ผู้จัดการรายวัน - สุวรรณภูมิมีแผนปิดแท็กซี่เวย์ที่เชื่อมต่อไปยังรันเวย์ตะวันตกด้านใต้ ซ่อม 41 วัน แต่ต้องชะลอแผนออกไปก่อน หลังถกร่วมสายการบินหวั่นเกิดปัญหาเหตุช่วงนี้สภาพอากาศแปรปรวน-การชำรุดยังไม่ร้ายแรง แต่หนีไม่พ้น คืนวันที่ 28 และ 29 เม.ย. 02.00-04.00 น.สุวรรณภูมิจะทำการซ่อมแซมพื้นผิวทางขับบริเวณ D1 ซึ่งเชื่อมจากลานจอดไปยังทางวิ่งด้านตะวันออก "ผอ.สุวรรณภูมิ" ชี้วางแผนล่วงหน้าไม่กระทบการบิน ขณะที่บอร์ด ทอท.ตั้ง ”จุลสิงห์” ดูสัญญาคิงเพาเวอร์แก้ปัญหาผิด พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
นายเสรีรัตน์ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า วานนี้ (28 เม.ย.) ทอท.ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (Airport Operation Committee : AOC) ผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) เป็นต้น เพื่อหารือถึงแผนการซ่อมแซมผิวทางขับ (Taxi way) บริเวณที่เชื่อมต่อไปยังทางวิ่ง (Runway) ตะวันตกด้านใต้ ซึ่งชำรุดในหลายจุด เป็นเวลา 41 วัน ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ให้ชะลอแผนการซ่อมแซมออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ สภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกมาก หากมีการปิดพื้นที่ แล้วเกิดเหตุฉุกเฉินอาจจะทำให้กระทบต่อการปฏิบัติการบินประกอบการสภาพการชำรุดของพื้นผิวทางขับนั้นไม่ได้เสียหายมากจนกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน
สภาพการชำรุดของทางขับดังกล่าวรวมถึงการซ่อมแซมเป็นเรื่องปกติของสนามบินทุกแห่งทั่วโลกที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของ ทอท.มีการปรับปรุงการทำงานเพื่อให้ส่งผลกระทบในการปฏิบัติการบินของสายการบินและUser ต่างๆ น้อยที่สุด โดยมีนโยบายที่จะต้องแจ้งแผนการซ่อมแซมต่อสายการบินและ User ต่างๆ ก่อนดำเนินการเพื่อรับทราบถึงความเห็นและอุปสรรคปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับ สายการบิน และ User ซึ่งถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซม
โดย ทอท.มีการติดตามสำรวจพื้นที่ทั้งทางวิ่งและทางขับตลอดเวลาหากพบจุดไหนชำรุดเสียหายก็จะนำมาประเมินผลและกำหนดแผนการซ่อมแซม ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และเวลาในการใช้งานของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งบริเวณ ทางขับ ที่เชื่อมต่อไปยังทางวิ่งตะวันตกด้านใต้ที่พบการชำรุดนั้น สภาพโดยรวมยังใช้งานได้ ดังนั้นจะใช้วิธีติดตามสภาพและจะกำหนดแผนการซ่อมแซมอีกครั้งเมื่อพร้อม โดยจะต้องหารือและวางแผนร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในคืนวันที่ 28 และ 29 เม.ย.เวลาประมาณ 02.00-04.00 น. สนามบินสุวรรณภูมิจะทำการซ่อมแซมพื้นผิวทางขับบริเวณ D1 ซึ่งเชื่อมจากลานจอดไปยังทางวิ่งด้านตะวันออก ซึ่งได้มีการแจ้งข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทราบล่วงหน้า 1 เดือนก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งหอบังคับการบิน สายการบินต่างๆ โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินไม่มาก
ด้าน นายชัยวัฒน์ นวราช ประธานคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (AOC) กล่าวว่า ในฐานะผู้ใช้สนามบินโดยตรง พอใจกับการที่ทอท.หารือและแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ผู้ประกอบการรับทราบก่อนรวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจ และกำหนดแผนร่วมกัน ซึ่งสภาพการชำรุดของ แท็กซี่เวย์ที่เชื่อมกับรันเวย์ด้านตะวันตกนั้น เป็นส่วนของพื้นผิวที่เป็นรอยร่องล้อแต่ยังสามารถใช้งานได้และไม่กระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน
“แม้การชำรุดของรันเวย์และแท็กซี่เวย์นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ประชุมเห็นว่า แผนที่จะมีการปิดซ่อมแซม ประมาณ 41 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.51 นี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเพราะขณะนี้มีปัญหาในเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวน การปิดอาจจะทำให้เกิดข้อจำกัดในการปฏิบัติการบินได้”
