“มาร์ค”เตือน “หมัก”อย่าเพิ่งดีใจ แม้ “นพดล”ลาออก แต่กระบวนการถอดถอนยังอยู่ จองคิวเชือดนายกฯ คนต่อไป จี้รัฐบาลเร่งจัดการกรณี 7 ประเทศเข้ามาดูพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร พร้อมแนะปรับใหญ่ ครม.เรียกความเชื่อมั่น อัด“หมัก”อย่าโทษ รธน. เดี๋ยวอีกหน่อยโจรจะโทษกฎหมายอาญา
วันที่ 10 ก.ค. เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายนพดล ปัทมะ แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า ถึงแม้นายนพดล จะลาออกแล้วก็ตาม ก็ไม่มีผลกระทบต่อการยื่นถอดถอนนายนพดล เพราะฝ่ายค้านได้ดำเนินการเรื่องนี้ในขณะที่นายนพดลอยู่ในตำแหน่ง ดังนั้นกระบวนการคงต้องดำเนินการต่อ โดยประธานวุฒิสภาส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา ซึ่งการยื่นถอดถอนจะแตกต่างจากการลาออก เพราะในทางการเมืองหาก ป.ป.ช.วินิจฉัยว่ามีมูลแล้วส่งให้มีการถอดถอน ผลก็จะมีมากกว่าการพ้นตำแหน่งคือ การห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคตด้วย และหากมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการตามกระบวนการของศาล แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของ ป.ป.ช.
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเด็นที่สำคัญขณะนี้คณะรัฐมนตรีต้องไปแก้ปัญหาที่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่นายนพดลได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา จนกัมพูชานำไปอ้างแล้วขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ และคณะรัฐมนตรีต้องทบทวนว่าการมีมติที่ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือเกิดความเสียหายต่างๆ จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะที่ฝ่ายค้านยังคงพิจารณาต่อเนื่องว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการดำเนินการลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวบ้าง ซึ่งวันนี้ได้รับมติหรือบันทึกการประชุมคณะรัฐมนตรีมาแล้วบางส่วน ก็จะรอดูเพิ่มเติม ซึ่งมีหลายคนเข้าข่ายที่จะต้องถูกดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่นายนพดลอ้างว่าบริสุทธิ์ใจ แต่ที่ลาออกเพราะสปิริตทางการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของการแสดงออกทางเมืองของนายนพดล ความวุ่นวายหรือไม่วุ่นวายนั้น ประเด็นอยู่ที่การแก้ปัญหาต่อไป ตนยืนยันว่ารัฐบาลคงต้องทำอีกหลายเรื่อง เพราะจะมีผลกระทบตามมา นายนพดลอาจบอกว่าไม่เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงมีผลกระทบตามมามากพอสมควร ทั้งในแง่ของการจัดการบริหารพื้นที่ และผลกระทบหากมีการนำเอาคำแถลงการณ์ร่วมไปอ้างอิงเพิ่มเติม ดังนั้น ตรงนี้ยังเป็นเรื่อง ภาระของรัฐบาลที่ต้องแก้ไขต่อไป
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายนพดลยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปถูกต้องทุกอย่าง แต่กลับประกาศลาออก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าจะบอกถูกต้องทุกอย่างคงเป็นไปไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ซึ่งต้องถือเป็นเด็ดขาดว่า การดำเนินการของรัฐบาลไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้านายนพดลคิดว่าการลาออกช่วยแก้ปัญหาได้ก็ดี ตนยืนยันว่าเรื่องการแก้ไขปัญหายังต้องทำอีกหลายเรื่อง
ต่อข้อถามว่า นอกจากการยื่นถอดถอนนายนพดลแล้ว คนต่อไปมีแนวโน้มจะเป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กำลังรวบรวมเอกสารทั้งหมดอยู่ว่าใครเกี่ยวข้องเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนี้ได้มาระดับหนึ่งแล้ว ส่วนการยื่นถอดถอนครั้งต่อไปจะยื่นเฉพาะนายกฯ หรือ ครม.ทั้งหมดก็ต้องดูตามข้อเท็จจริง ขณะนี้กำลังรอข้อมูลอยู่ เพราะเอกสารที่ได้มาจากเลขา ครม.ยังค่อนข้างน้อย เนื่องจากทางเลขา ครม.อ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศจัดเป็นชั้นความลับไว้ ดังนั้น ต้องสอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และหากกระทรวงไม่ให้ข้อมูลทางพรรคอาจต้องใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ แต่อาจจะไม่จำเป็น เพราะเมื่อนายนพดลยืนยันว่ากระทรวงไม่ได้ทำอะไรผิดก็ควรเปิดเผยทุกอย่างให้เกิดความโปร่งใส ว่ามีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อนายนพดลลาออกไปแล้ว ปัญหาเรื่องปราสาทพระวิหารจะจบลงไปด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาคงไม่ได้ผูกติดอยู่กับตัวบุคคล เพราะไม่ได้ทำในฐานะนายนพดล แต่ทำไปในฐานะ รมว..การต่างประเทศของประเทศไทย นี่คือประเด็นที่ว่าทำไมจำเป็นต้องมาแก้ปัญหาต่อไป อย่างน้อยที่สุดที่เห็นชัดเจนคือ มติคณะกรรมการมรดกโลก ให้ 7 ประเทศเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งคลี่คลายไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามต่อไป
จี้นายกฯ ปรับใหญ่ เรียกความเชื่อมั่น อัด“หมัก”อย่าโทษ รธน.
นาย อภิสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า ขณะนี้ไม่ได้มีสุญญากาศทางการเมือง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากยังยืนยันว่าจะสู้และทำงานต่อก็จะต้องรีบทำให้เกิดความชัดเจนว่าการบริหารจัดการในเรื่องต่างๆ ในปัญหาสำคัญจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งตนยืนยันว่านายกฯ ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้จนกว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีให้เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งหากปรับเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพียงตำแหน่งเดียวก็คิดว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะเสียงเรียกร้องปรับ ครม.มีมาตั้งแต่ช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นนายกฯ ต้องแสดงท่าทีในการตอบสนองต่อฝ่ายตรวจสอบในสังคมบ้าง
“ผมคิดว่าวันนี้ต้องมีการปรับใหญ่ เพราะมีหลายคนที่มีเครื่องหมายคำถาม และไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นในการทำงานได้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง ทั้งนโยบายหลายเรื่องที่ไม่เดินไปข้างหน้า”นายอภิสิทธิ์กล่าว
สำหรับกรณีที่นายกฯ ระบุกับคนในพรรคพลังประชาชนว่าสิ่งที่พรรคได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ทั้งกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หรือกรณีของนายนพดล ปัทมะ รมว.กรต่างประเทศ เป็นเพราะตกอยู่ในกับดักรัฐธรรมนูญนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การแสดงความเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะอีกหน่อยผู้ร้ายในบ้านเมืองคงโทษว่ากฎหมายอาญาเป็นปัญหา ซึ่งจะไปโทษเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเมื่อกติกาเป็นอย่างไรก็ต้องทำตามกติกา หากเห็นว่ากติกาไม่ดีจะแก้ไขก็มาพูดคุยกันได้แต่ตราบเท่าที่กติกามีและคนรู้ว่ากติกาเป็นอย่างไร แล้วไม่ทำตามกติกา จะมาโทษในภายหลังไม่ได้.