xs
xsm
sm
md
lg

ฟัน1.2แสนล้านอสังหาฯกำไร2.3หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยปี53ท้อป10ยักษ์อสังหาฯกำไรกระฉูดเกือบ 20,000 ล้านบาท จากยอดรายได้รวมกว่า 124,504 ล้านบาท “พฤกษา”นำขบวนรายได้รวมสูงสุด 23,407 ล้านบาท แลนด์ฯ ครองแชมป์กำไรสูงสุด 3,876 ล้านบาท ขณะที่“โนเบิล” กำไรสุดหรู 998.27ล้านบทรับอานิสงส์ยอดโอนคอนโดฯ3โครงการ จากรายได้รวม 5,029.39ล้านบาท ด้าน แสนสิริ โชว์ผลการดำเนินงานปี 2553 กำไรสุทธิ 1,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289 ล้านบาท หรือ 18% ขณะที่ยอดรายได้รวมสุทธิ 18,755 ล้านบาท

รายงานผลการดำเนินงานประจำปี2553 ของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งว่า จากการรวบรวมผลกระกอบการบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สร้างรายได้สูงเป็น10อันดับแรก พบว่ายอดขายรวมของกลุ่มบริษัทอสังหาริทรัพย์กว่า80% ถูกแชร์โดยกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยยอดขายรวมของผุ้ประกอบการรายใหญ่10อันดับแรกมียอดขายรวมกว่า124,504 ล้านบาท จากรายได้รวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 151,222 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรสุทธิในกลุ่ม10บริษัทแรกๆพบว่ามียอดกำไรสุทธิรวมกว่า 19,789 ล้านบาท จากกำไรสุทธิรวมของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 23,523ล้านบาท ทั้งนี้ไม่นับรวมกลุ่มบริษัทรับเหมากสร้างและบริษัทพัฒนาที่ดินนิคมอุตสาหกรรม

โดยบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงเป็นผู้ตลาดด้านยอดขายในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งมียอดรายได้รวมอยู่ที่ 23,407 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3488.1ล้านบาท ขณะที่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน)หรือLH มีรายได้ของปี 2553 เป็นเท่ากับ 17,452 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,876 ล้านบาท (ดูตารางประกอบ) โดยในปีนี้รายได้ของ และกำไรสุทธิของ แลนด์ฯลดลงจากปี2552 จากยอดขายที่อยู่อาศัยและรายได้จากภาคบริการที่ลดลงนั่นเอง

"ทั้งนีการที่ในปีนี้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการเติบโตของยอดรายได้และกำไรที่ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าแม้ว่าในช่วงต้นปีจะมีปัจจัยลบจากปัญหาการเมืองเข้ามากระทบทำให้เกิดการหดตัวของตลาดรวมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยปัจจัยด้านดีมานด์ในตลาดคอนโดมิเนียมส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯมีรายได้จากการขายโครงการอาคารชุดเข้ามาเสริมช่วยให้ยอดรายได้ในปี2553 เติบโตจากปี2552ได้อย่างต่อเนื่อง"

นายสิทธิ ลีละเกษมฤกษ์ กรรมการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)เกล่าวว่ามีผลกำไรสุทธิจำนวน 998.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2552ซึ่งมีกำไรสุทธิ 278.15 ทั้งนี้ สาเหตุของการปรับตัวสูงขึ้นของกำไรสุทธิเนื่องจากในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าถึง 3โครงการได้แก่ โครงการโนเบิล รีมิกซ์ โครงการโนเบิลโซโล และโครงการโนเบิล รีเฟลกซ์ ทำให้มีรายได้จากการขาย-ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 5,029.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า3,162.84 ล้านบาท คิดเป็น 169.5 %

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯอยู่ที่ 37.7 %เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีอัตรา36.92. % โดยมีค่าใช้จ่ายรวมในปี 2553 มีจำนวน 579.80 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการขายจำนวน 218.75 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 324.59 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นจำนวน 128.87 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 และมีอัตรากำไรสุทธิสำหรับปี 2553 19.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีอัตรา 14.4%

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2553 ของกลุ่มบริษัทแสนสิริสมารถสร้างยอดขายรวม 27,000 ล้านบาท มีรายได้สุทธิ 18,755 ล้านบาท เติบโต 7% และมีกำไรสุทธิ 1,898 ล้านบาท คิดเป็น10.12% ของรายได้ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่าในปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิ 9.2% นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารยังมีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. 2553 โดยจ่ายเป็นเงินสดหุ้นละ 0.117975 บาท และปันผลเป็นหุ้นสามัญในอัตราส่วน 6 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผลซึ่งการปันผล 1 หุ้นมีราคาตลาด ณ ปัจจุบันที่ 6.1 บาท เฉลี่ยแล้วผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนในรูปของหุ้นปันผลและเงินสด รวมกันเป็นเงินประมาณ 1.17975 บาท ต่อหุ้น

นอกจากนี้ บมจ. แสนสิริ จะทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล และรองรับการปรับสิทธิตามเงื่อนไขของใบสำคัญแสดงสิทธิฯ โดยออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 388.80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 4.28 บาท (พาร์) รวมประมาณ 1,664 ล้านบาท โดยในปีนี้ แสนสิริ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 23 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท และคาดการณ์ยอดขายปีนี้ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น