"พิภพ"จวกครม.โฉดทำทองไม่รู้ร้อนเสียอธิปไตยเขาพระวิหาร เมินยื่นคำค้านต่อยูเนสโกกรณีแถลงการณ์ร่วมผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย หวั่นเสียพื้นที่ทับซ้อนจากการเข้ามีส่วนร่วมของ 7 ชาติที่ร่วมบริหารพื้นที่ในอนาคต พร้อมปลุกประชาชนเดินหน้าสร้างวัฒนธรรมการเมืองใหม่ ใช้จริยะธรรมนำหน้า ขจัดเชื้อร้ายระบอบทักษิณไม่ให้กลับมาบริหารประเทศตลอดไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 20.45 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า ขณะนี้การเมืองภาคประชาชนที่ทุกคนได้มาร่วมกันในการชุมนุมครั้งนี้กำลังมีความคืบหน้ามากขึ้น และการที่เราได้มีการไปแสดงตนยื่นถอดถอน คณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จะถือเป็นความแสดงพลังอันเข้มแข็งของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
"การที่พวกเราได้ไปยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะในวันนี้ พี่น้องจะได้แสดงพลังให้รัฐบาลหน้าด้านได้รู้อีกครั้ง และสามารถเริ่มลงชื่อได้ทันที โดยคาดว่าจะต้องมีผู้เห็นด้วยถึง 3 หมื่นคน เพื่อป้องกันการถูกคัดออกตามกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งผู้ที่จะยื่นถอดถอนในครั้งนี้จะต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ว.ในครั้งที่แล้วเท่านั้นถึงจะทำได้"นายพิภพกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากความคืบหน้าข้างตนแล้ว การที่ อัยการสูงสุดได้มีข้อตกลงกับ ก.ก.ต. ในการจะส่งเรื่องเข้าสู้ศาลรัฐธรรมนูญในกรณี ยุบพรรคชาติไทย และมัชฉิมา จากการที่ผู้บริหารพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยจะส่งผลไปถึงคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วยเช่นกัน ทำให้เห็นว่าทุกหน่วยงานเริ่มมีประสานงานกันอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากถูกการเมืองภาคประชาชนกดดันอย่างต่อเนื่อง
"การประสานงานนนี้อัยการสูงสุดแสดงจุดยืน ไม่เหมือนที่เรากังวลในอดีต ซึ่งนอกจากนี้ยังมีคดีในเรื่องการออกกฎหมาย ยกเว็นภาษี สรรพามิตรกรณีโทรศัพท์มือถือ ก็ได้มีการส่งศาลฏีกาแผนกคดีอาญาแทนการเมืองด้วยเช่นกัน แสดงว่าทุกขั้นตอนขยับแล้ว แต่ที่ไม่ค่อยเห็นความร่วมมือขณะนี้คงเป็นตำรวจ ซึ่งประชาชนคงจะต้องไปเยี่ยมเยี่ยนอีกครั้งน่าจะเห็นผล"นายพิภพกล่าว
นายพิภพ กล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนขณะนี้ถึงแม้จะมีความคืบหน้า แต่ยังถูกพรรคพลังประชาชนขัดขว้างอยู่ โดยกรณีของเขาพระวิหารขณะนี้รัฐบาลยังไม่ดำเนินการใดๆ หลังจากยูเนสโกมีมติให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก และให้ 7 ชาติเขามาร่วมบริหารด้วย และจะทำให้เป็นปัญหาตามมาในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งไม่มีใครการรันตีได้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่คณะรัฐมนตรีกลับนิ่งเฉย
สำหรับการที่จะอ้างคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญในความผิดของ แถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ในความจริงรัฐบาลจะต้องยื่นประเด็นนี้แย้งต่อยูเนสโกก่อน ถึงแม้ว่า ศาลโลกอาจมีคำวินิฉัยแตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งการลงนามใดๆ ทีเกี่ยวกับระหว่างประเทศ ถึงแม้จะขัดกับกฎหมายในประเทศแต่ก็ไม่นำมาพิจารณา แต่บ้างครั้งก็นำเข้ามาพิจารณาด้วยเช่นกัน
"ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลนี้ยื้อเวลาเพื่ออะไร หรือจะรอผ่านงบประมาณ โครงการใหญ่ๆ เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรืออาจจะรอแต่งตั้งโยกย้าย ในส่วนของข้าราชการ เพื่อวางคนของตัวเองเอาไว้"นายพิภพกล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า พฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้ทำให้ประชาชนต้องแสดงพลังออกมาอย่างเข้มแข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนี้กลับมาอีก และจุดมุ่งหมายของเราจะต้องไม่ให้ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับระบอบทักษิณ และการเมืองเก่าเข้ามามีอำนาจในรัฐบาล เพื่อไม่ให้คนพวกนี้กลับมาทำอะไรตามใจชอบอีก
ทั้งนี้ การให้ความารู้แก่ประชาชนในเวทีนี้ มันถ่ายทอดไปทั่วโลก และทั่วประเทศ ทำให้ความเข็มแข้งของพันธมิตรฯ เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว เนื่องจากได้ข้อมูลอีกด้านที่แตกต่างจากฟรีทีวี นอกจากนี้ตอนนี้สังคมนักวิชาการยังเริ่มแยกแยะได้แล้ว ว่าสังคมประชาธิปไตยที่มาจาการซื้อเสียงไม่ใช้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้ตุลาการภิวัฒน์ของประเทศได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นแล้ว โดยหลังจากนี้ภาระกิจประวัติศาสตร์ของประชาชนคือการสร้างการเมืองใหม่ ที่มีวัฒนธรรมด้านจริยธรรมที่สูงส่ง และผู้นำจะต้องไม่มีความมั่วหมองด้านจริยธรรม