“หมัก” ระบายแค้น สั่งสอบ “ปฐมพงษ์” ด่วน อ้างขัดรัฐธรรมนูญ-ทำผิดธรรมเนียมกลาโหม และข้อบังคับกองทัพไทย กรณีสวมเครื่องแบบขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เปิดใจทนไม่ได้กับการหมิ่นในหลวง และไทยต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหาร
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารสูงสุด สวมเครื่องแบบขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายให้นำเอาบันทึกข้อความด่วนที่สุด เรื่องการขึ้นกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ของ พล.อ.ปฐมพงษ์ หนังสือเลขที่ กห.0100/4 ลงวันที่ 10 ก.ค. 2551 และลงนามโดยนายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งทำเสนอขึ้นไปโดย พล.อ.อุดมชัย องคสิงห เลขานุการรมว.กลาโหม
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หนังสือดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2551 เวลา 18.05 - 18.45 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้แต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารขึ้นกล่าวบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ มีประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ จุดยืน และความสามัคคีของกองทัพ และกำลังพลในกองทัพดังนี้
1.1 ได้กล่าวอ้างและพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร บุคคลสำคัญ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาระดับสูง ต่อกรณีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกรณีปราสาทพระวิหาร เพื่อแสดงให้ผู้ชุมนุมเห็นว่ากล้าแสดงความไม่เห็นด้วยต่อท่าทีของผู้นำกองทัพ ตลอดจนกล้าต่อต้านรัฐบาล
1.2 การประกาศให้ทหารออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยระบุว่าไม่ผิดวินัย เนื่องจากทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่เสื่อมเสียเกียรติ์ หากใครออกมาร่วมชุมนุมแล้วถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษถือว่าผู้บังคับบัญชาขี้ขลาด โดยให้อ้าง พล.อ.ปฐมพงษ์ เป็นผู้ชักชวนและจะเป็นผู้ปกป้องเอง
2.พฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์ มีผลเสียหายร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ จุดยืนและความสามัคคีของกองทัพ นอกจากนี้อาจทำให้ประชาชนสับสน และขาดความเชื่อมั่นต่อบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ จึงสมควรตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ แบบธรรมเนียม และข้อบังคับต่างๆของกระทรวงกลาโหม หรือกองบัญชาการกองทัพไทยหรือไม่ และมีแนวทางปฏิบัติต่อกรณีนี้อย่างไร นอกจากนี้ควรชี้แจงทำความเข้าใจให้ส่วนราชการในกระทรวงกลาโหม ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
3.ข้อเสนอ เห็นควรดำเนินการดังนี้ 3.1 ให้กรมพระธรรมนูญ กรมเสมียนตราและกองบัญชาการกองทัพไทย ดำเนินการตามข้อพิจารณาในข้อ 2 โดยเร่งด่วนและรายงานผลการดำเนินการให้รมว.กลาโหมทราบ ในโอกาสแรก
3.2 .ให้โฆษกกระทรวงกลาโหมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาหากเห็นสมควรกรุณาอนุมัติตามเสนอในข้อ 3
"ลงนามโดย พล.อ.อุดมชัย องคสิงห อนุมัติในข้อ 3 ลงนามโดยนายสมัคร สุนทรเวช รมว.กลาโหม ลงวันที่ 10 ก.ค. 2551 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่เลขานุการ รมว.กลาโหมได้มีหนังสือขึ้นไป"นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ขออย่าให้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ตอกลิ่มคนในชาติ และคนทั้ง 2 ชาติ ทั้งไทยและกัมพูชา เรื่องข้อมูลปราสาทพระวิหาร ตรงนี้ชัดเจนแล้วว่าปราสาทเป็นของกัมพูชา ตั้งแต่ศาลโลกตัดสิน หาก พล.อ.ปฐมพงษ์ ลืมข้อเท็จจริงตรงนี้ตนขอแนะนำให้ไปดูรายการ “ถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็ก ป. 4” ทางช่อง 3 เพราจะได้ความรู้ต่อเนื่อง
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร ลงนามอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์ว่า การพิจารณาโทษวินัยร้ายแรงสูงสุด สำหรับ พล.อ.ปฐมพงษ์ คือแค่ตักเตือน เพราะเป็นนายทหารชั้นยศอัตราจอมพล ซึ่งถือว่าร้ายแรงที่สุดแล้ว
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจสั่งปลดหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจสั่งปลด และต้องคงไว้ในตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ กรณีการตั้งกรรมการสอบยืนยันว่า จะไม่สร้างความแตกแยกภายในกองทัพ เพราะไม่เกี่ยวกัน
ทั้งนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวาน เมื่อเย็นวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุถึงสาเหตุที่ต้องมาร่วมกิจกรรมกับพันธมิตรฯ ว่า เนื่องจากทนไม่ได้กับกรณีที่รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้มีการหมิ่นพระบรมราชานุภาพ และทำให้เสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร หลังจากกัมพูชาสามารถจดทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกโดยฝ่ายเดียวสำเร็จ หลังจากนั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้แถลงข่าวย้ำจุดยืนอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
คลิก! ชม “พล.อ.ปฐมพงษ์” ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ 8 ก.ค.51(56K) |(256K)
คลิก! ชม “พล.อ.ปฐมพงษ์” แถลงหน้าลานพระรูปฯ 10 ก.ค.51(56K) |(256K)