xs
xsm
sm
md
lg

"ปฐมพงษ์"ไม่สน"หมัก"สอบ ด้าน พันธมิตรฯล่า 2หมื่นถอนครม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในช่วงเย็นของวันที่11 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะกรรมการที่

ปรึกษาผู้บัญชาการทหารสูงสุด สวมเครื่องแบบขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

อีกครั้ง (ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา) ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับของพี่น้องประชาชนอย่างกึกก้อง

ยาวนาน โดยนายทหารท่านนี้ กล่าวว่า หลังจากที่ขึ้นเวทีไปครั้งหนึ่งแล้ว ตนได้รับข้อมูลจากพี่น้องทหาร

ทั้งที่เกษียณและพลทหารที่รู้จัก ต่างรับไม่ได้ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการเสียดินแดน พร้อม

เปิดเผยว่า ได้มาที่ชุมนุมเมื่อตอนตี 3 คืนที่ผ่านมา เพื่อมารับรู้ว่าพี่น้องที่นี่อยู่กันอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่อง

ง่ายที่อยู่บนท้องถนน หลายคนสงสัยว่ามีการจ่ายเงิน จึงอยากให้ทุกคนมาดูเองจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร แล้วจะ

เชื่อ
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนได้ช่วยกันส่งข้อมูลหลักฐานเรื่องการเสียดิน

แดนที่มีอยู่ทั่วโลกที่เป็นหลักฐานใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การทวงคืนปราสาทพระวิหารอีกครั้ง ขณะเดียวกัน

ต้องช่วยกันปกป้องคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ให้ถูกรังแกเพื่อสร้างแนวร่วมให้มาก เพื่อเป็นพลังอำนาจ

ที่ใหญ่ที่สุด
“เราไม่รังแกใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครรังแก กับเพื่อนบ้านต้องมีศักดิ์ศรี มีความเป็นมิตร แต่อย่าทำ

ให้คนไทยเจ็บปวดมากกว่านี้” นายทหารผู้นี้ ระบุและว่า เป็นทหารมาทั้งชีวิต ต้องการเป็นทหารที่สมบูรณ์

สมกับเป็นทหารของชาติ ของพระเจ้าอยู่หัว
พล.อ.ปฐมพงษ์ ยังเปิดเผยถึงเรื่องที่ส่งนายทหารไปรับตัว นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรม

สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่สนามบิน เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตามหมายจับในคดีหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ

ชินวัตร ว่า "ท่านสุนัย เป็นคนดีจะให้เสียเกียรติแบบนั้นได้อย่างไร"นายทหารกล่าวและว่า
“ผู้ใต้บังคับบัญชาบางคนบอกว่า เรื่อง ณัฐวุฒิ (ใสยเกื้อ) อย่าไปถ่อมตัวลงมา พวกผมจะจัดการ

เอง แต่การกระทำที่ไร้ยางอาย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขายดินแดนควรทำอย่างไร” พล.อ.ปฐมพงษ์

กล่าวและว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มายืนที่นี่ และย้ำว่า ไม่คิดเล่นการเมืองหลังเกษียณและเป็นทหารที่

สมบูรณ์แล้ว
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ได้ทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ซึ่งไม่มีกฎหมายใด หรือกฎกระทรวง

ใดที่เหนือกว่าตรงนี้ได้ อย่างไรก็ดี เชื่อว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ยืนอยู่ข้างประชาชนแน่นอนและขอ

ให้มั่นใจ แต่ในช่วงเวลานี้กำลังเฝ้าดูอยู่ เนื่องจากเปรียบเสมือนเรือใหญ่
****"สมัคร"ฉุนขาดสั่งสอบ"ปฐมพงษ์"เย้ยป๋าเปรม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เก

ษรศุกร์ ประธานฯขึ้นปราศัยบนเวทีพันธมิตรฯว่า วานนี้(11 ก.ค.) ตนได้รับมอบหมายให้นำเอาบันทึกข้อ

ความด่วนที่สุด เรื่อง การขึ้นกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ของพล.อ.ปฐมพงษ์ หนังสือเลขที่ กห.0100/4 ลงวันที่

10 ก.ค. 2551 และลงนามโดยนายสมัคร สุนทรเวช รมว.กลาโหม ซึ่งทำเสนอขึ้นไปโดยพล.อ.อุดมชัย องค

