความไม่สงบทางการเมือง โดยผู้ประกอบการยังไม่ได้ลงทุนแต่อย่างใด หากเหตุการณ์ฯ กลับสู่ภาวะปกติแล้ว อาจจะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการนำไปลงทุนโครงการในพื้นที่ดังกล่าว เพราะเบื้องต้นประเมินว่ายังมีความต้องการในด้านการก่อสร้างจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการที่เป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ"
การเกิดความวุ่นวายในตะวันออกกลางนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยและผู้ประกอบการไทยมากนัก และโดยส่วนตัวเห็นว่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกอาหาร เครื่องนุ่งห่ม สินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันเข้าไปทำตลาด เพราะเชื่อว่า แม้จะมีการสู้รับกัน แต่ว่าการค้าขายก็ยังคงดำเนินการต่อไปได้
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 53 ที่ผ่านมา ธสน.มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 201 ล้านบาท เพราะตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 452 ล้านบาท จากปี 52 หนี้เอ็นพีแอล และตั้งสำรองในเชิงคุณภาพของลูกค้าเพิ่มเติมในปี 53 ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างในปี 53 อยู่ที่ 56,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เอ็นพีแอลอยู่ที่ 3,539 ล้านบาท ลดลงสุทธิจากปี 52 ที่ 830 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเอ็นพีแอลต่อเงินให้สินเชื่อรวมดอกเบี้ยค้างรับสิ้นปี 53 เท่ากับ 6.22% ลดลงจากปีก่อนที่มี 1.93%