“ธีรภัทร์” ชี้ “เมียแม้ว” มาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องดี ผิด-ถูกว่ากันไป แนะคนที่เป็นสามีก็น่าจะเดินทางมาพร้อมกันด้วย เหน็บอย่ายึดกฎหมายช่วงที่ตัวเองได้เปรียบ
วันนี้ (8 ม.ค.) ที่ทำเนียบฯ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า คิดว่าคงไม่มีความวุ่นวาย แต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อมีคดีความที่ค้างคาอยู่ก็กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการที่ถูกต้องก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ซึ่งก็จะนำไปสู่ข้อยุติ และก่อให้เกิดความสมานฉันท์ได้ อะไรที่เป็นข้อเท็จจริงก็เชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม
ถามว่าเป็นห่วงว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้อีกหรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า คงไม่ เพราะเรื่องนี้มันเป็นไปตามหลักของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องของกฎหมู่ แต่เป็นเรื่องของกฎหมาย ดังนั้น ไม่ว่าคุณหญิงพจมาน หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางกลับมาต่อสู้คดีอย่างถูกต้องตามหลักของกระบวนการยุติธรรมนั้นก็เชื่อว่าจะเป็นข้อยุติที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และว่าเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาดูแลอยู่แล้วเพราะเป็นหน้าที่โดยตรง และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ก็ให้สัมภาษณ์ยืนยันไปแล้วว่าจะดูแลความปลอดภัยให้เต็มที่ จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
ถามว่า หากการเดินทางมามอบตัวสู้คดีในวันนี้ของคุณหญิงพจมานไม่มีปัญหาอะไร จะส่งผลถึงการเดินทางกลับมาต่อสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ความจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้เพราะท่านเป็นคนไทย และมาแก้ไขคดีความต่างๆ ให้เรียบร้อย ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก
“ไม่ใช่เข้ามาแล้วมาใช้อะไรที่มันนอกเหนือจากหลักกฎหมาย คือต้องตรงไปตรงมาจริงๆ ผมคิดว่าตรงนี้ทุกฝ่ายก็จะยอมรับได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องอื่นๆ ด้วย ผมคิดว่าบ้านเมืองของเราถ้ายึดหลักกฎหมายกฎหมายได้ ก็จะนำไปสู่ความสงบเรียบร้อย ความยุติธรรม ไม่ใช่พอตัวเองได้เปรียบก็บอกให้คนอื่นเขายึดหลักกฎหมาย พอเสียเปรียบก็บอกว่าอย่าไปยึดเลยหลักกฎหมายนี้ ซึ่งผมเห็นมาบ่อย เวลาที่ตนเองซึ่งมีส่วนได้ ส่วนเสียก็มักจะมองอะไรที่ไม่อิงหลักของความถูกต้อง ตรงไปตรงมา ดูจากการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เห็นอยู่แล้ว เวลาที่ได้ประโยชน์ก็พูดอย่างหนึ่ง เวลาที่เสียประโยชน์ก็พูดอีกอย่างหนึ่ง” นายธีรภัทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงว่าจะมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลได้ยึดหลักกฎหมาย หลักนิติธรรมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ก็ขอว่าทุกฝ่ายอย่าได้ไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สำหรับตนเองเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมบ้านเรามีความเข็มแข็งและเป็นสถาบันหลักของบ้านเมืองมานาน คงไม่มีฝ่ายใดเข้าไปแทรกแซงได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วสถาบันตุลาการของเราก็คงไม่เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชนมาได้จนทุกวันนี้ ตนมั่นใจว่าสถาบันตุลาการจะเป็นที่พึ่ง ที่หวังให้กับประชาชนได้ ก็ขอให้ทุกฝ่ายเคารพในคำวินิจฉัยหรือคำตัดสินของศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
นอกจากนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังให้ความเห็นถึงการชุมนุมกดดันการทำงานของกกต.บุรีรัมย์ที่แจกใบแดงให้ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชนว่า กกต.เป็นองค์กรอิสระ เราก็ต้องยอมรับคำวินิฉัยเช่นเดียวกับสถาบันตุลาการ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรใช้กฎหมู่ไปกดดัน หรือแทรกแซง กกต.
“ผมคิวว่าบ้านเมืองเราหากหันมายึดหลักกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ก็จะทำให้เกิดความเรียบร้อยมากขึ้น การวินิจฉัยข้อร้องเรียนต่างๆ มันต้องอาศัยหลักฐาน เมื่อได้พิจารณาหลักฐานที่ชัดเจนแล้วจึงจะมีคำวินิฉัยไป และชาวบ้านเขาก็ไม่ได้มาดูว่าหลักฐานเป็นอย่างไร เขาถึงได้บอกว่าการเลือกตั้งนี้ มันแสดงออกซึ่งความพอใจ แต่การเลือกตั้งไม่ได้แสดงออกถึงความถูกต้อง ตรงนี้ถ้าเมื่อใด ความถูกต้องและความพอใจมันสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันได้ บ้านเมืองมันก็จะเรียบร้อย แต่ถ้าเมื่อใดมันสวนทางกัน มันก็จะเกิดปัญหา ดังนั้นต้องมีหลักในการพิจารณา โดยเฉพาะเรื่องนี้ต้องเอาหลักของกฎหมายมาพิจารณา ไม่ใช่เอาม็อบหรือเอากฎหมู่มาพิจารณา ถ้าอย่างนั้นบ้านเมืองก็วุ่นวาย เพราะทุกคนก็มีพรรคมีพวก ก็ไปเกณฑ์กันมาได้ทั้งนั้น บ้านเมืองก็วุ่นวาย” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการบางคนออกมาแสดงความเห็นว่า กกต.ไม่ควรตัดสินอะไรที่สวนทางกับฉันทามติของประชาชน นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะมีคนพูดอย่างนั้น เพราะการตัดสินอะไรนั้นอยู่ที่หลักฐาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของฉันทามติของประชาชน
“ฉันทามติของประชาชนเขาเรียกว่าม็อบ ก็คือกฎหมู่ และถ้าเป็นกฎหมู่ บ้านเมืองก็วุ่นวาย สับสน และเกิดความไม่สงบเรียบร้อยแน่นอน”
/0110