สิงห เลขานุการรมว.กลาโหม
หนังสือดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2551 เวลา 18.05 - 18.45 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ ได้แต่ง

กายด้วยเครื่องแบบทหารขึ้นกล่าวบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ มีประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์

จุดยืน และความสารมัคคดีของกองทัพ และกำลังพลในกองทัพดังนี้
1.ได้กล่าวอ้างและพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร บุคคลสำคัญ ตลอดจนผู้บังคับ

บัญชาระดับสูง ต่อกรณีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกรณีปราสาทพระวิหาร เพื่อแสดงให้ผู้ชุมนุม

เห็นว่ากล้าแสดงความไม่เห็นด้วยต่อท่าทีของผู้นำกองทัพ ตลอดจนกล้าต่อต้านรัฐบาล
1.1 การประกาศให้ทหารออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยระบุว่าไม่ผิดวินัย เนื่อง

จากทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่เสื่อมเสียเกียรติ์ หากใครออกมาร่วมชุมนุมแล้วถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษ

ถือว่าผู้บังคับบัญชาขี้ขลาด โดยให้อ้างพล.อ.ปฐมพงษ์ เป็นผู้ชักชวนและจะเป็นผู้ปกป้องเอง
2.พฤติกรรมของพล.อ.ปฐมพงษ์ มีผลสียหายร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ จุดยืนและความสามัคคี

ของกองทัพ นอกจากนี้ อาจทำให้ประชาชนสับสน และขาดความเชื่อมั่นต่อบทบาทสำคัญยิ่งในการปก

ป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ จึงสมควรตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ

แบบธรรมเนียม และข้อบังคับต่างๆของกระทรวงกลาโหม หรือกองบัญชาการกองทัพไทยหรือไม่ และมี

แนวทางปฏิบัติต่อกรณีนี้อย่างไร นอกจากนี้ควรชี้แจงทำความเข้าใจให้ส่วนราชการในกระทรวงกลาโหม

ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
3.ข้อเสนอ เห็นควรดำเนินการดังนี้ 3.1 ให้กรมพระธรรมนูญ กรมเสมียนตราและกอง

บัญชาการกองทัพไทย ดำเนินการตามข้อพิจารณาในข้อ 2 โดยเร่งด่วนและรายงานผลการดำเนินการให้รม

ว.กลาโหมทราบ ในโอกาสแรก
3.2 .ให้โฆษกกระทรวงกลาโหมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาหากเห็น

สมควรกรุณาอนุมัติตามเสนอในข้อ 3
"ลงนามโดยพล.อ.อุดมชัย องคสิงห อนุมัติในข้อ 3 ลงนามโดยนายสมัคร สุนทรเวช รมว.

กลาโหม ลงวันที่ 10 ก.ค. 2551 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่เลขานุการรมว.กลาโหมได้มีหนังสือขึ้นไป"นาย

ณัฐวุฒิ กล่าว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ทำ

หนังสือถึงประธานวุฒิสภา และประธานองคมนตรี เพื่อชี้แจ้งให้ทราบว่า เรื่องต่างๆ พวกนี้ได้ดำเนินการ

มาแล้ว โดยแจ้งให้เหล่าทัพ พันธมิตรฯ ทราบเกี่ยวกับเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเรื่องอาณาเขต

ของพระมหากษัตริย์เขาพระวิหาร
“ ไม่มีใครตอบ ยกเว้นประธานองคมนตรี โดย พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ตอบมาในวันที่ 21

มิ.ย.ว่า ท่านรับทราบ และอ่านรายละเอียดและลงบันทึกมาว่า นี่เป็นการตอบแทนบุญคุณอย่างหนึ่ง ผม

พยายามที่จะให้สัมภาษณ์ชี้แจงผ่านสื่อ แต่กลับไม่ใส่ใจที่จะให้ผมสัมภาษณ์ ผมจึงประสานมายัง พล.ต.

จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ว่า ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ เพราะไม่เช่นนั้นทุกคนจะคิดว่า ทหารทุก

คนไปไหนกันหมด ”
****"สมัคร"ไม่มีอำนาจปลด"ปฐมพงษ์"
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายก

รัฐมนตรี ลงนามอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ว่า การ

พิจารณาโทษวินัยร้ายแรงสูงสุด สำหรับ พล.อ.ปฐมพงษ์ คือแค่ ตักเตือน เพราะเป็นนายทหารชั้นยศอัตรา

จอมพล ซึ่งถือว่าร้ายแรงที่สุดแล้ว
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจสั่งปลดหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจสั่ง

ปลด และต้องคงไว้ในตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ กรณีการตั้งกรรมการสอบยืนยันว่า จะไม่สร้างความแตกแยกภาย

ในกองทัพ เพราะไม่เกี่ยวกัน
***2หมื่นชื่อยื่นถอดถอนรบ.ทั้งคณะ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.เวลา 14.00 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชน

เพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วยนาย สมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นาย สุริยะใส กตะศิลา นาย ศิริชัย

ไม้งาม เข้าพบนาย ประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ในการยื่น

ถอดถอนคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้งคณะ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ของครม.ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่เห็นชอบให้นาย นพ

ดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ(( ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.เป็นต้นไป นายนพดล หมดสถานภาพรมว.ต่างประเทศ)

ไปลงนามในเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็น

มรดกโลก ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่า เป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ต้อง

ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน แต่ครม.และนายนพดล กลับมิได้ดำเนินการ แม้มีเสียงคัดค้านจาก

สังคมก็ตาม นอกจากนี้ การดำเนินของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมัคร ยังเป็นไปแบบเร่งรีบ ปกปิด และ

ไม่โปร่งใส จนเปิดช่องและเอื้อประโยชน์ให้รัฐบาลกัมพูชาสามารถขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็น

มรดกแต่เพียงฝ่ายเดียว
“ พฤติการณ์ทั้งหมดของรัฐบาลจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่

การถอดถอนออกจากตำแหน่ง จึงขอแสดงตนต่อประธานวุฒิสภาเป็นผู้ริเริ่มใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ 2550

มาตรา 164 เพื่อให้วุฒิสภา มีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา 270 ออกจากตำแหน่งต่อไป

ส่วนที่ยื่นถอดถอนรัฐมนตรีทั้งคณะ โดยรัฐมนตรีที่ไม่ได้ร่วมประชุมครม.เพื่ออนุมัติการไปลงนามใน

แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการประชุมครม.วันที่ 17 มิถุนายน ก็ต้องไปชี้แจงต่อป.ป.ช.เพื่อให้ป.ป.ช.

พิจารณาเอง และในวันเสาร์-อาทิตย์ นี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะรวบรวมรายชื่อให้ครบ 2 หมื่นชื่อ ยื่นต่อประธาน

วุฒิสภาภายในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ในเวลา 13.00 น." นายสมศักดิ์กล่าว
(*****ทำตัวดำ******อนึ่ง ประชาชนสามารถดาวน์โหลด "แบบฟอร์มถอดถอนรัฐมนตรีทั้ง

คณะ" ได้ที่ www.manager.co.th กรุณาอ่านหมายเหตุโดยละเอียด*****)
ด้าน นายประสพสุข กล่าวว่า เมื่อยื่นรายชื่อมาก็จะตรวจสอบ โดยจะส่งไปที่ฝ่ายทะเบียน

กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย และกกต.ตรวจสอบความถูกต้องต่อไป จากนั้นก็จะเร่งดำเนินการ

ตามขั้นตอน
**ยื่นป.ป.ช.ฟันครม.ทั้งคณะจันทร์นี้

นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 14 ก.ค.นี้ ทาง 5 แกนนำ

พันธมิตรฯจะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อ

เป็นโจทย์ในการยื่นเอาผิดกับบุคคลที่ขายชาติ โดยจะอาศัยช่องทางตามมาตรา 275 ร้องต่อป.ป.ช. เพื่อเอา

ผิดกับบุคคล 42 คน และในนั้น 35 คนอยู่ในคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ในฐานความผิด

ตามประมวลกฎหมายอาญา 3 มาตรา ได้แก่ มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา119 ที่ระบุถึง

บุคคลที่ทำให้ราชอาณาจักรสูญเสียอธิปไตย และมาตรา 120 ที่ระบุถึงความผิดที่ผู้ใดคบคิดเพื่อประโยชน์

ของรัฐต่างประเทศ ซึ่งในฐานความผิดนี้ จะหมายครอบคลุมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ด้วย