อย่างไรก็ตาม AOC ยังเห็นว่า ทอท.ควรเร่งรัดการก่อสร้าง รันเวย์ที่ 3 เพื่อลดปัญหากรณีที่จะต้องปิดพื้นที่ รันเวย์ แท็กซี่เวย์ซ่อม เพราะรันเวย์ที่ 3 จะเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิในการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของ AOC ได้นำเสนอข้อคิดเห็นและข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการปฎิบัติการบินต่อทอท.ไปแล้ว
ตั้ง กก.แก้ปัญหาสัญญาคิงเพาเวอร์
วันเดียวกัน คณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เป็นประธานได้มีการประชุมโดยพลอากาศโทชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมด้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะกรรมการ ทอท. เป็นประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อตรวจสอบในเรื่องการเข้าใช้พื้นที่ของกลุ่มคิงเพาเวอร์ รวมถึงพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาสัญญาระหว่างทอท.กับคิงเพาเวอร์ ว่าจะต้องมีการร่างสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมา หรือแก้ไขสัญญาฉบับเดิม เพื่อให้อยู่ในขอบข่ายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐพ.ศ.2535 และประเมินรายได้ที่ ทอท.จะได้รับเพิ่มเติมจากการปรับปรุงสัญญาด้วย
ส่วนคำวินิฉัยของศาลแพ่งที่ให้ ทอท.รับรู้รายได้จากหลักประกัน ซึ่งได้นำมาวางประกันไว้ที่ศาลแพ่ง ขณะนี้ ทอท.ได้รับเงินหลักประกันเพื่อนำมาบันทึกทางบัญชีจำนวน 3,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากร้านค้าปลอดภาษี และยังเหลือเงินจากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าในวันที่ 30 มิ.ย. 51 ทอท. จะรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 6,400 ล้านบาท ซึ่งการแก้ปัญหากรณีสัญญากับกลุ่มคิงเพาเวอร์ จะทำให้รายได้ของ ทอท. ในภาพรวมดีขึ้น
นอกจากนี้พลอากาศโทชนะยังกล่าวว่า บอร์ดทอท.เป็นห่วงปัญหากรณีที่มีผู้ได้รับความเดือนร้อนทางเสียงจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิปล่อยโคมลอยเพื่อรบกวนการขึ้น - ลง ของเครื่องบิน และได้มีการตรวจพบและจับกุมผู้สงสัยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายบริหาร ทอท.ได้ประสานงานกับหอบังคับการบินในการจับตาอย่างเข้มงวด เพื่อแก้ปัญหาได้ทัน และจะประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ เพื่อระงับการบินทันทีหากมีการตรวจพบการกระทำดังกล่าว ดังนั้นจึงขอให้ผู้โดยสารมั่นใจมาตรฐานความปลอดภัย
นายเสรีรัตน์ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า วานนี้ (28 เม.ย.) ทอท.ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (Airport Operation Committee : AOC) ผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) เป็นต้น เพื่อหารือถึงแผนการซ่อมแซมผิวทางขับ (Taxi way) บริเวณที่เชื่อมต่อไปยังทางวิ่ง (Runway) ตะวันตกด้านใต้ ซึ่งชำรุดในหลายจุด เป็นเวลา 41 วัน ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ให้ชะลอแผนการซ่อมแซมออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ สภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกมาก หากมีการปิดพื้นที่ แล้วเกิดเหตุฉุกเฉินอาจจะทำให้กระทบต่อการปฏิบัติการบินประกอบการสภาพการชำรุดของพื้นผิวทางขับนั้นไม่ได้เสียหายมากจนกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน
สภาพการชำรุดของทางขับดังกล่าวรวมถึงการซ่อมแซมเป็นเรื่องปกติของสนามบินทุกแห่งทั่วโลกที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของ ทอท.มีการปรับปรุงการทำงานเพื่อให้ส่งผลกระทบในการปฏิบัติการบินของสายการบินและUser ต่างๆ น้อยที่สุด โดยมีนโยบายที่จะต้องแจ้งแผนการซ่อมแซมต่อสายการบินและ User ต่างๆ ก่อนดำเนินการเพื่อรับทราบถึงความเห็นและอุปสรรคปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับ สายการบิน และ User ซึ่งถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซม
โดย ทอท.มีการติดตามสำรวจพื้นที่ทั้งทางวิ่งและทางขับตลอดเวลาหากพบจุดไหนชำรุดเสียหายก็จะนำมาประเมินผลและกำหนดแผนการซ่อมแซม ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และเวลาในการใช้งานของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งบริเวณ ทางขับ ที่เชื่อมต่อไปยังทางวิ่งตะวันตกด้านใต้ที่พบการชำรุดนั้น สภาพโดยรวมยังใช้งานได้ ดังนั้นจะใช้วิธีติดตามสภาพและจะกำหนดแผนการซ่อมแซมอีกครั้งเมื่อพร้อม โดยจะต้องหารือและวางแผนร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในคืนวันที่ 28 และ 29 เม.ย.เวลาประมาณ 02.00-04.00 น. สนามบินสุวรรณภูมิจะทำการซ่อมแซมพื้นผิวทางขับบริเวณ D1 ซึ่งเชื่อมจากลานจอดไปยังทางวิ่งด้านตะวันออก ซึ่งได้มีการแจ้งข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทราบล่วงหน้า 1 เดือนก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งหอบังคับการบิน สายการบินต่างๆ โดยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินไม่มาก
ด้าน นายชัยวัฒน์ นวราช ประธานคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (AOC) กล่าวว่า ในฐานะผู้ใช้สนามบินโดยตรง พอใจกับการที่ทอท.หารือและแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ผู้ประกอบการรับทราบก่อนรวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจ และกำหนดแผนร่วมกัน ซึ่งสภาพการชำรุดของ แท็กซี่เวย์ที่เชื่อมกับรันเวย์ด้านตะวันตกนั้น เป็นส่วนของพื้นผิวที่เป็นรอยร่องล้อแต่ยังสามารถใช้งานได้และไม่กระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน
“แม้การชำรุดของรันเวย์และแท็กซี่เวย์นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ประชุมเห็นว่า แผนที่จะมีการปิดซ่อมแซม ประมาณ 41 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.51 นี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเพราะขณะนี้มีปัญหาในเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวน การปิดอาจจะทำให้เกิดข้อจำกัดในการปฏิบัติการบินได้”
อย่างไรก็ตาม AOC ยังเห็นว่า ทอท.ควรเร่งรัดการก่อสร้าง รันเวย์ที่ 3 เพื่อลดปัญหากรณีที่จะต้องปิดพื้นที่ รันเวย์ แท็กซี่เวย์ซ่อม เพราะรันเวย์ที่ 3 จะเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิในการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของ AOC ได้นำเสนอข้อคิดเห็นและข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการปฎิบัติการบินต่อทอท.ไปแล้ว
ตั้ง กก.แก้ปัญหาสัญญาคิงเพาเวอร์
วันเดียวกัน คณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เป็นประธานได้มีการประชุมโดยพลอากาศโทชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมด้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะกรรมการ ทอท. เป็นประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อตรวจสอบในเรื่องการเข้าใช้พื้นที่ของกลุ่มคิงเพาเวอร์ รวมถึงพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาสัญญาระหว่างทอท.กับคิงเพาเวอร์ ว่าจะต้องมีการร่างสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมา หรือแก้ไขสัญญาฉบับเดิม เพื่อให้อยู่ในขอบข่ายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐพ.ศ.2535 และประเมินรายได้ที่ ทอท.จะได้รับเพิ่มเติมจากการปรับปรุงสัญญาด้วย
ส่วนคำวินิฉัยของศาลแพ่งที่ให้ ทอท.รับรู้รายได้จากหลักประกัน ซึ่งได้นำมาวางประกันไว้ที่ศาลแพ่ง ขณะนี้ ทอท.ได้รับเงินหลักประกันเพื่อนำมาบันทึกทางบัญชีจำนวน 3,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากร้านค้าปลอดภาษี และยังเหลือเงินจากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าในวันที่ 30 มิ.ย. 51 ทอท. จะรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 6,400 ล้านบาท ซึ่งการแก้ปัญหากรณีสัญญากับกลุ่มคิงเพาเวอร์ จะทำให้รายได้ของ ทอท. ในภาพรวมดีขึ้น
นอกจากนี้พลอากาศโทชนะยังกล่าวว่า บอร์ดทอท.เป็นห่วงปัญหากรณีที่มีผู้ได้รับความเดือนร้อนทางเสียงจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิปล่อยโคมลอยเพื่อรบกวนการขึ้น - ลง ของเครื่องบิน และได้มีการตรวจพบและจับกุมผู้สงสัยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายบริหาร ทอท.ได้ประสานงานกับหอบังคับการบินในการจับตาอย่างเข้มงวด เพื่อแก้ปัญหาได้ทัน และจะประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ เพื่อระงับการบินทันทีหากมีการตรวจพบการกระทำดังกล่าว ดังนั้นจึงขอให้ผู้โดยสารมั่นใจมาตรฐานความปลอดภัย