xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” เจ็บ “ปฐมพงษ์” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ จี้ ผบ.สส.จัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
“ณัฐวุฒิ” ปวดใจ “ปฐมพงษ์” แต่งเครื่องแบบนายพลเต็มยศขึ้นเวที “พันธมิตรฯ” ไล่รัฐบาลหุ่นเชิด อ้างผิดวินัย จี้ “บุญสร้าง” จัดการ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างนายทหารคนอื่น

วันนี้ (9 ก.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ แต่งเครื่องแบบนายทหาร อัตราพลเอกเต็มยศ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ทนไม่ได้อีกต่อไปกับเหตุการณ์ปราสาทพระวิหารที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศไทย โดยหลังจากได้ลงพื้นที่สำรวจการปฏิบัติงานของทหารบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และได้ทำหนังสือแจ้งมาทาง รมว.กลาโหม และ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2551 ว่าทหารเหล่านั้นเขากังวลและอึดอัดที่มีประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตั้งถิ่นฐานรุกล้ำเข้ามาในประเทศไทย แต่รัฐบาลกลับวางเฉย จนมาเป็นเหตุให้ต้องลุกขึ้นมาพูดบนเวทีพันธมิตรฯ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วิธีการแสดงออกของ พล.อ.ปฐมพงษ์ หากไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ก็มีวิธีอีกมากมายที่เหมาะสม เช่น การแถลงข่าวในสถานที่ที่เหมาะสมกว่าเวทีพันธมิตรฯ หรือการทำหนังสือทักท้วง ก็สามารถทำได้ แต่นี่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เลือกที่จะขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มันหมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ พูดเรื่องปราสาทพระวิหารบนเวทีพันธมิตรฯ โดยยอมรับความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯที่ดำเนินอยู่ด้วยใช่หรือไม่ เช่น การมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือการประกาศทฤษฎีการเมืองใหม่ หรือการล่าชื่อประชาชน 2 หมื่น เพื่อถอดถอนผู้พิพากษา ซึ่งการกระทำอย่างนี้จึงมีปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ยังได้นำเอกสารซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำหรับข้าราชการทหารที่ออกมาเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2551 ที่ผ่านมา ว่า ทหารที่จะต้องการเข้าร่วมฟังการปราศรัยในที่สาธารณะ ไม่ควรสวมเครื่องแบบ และควรเว้นการใช้ยศประกอบในการแนะนำตนเองกับบุคคลทั่วไป ขณะที่อยู่ในการชุมนุม และการไปร่วมชุมนุมต้องไม่ใช่ในเวลาราชการ และการไปร่วมฟังการปราศรัยหรือร่วมบรรยาย ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของรัฐบาลให้ประชาชนฟัง

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า จากข้อปฏิบัติดังกล่าวนี้ชัดเจนว่า สิ่งที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ แสดงออกบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ วานนี้ เป็นการกระทำที่ขัดต่อคำสั่ง ขัดต่อแนวนโยบายของกองทัพไทย ที่มีการลงนาม เซ็นหนังสือราชการที่เพิ่งออกมาเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ซึ่งผ่านมาเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็สวมเครื่องแบบนายทหารอัตราพลเอกเต็มยศ ขึ้นเวทีขับไล่รัฐบาล และเรียกร้องให้ทหารออกมาร่วมชุมนุมอย่างเปิดเผย ซึ่งการกระทำเช่นนี้นอกจากจะขัดต่อคำชี้แจงของกองทัพไทยแล้ว ยังขัดต่อวินัยทหาร ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับทหาร และยังก่อให้แตกความสามัคคีในทหาร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผู้นำในกองทัพต่างออกมาย้ำเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหาทางการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง ทหารจะไม่ออกมากระทำการใดๆ อันไม่พึงปรารถนาในระบอบประชาธิปไตย โดยทหารจะอยู่ในที่ตั้ง

“เมื่อนโยบายผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพเป็นอย่างนี้ แต่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ยังขึ้นไปกล่าวบนเวทีเชิญชวนนายทหารออกมาชุมนุมโดยไม่ต้องเกรงกลัวคำสั่งผู้บังคับบัญชา ก็หมายความว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ กำลังทำให้เกิดการแตกความสามัคคีในกองทัพด้วย ดังนั้น จากการกระทำที่ไม่เหมาะสม และผิดวินัยทหารดังกล่าว ผมจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้ดำเนินการต่อพฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ตามกฎระเบียบวินัยทหารและตามกฎหมายของกองทัพอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างต่อนายทหารคนอื่นๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน เพราะหากเกิดการเลียนแบบกัน ความสง่างามของกองทัพจะอยู่ตรงไหน ตอนนี้ประชาชนกำลังรอบรรทัดฐานจากกองทัพไทยว่าจะดำเนินการต่อการแสดงออกของนายทหารซึ่งสวมเครื่องแบบชุมนุมทางการเมืองโค่นล้มรัฐบาล ปลุกระดมประชาชนอย่างไร ขอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการโดยเร็ว เพื่อให้สังคมสงบเรียบร้อยด้วย” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเดินทางลงไปในพื้นที่นั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ในช่วงการบริหารงานของรัฐบาลไหน ช่วงของรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช หรือช่วงของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กันแน่ และอยากตั้งข้อสังเกตอีกว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ นั้นได้รับตำแหน่งทางการเมือง หลังการยึดอำนาจ โดยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และหลังจากมีรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็ไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณเวทีพันธมิตรฯอยู่ตลอด จึงทำให้อดมองไม่ได้ว่า เป็นการแทงหวยทางการเมืองงวดสุดท้ายก่อนการเกษียณอายุราชการของ พล.อ.ปฐมพงษ์ หรือไม่ ที่หวังจะได้รางวัลที่ใหญ่กว่าการเป็น สนช.หลังการรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.2549 หรือไม่

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มในการนำเอาคำตัดสินของคณะกรรมการมรดกโลกที่ให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตามคำขอของกัมพูชา มาเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางและศาลรัฐธรรมนูญ ในทำนองว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารนั้น ทำให้ประเทศไทย ต้องเสียดินแดน เสียอธิปไตย และยังเชื่อมโยงว่าคำวินิจฉัยของทั้ง 2 ศาลนั้นมีข้อสรุปในเชิงว่ารัฐบาลนี้ได้กระทำการจนประเทศไทยต้องเสียดินแดนในที่สุด ซึ่งตรงนี้มีการยืนยันจากหลายฝ่ายที่เดินทางไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากกรมแผนที่ทหาร หรือ นายปองพล อดิเรกสาร ต่างก็ยืนยันว่าไทยไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ส่วนคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางและศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็เป็นคำวินิจฉัยที่มีผลเฉพาะประเด็นที่เป็นกรณีทางกฎหมายระหว่างผู้ยื่นร้องและรัฐบาลในฐานะผู้ถูกร้องเท่านั้น ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้เข้าใจด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น