" สิ่งที่น่ากลัวในที่สุดสำหรับประเทศไทยในตอนนี้ คือ คนที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของผม ตรงนี้น่ากลัว แต่คน

ที่ไม่เห็นด้วยกับผม(สนธิ)ตรงนี้ไม่น่ากลัว ผมเห็นคนที่รักทักษิณ ก็เริ่มมาเห็นใจผมแล้ว คนอย่างนี้ไม่น่า

กลัว แต่คนน่ากลัวคือ คนธุระไม่ใช่ ขออยู่ไปเลยๆ น่ากลัว" นายสนธิกล่าว พร้อมเตือนภัยว่า " ตอนนี้

ระบอบทักษิณกลืนประเทศไปแล้ว ครั้งหนึ่งคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี (เจ้าของธุรกิจน้ำเมาในเมืองไทย) เคย

บ่น ผมโดนแกล้ง ผมจะเอาเหล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็โดนแกล้ง ผมเลยก็ต้องไปที่อื่น ถ้าทักษิณมีอำนาจ

นายเจริญจะเป็นอย่างไร ก็เปรียบเหมือนมดไปเลย การที่ผม(สนธิ)ออกมายืนบัง ทนหอก ทนดาบนั้น

รับรองมีคนข้างหลังผมได้ประโยชน์ แต่พวกเรากลับถูกเสียดศรี แล้วเราจะสู้ไปทำไหม มีคนเอาเงินมาให้

1,000-2,000 ล้านบาท มาวางให้ผม ผมก็ไม่รับ มารับเงินบริจาคจากพ่อแม่พี่น้องทุกวันนี้ จนทำให้ASTV มี

เงิน 60 ล้านบาทแล้ว"

นายสนธิกล่าวด้วยจิตสำนึกของความเป็นคนไทยคนหนึ่งว่า "เมื่อผมนึกถึงพระองค์ท่าน จิตใจผมอึดสู้ขึ้น

มาทันที พระองค์ท่านผ่านวิกฤตของชาติบ้านเมืองมามากมาย แต่พระองค์ท่านไม่พูดซักคำ ไม่เคยทำอะไร

เลยที่จะทำให้ประชาชนเดือนร้อนหรือร้อนใจ พระองค์ท่านเดินทางไปทุกที่ด้วยความยากลำบากยากเย็น

พระองค์ท่านเลี้ยงคุณทองแดง มีนัยสำคัญเยอะ พระองค์ท่านบอกว่าอย่าลืมหมาไทย อย่าลืมประเทศไทย

อย่านึกว่าพระองค์จะไม่รู้เรื่องเขาพระวิหาร อย่านึกว่าพระองค์จะไม่เจ็บ อย่าไปนึก แต่พระองค์รู้ พระองค์

รู้ว่าเราเสียเขาพระวิหารไป 4.5 กิโลเมตร พระองค์ท่านจะคิดอย่างไร เมื่อทหารเสือพระราชา พระราชนี ไม่

แสดงออกต่อการรักชาติ "

นายสนธิกล่าวถึงประเด็นที่นายสมัคร จะนำเรื่องการเช่ารถเมล์ 6,000 คันเข้าสู่การพิจารณาของครม.นั้น

แสดงให้เห็นประเด็นว่า รัฐบาลได้เตรียมการ แม้ว่าจะมีการให้มีการเปิดอภิปรายในกรณีดังกล่าว แต่สุดท้าย

เมื่อมีการโหวต สุดท้ายรัฐบาลก็ชนะ

"การที่จะเช่ารถเมล์ใส่แก๊สNGV จำนวน 6,000 คัน ได้ถูกปั้นตัวเลขขึ้นมา ทำเพียงไม่กี่วัน เอกสารก็เสร็จ

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการกำหนดผู้โดยสารมากมายเหลือเกิน ตัวเลขบอกว่า ขสมก.จะได้กำไร

มากมาย โครงการนี้ใช้เงินสูงถึง 1.8 แสนล้านบาท และตามประมาณการ ของคนที่ลงตัวเลขด้วยความเป็น

จริง งานนี้ขสมก.ขาดทุนทันที 20 ล้านบาท รวม 20ปี ขาดทุนทันที 87,600 ล้านบาท เมื่อเข้าครม.นี้ เมื่อ

ครม.อนุมัติ ก็มีการแบ่งคอมมิชันทันที นายเยิ่น ปิ่ง ก็ไปแบ่งพรรคพวก 3,000 ล้านบาท อีก 3,000 ล้านบาท

รัฐบาลชุดนี้รับไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับกรณีน้ำตาล"

****สปิริตนักการเมืองไทยต้อง"ลาออก"
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร ประกาศจะไม่ยุบสภาและไม่ลาออกว่า ไม่คำนึงถึง

จริยธรรมทางการเมือง โดยปกตินักการเมืองทั่วโลก เมื่อมีข้อมูลออกมาแบบนี้จะแสดงสปิริตลาออก แต่

นักการเมืองไทยไม่มีจิตสำนึก พันธมิตรฯจึงดำเนินการถอดถอนและดำเนินคดีอาญา
" การที่รัฐบาลและรมว.ต่างประเทศดำเนินการขัดรัฐธรรมนูญ จึงถือว่านิติกรรมเป็นโมฆะ

เหมือนกรณีนาย ไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรมว.สาธารณสุข ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติการ

เป็นรัฐมนตรี ก็ถือว่าเป็นโมฆะตั้งแต่รับตำแหน่ง กรณีนี้ก็เช่นกัน การไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมจึงเป็น

โมฆะ ทั้งนี้ ปราสาทพระวิหารเป็นของไทย และไทยสามารถเอาคืนได้ตลอด แต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

นายนพดล ไปสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารที่ฝรั่งเศส จากนั้นก็มาขอมติครม.เมื่อวันที่ 17

มิ.ย. และวันที่ 18 มิ.ย. ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วม เป็นการผิดซ้ำซาก แล้วยังมายืนยันว่าไม่ได้ทำผิด

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถือว่าไม่รู้จักถูกผิดชั่วดี เหมือนไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ "
เมื่อถามว่า นายกฯอ้างว่า ลาออกแล้วจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การ

ลาออกทำได้ และไม่ได้ติดล็อกอะไร เรื่องนี้มีทางออกตามกลไกอยู่แล้ว โดยมีคนใหม่ไปทำหน้าที่ได้

สุญญากาศเกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ และถ้าไม่มีรัฐบาลนี้ ประเทศชาติก็ยังเดินหน้าไปได้และจะเจริญยิ่งกว่า
ส่วนในกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลมีท่าทีเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พันธมิตรฯได้จับตา

ดูอยู่แล้ว และทันทีที่มีการดำเนินการ ทางพันธมิตรฯจะต่อต้านจนถึงที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ กรณีที่มีสมาชิก

รัฐสภาจำนวนกว่า 160 คน เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 50 พันธมิตรฯได้รวบรวมรายชื่อ

ประชาชนยื่นถอดถอนไปแล้ว ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของป.ป.ช.ถ้ามีการชี้ว่ามีมูล สมาชิก

จำนวนดังกล่าวก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคงไม่ทันที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่า จะเปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เปิด

ไปเลย ขอให้รีบพูดในรายการสนทนาประสาสมัครในวันอาทิตย์ ไหนๆจะโดนดำเนินการอยู่แล้ว ไม่แน่

อาทิตย์นี้นายกฯอาจได้พูดเป็นครั้งสุดท้าย
*****"นพเหล่"ต้องถูกประหารชีวิต
นายรณชิต ทุ่มโมง ประธานสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่นายนพดล

ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ได้ลาออก โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบกรณีปราสาทพระวิหารนั้น

ตนเห็นว่า นายนพดล คนเดียวไม่สามารถทำเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยต้องประสบความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่

มหาศาลเช่นนี้ได้ แต่เป็นการทำงานของรัฐบาลทั้งคณะ
"ขอเรียกร้องให้ส่วนที่เกี่ยวข้องนำตัว นายนพดล และครม.ทั้งคณะรวมทั้งทุกคนที่เกี่ยวข้อง

มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อให้รับโทษสถานหนักถึงขั้นประหารชีวิตหรือติดคุกตลอดชีวิตต่อไป ฐาน

ที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหารในครั้งนี้"
***นศ.มอ.สุดทนไล่รบ.ขายชาติ
ที่ จ.สงขลา นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ กว่า 100 คน

ได้ร่วมกันเดินขบวน ไล่รัฐบาลขายชาติ พร้อมมีป้ายผ้าเขียนข้อความว่า "ท่านทำผิดกฎหมายสูงสุดของ

ประเทศ" และ "ถ้ามีจรรยาบรรณ ต้องลาออกทั้งคณะ ถ้ามีคุณธรรม ต้องฆ่าตัวตาย" พร้อมชูธงชาติไทย

และแจกใบปลิวแก่พี่น้องประชาชน
**พธม.พิจิตรประกาศสู้อำนาจมืด
นายสมเกียรติ โสภณพงษ์พิพัฒน์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย จ.พิจิตร กล่าวว่า จากนี้เป็นต้นไป

พันธมิตรพิจิตรจะจัดกิจกรรมทุกเย็น สมาชิกกลุ่มพันธมิตรฯจะมีการนัดรวมตัวกัน เพื่อรับชมการถ่ายทอด

เวทีพันธมิตร โดยใช้รถแห่ขยายเสียงวิ่งไปรอบเมืองเชิญชมการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV โดย

มีการติดตั้งจอโปรเจ๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ มีการจัดเตรียมเก้าอี้ไว้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป

ได้นั่งรับชมร่วมชุม
***พันธมิตรฯชลโห่ไล่"สมชาย"
ส่วนที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.

ศึกษาธิการ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนในฝันรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2

ที่มีบุคลากรทางการศึกษาจากทั่วประเทศกว่า 2,000 คนเข้าร่วมนั้น ซึ่งก่อนที่จะมีพิธีเปิดการประชุมอย่าง

เป็นทางการ กลุ่มพันธมิตรฯภาคตะวันออกกว่า 20 คน ได้ร่วมกันเดินขบวนถือป้ายประท้วงโห่ไล่และ

ตำหนิการทำงานของนายสมชาย ที่บริเวณหน้าสถานที่จัดประชุม
**""เป็ดเหลิม"ไม่สนไล่ได้"ไม่ไป"
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มพันธมิตรฯภาคอีสาน ชุมนุมขับไล่

ตามจังหวัดต่างๆที่ไปมอบนโยบายว่า มาทำแบบนี้ทำไม มันเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของจังหวัด และต่อ

ให้มาขับไล่ ตนก็จะไม่ออกเด็ดขาด เชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชาชนก็จะได้รับชัย

ชนะเบ็ดเสร็จเรียบอาวุธแล้ว ถึงวันนั้นฝ่ายต่อต้านจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า
รมว.มหาดไทย กล่าวระหว่างการมอบนโยบายให้แก่กำนัน นายอำเภอ และผู้ใหญ่บ้านว่า การ

มาตรวจราชการภาคอีสานครั้งนี้ ไม่ได้หาเสียงล่าวงหน้า แต่มาขอคะแนนไว้ก่อน ถ้ายุบเลือกใหม่ชนะอีก

เลือกอีกชนะซ้ำ พวกที่มาไล่ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
"หากต้องหาเสียง ตนจะไม่ไปปราศรัยที่ 4 จังหวัดภาคใต้อีก เพราะยังไงคนภาคใต้ก็ไม่เลือก

พรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเป็นปฎิปักษ์กับคนไทยทางภาคใต้อย่างชัดเจน
***ลิ่วล้อ"ยี้ห้อย"จ้างม็อบยึดเวทีกาฬสินธุ์
ผู้สื่อข่าวประจำจ.กาฬสินธุ์ รายงานว่า หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯจ.กาฬสินธุ์ โดยการนำของ

นายประยูร ภูมิชูชิต ประธานสภาทนายความจ.กาฬสินธุ์ กลุ่มทนาย ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนในจังหวัด

ได้รวมตัวกันและเปิดตัวเป็นพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ซึ่งในช่วงนั้นกลับมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน

เผด็จการจ.กาฬสินธุ์ (นปก.)โดยการนำของ นายสำรอง โพธิ์ซก ได้นำพาชาวบ้านจากเขตอำเภอห้วยเม็ก

ประมาณ 50 คน เข้ามาทำการยึดพื้นที่ของพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ด้วยการจัดตั้งเวที่ปราศรัยและเขียนป้าย

โจมตีแกนนำพันธมิตรฯหลัก
ด้าน พล.ต.ต.พิสัณห์ อาวีกร วรเทพนิตินันท์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของ

ทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับรายงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบก.ภ.จว.

กาฬสินธุ์ ซึ่งดูแลฝ่ายความมั่นคงเข้าติดตาม ที่ในเบื้องต้นจะไม่ให้มีปัญหาในเรื่องของการปะทะกัน โดย

ขณะนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 200 นาย ดูแลความเรียบร้อยและไม่ให้เกิดการปะทะกัน

ระหว่างของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในการเคลื่อนไหวของ นปก.ครั้งนี้ มี นักการเมืองในพื้นที่กาฬสินธุ์

อยู่เบื้องหลังโดยได้รับคำสั่งมาจาก ยี้ห้อย 120 ให้ปิดเวทีพันธมิตรฯไม่ให้มีการปราศรัย โดยได้จ่ายให้กับผู้ที่

เข้าร่วมชุมนุมกับนปก.หัวละ 200 บาท และค่าจ้างรถคันละ 1,000 บาท

(ส่วนนี้ตัดทิ้งได้ )**"เจิมศักดิ์"นำทีมขึ้นเวทีขอนแก่น
วันเดียวกัน(11 ก.ค.)ที่ศูนย์ข่าว ASTV NEWS1- นสพ.ผู้จัดการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.

ขอนแก่น นายสมภพ บุนนาค นายพานิชย์ เตียสวัสดิ์ นายขจรศักดิ์ ลีฬหานาจ และนายฉัตรชัย อึงสถิตถาวร

ตัวแทนกลุ่มนักวิชาการ องค์กรเอกชน พ่อค้า นักธุรกิจ คณะแพทย์ และอาจารย์ ม.ขอนแก่น ร่วมแถลงข่าว

ในนามแกนนำพันธมิตรฯจ.ขอนแก่น
นายพานิชย์ กล่าวว่า พันธมิตรฯขอนแก่น จะจัดเวทีใหญ่เน้นการให้ข้อมูลความรู้สู่ประชาชน

ในวันจันทร์ที่ 14 ก.ค.นี้ โดยได้เชิญวิทยากรจากจากเวทีพันธมิตรฯส่วนกลางมาร่วมปราศรัย ประกอบด้วย

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายประพันธ์ คูณมี, นายวีระ สมความคิด, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายไทกร

พลสุวรรณ โดยเปิดเวทีให้ความรู้ตั้งแต่ 17.00-24.00 น. ณ เวทีสวนสาธารณะ 200 ปี ริมบึงแก่นนคร จ.

ขอนแก่น
นายสมภพ กล่าวถึงจุดยืนในการเคลื่อนไหวในพื้นที่ของพันธมิตรฯขอนแก่น ซึ่งมีประชาชน

มาจากหลายองค์กร หลายสาขาวิชาชีพ ที่จะร่วมจัดกิจกรรมเพื่อส่วนรวมในการให้ความรู้ทางการเมืองสู่

ประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประเด็นหลัก คือ ขอให้รัฐหยุดการแทรกแซงองค์กรอิสระ, หยุดการปิด

กั้นข้อมูลข่าวสาร, เน้นการบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ของประชาชน และเน้นประโยชน์ส่วน

รวมของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
" สถานการณ์ขณะนี้ปรากฏชัดว่า นักการเมืองไทย ขาดการแสดงสปิริต ต่างจากผู้ดำรง

ตำแหน่งสำคัญในระดับสากล ทั้งที่มีผลของการกระทำผิดปรากฏชัด ดังนั้นการสร้างการเมืองใหม่ จึงเป็น

สิ่งที่ต้องทำให้ประชาชนได้รับความรู้ความเข้าใจมากที่สุดว่า การเมืองใหม่คืออะไร และหมายถึง

ประชาชนทั้งประเทศที่ต้องมีส่วนร่วมในเชิงรูปธรรม ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ตลอดจนการเสียเขาพระ

วิหารจากการกระทำของรมว.ต่างประเทศ และครม.ชุดปัจจุบันนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องเขาพระวิหาร มี

มากกว่าการเสียดินแดน และเสียอธิปไตย แต่ยังมีเรื่องประโยชน์ทับซ้อนที่เกี่ยวกับมหาอำนาจนายทุนอีก

ด้วย"
กำลังโหลดความคิดเห็น