“ภูวดล” ซัดนักการเมืองพันธุ์ชั่ว! ประเคน “พระวิหาร” ให้ “ฮุนเซน”

“ภูวดล” สุดสลด “นักการเมืองพันธุ์ชั่ว” ประเคน “เขาพระวิหาร” ให้ “ฮุนเซน” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ชี้ทำให้เห็นธาตุแท้ของ “สมุนรับใช้” ที่ไร้ยางอาย พร้อมสาปแช่งทั้ง ครม. ก่อนทำนายวินาทีสุดท้าย “แม้ว-ครอบครัว” เผ่นหนีออกนอกประเทศ มั่นใจพลานุภาพพระปิยะ-ในหลวง ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย 

วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 00.30 น. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึง วันนี้เราได้รู้เช่นเห็นชาติของรัฐบาลรับใช้ระบอบทักษิณกันแล้ว โดยเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตเมื่อรัชกาลที่ 5 ก็จะเข้าใจความหมายของพระองค์ ที่ทรงโศกเศร้าเสียพระทัย ที่สูญเสียดินแดนให้กับฝรั่งเศส และวันนี้เราได้เห็นนักการเมืองพันธุ์ชั่วกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ดังนั้นจึงขอสาปแช่งทั้ง ครม.

“ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์กรณีตัดสินของศาลโลกกรณีปราสาทเขาพระวิหาร 9 ต่อ 1 เสียงใน พ.ศ.2505 ซึ่งเป็นกรณีตัดสินที่อิงกับอิทธิพลทางการเมืองทั้งสิ้น โดยทั้ง 9 เสียงเป็นของประเทศสังคมนิยม ซึ่งต่อต้านประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น หรือไม่ก็เป็นประเทศที่เป็นกลางที่ค่อนข้างจะเอียงไปทางฝ่ายซ้าย ขณะเดียวกันตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมา เสียงที่จะสนับสนุนให้ประเทศจีนมีที่นั่งในยูเอ็นก็มีเพิ่มมากขึ้น ส่วนสหรัฐฯ เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะกำลังจมปลักอยู่กับสงครามเวียดนามเพิ่มมากขึ้น และถ้าศึกษาให้ดี ชาติที่ลงมติให้กับเราก็อิงกับการเมือง เช่น ประเทศไต้หวัน และออสเตรเลีย และอาร์เจนตินา และที่เราแพ้การตัดสินคดี เพราะปัจจัยหลักขณะนั้น คือ เราดำเนินนโยบายตามสหรัฐฯ” ดร.ภูวดล กล่าว

ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร เป็นปัญหาที่สลับซับซ้อน และเป็นปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศ แต่สิทธิเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่ระหว่างคู่สัญญา ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าเสียใจ แต่จงเอาพลังความแค้นที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปสอนลูกสอนหลานให้สร้างเป็นพลังที่ก้าวหน้าให้มีความเข้มแข็ง เพราะตนเชื่อว่าในอนาคตเราจะสามารถทวงคืนดินแดนเหล่านี้คืนมาจนได้ เพราะการเมืองระหว่างประเทศมีการผันแปรได้ตลอดเวลา รวมทั้งเศรษฐกิจบัญชีตอนนี้พังพินาศไปแล้วทั้งโลก และถ้าเราเดินถูกทิศถูกทาง เราก็จะได้ดินแดนคืนอย่างแน่นอน

“วันนี้อยากถามนักการเมืองที่อยู่ในพรรคพลังประชาชนว่า ตอนนี้ยังสบายดีอยู่หรือไม่ เพราะกรณีเขาพระวิหารนั้น ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมรับใช้ระบอบทักษิณ และผมเชื่อว่าสังคมสื่อมวลชนยังมีคนดีอยู่ ที่พยายามจะเขียนบทความ โดยให้ประชาชนที่มีความรู้พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งจะทำให้คนตระหนักถึงข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน คนส่วนใหญ่ของสังคมไทยไม่เคยเอาเปรียบใคร ที่สำคัญอย่าไปโทษประชาชนชาวกัมพูชา เพราะพวกเขาเหล่านั้นถูกปิดหูปิดตาจากพรรคประชาชน ที่คุมเสียงส่วนใหญ่โดยมีฮุนเซนเป็นผู้นำ ซึ่งสามารถอิงแอบข้อตกลงสนธิสัญญาความร่วมมือกับเวียดนามตลอดเวลา ดังนั้น กัมพูชาจึงมั่นคง เพราะมีเวียดนามพร้อมที่จะให้ความคุ้มครองตลอดเวลา” ดร.ภูวดล กล่าว

ดร.ภูวดล ยังกล่าวถึงโรงเรียนนักเรียนนายร้อย จปร.ว่า ครั้งหนึ่งโรงเรียนดังกล่าว เคยอยู่ที่ทำการทำเนียบรัฐบาล แต่ต้องย้ายไปที่เขากระโดง จ.นครนายก เพราะเรากลัวการคุกคามของประเทศเทศเวียดนาม เพราะเวียดนามเป็นกองทัพเข้มแข็งที่สุดในเอเชียตะวันออดเฉียงใต้ในขณะนี้ นอกจากนี้เวียดนามยังมีสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ความมั่นคงแห่งรัฐกัมพูชานั้น อยู่ภายใต้แอกของเวียดนาม ทำให้ฮุนเซนไม่กลัวประเทศไทย

ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ตนเคยอยู่เบื้องหลังในการช่วยเขมร 3 ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเฮงสัมริน โดยขณะนั้นเรากลัวว่าถ้าเวียดนามใช้กำลัง จะสามารถใช้กองทัพรถถังบุกทะลวงจากปอยเปตมายังกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่เราได้รับการยืนยันจากมิสเตอร์ จาง เหวย เลี่ย ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยขณะนั้นว่า ถ้าหากเวียดนามรุกถลำปอยเปต ประเทศจีนก็จะทำสงครามสั่งสอนอย่างรุนแรงทันที นั่นคือที่มาของการดำเนินนโยบายทางการทูตที่ชาญฉลาดตลอดมา โดยขณะนั้นอาวุธที่เราใช้สนับสนุนเขมร 3 ฝ่าย ก็มาจากประเทศจีน และนี่คือเบื้องหลังความสำเร็จของการรักษาบูรณาการ” ดร.ภูวดล ระบุ

“แต่วันนี้กองทัพไทยส่วนใหญ่โดยเฉพาะกองทัพบกที่ยังมีบารมีอยู่ อย่างน้อยต้องเคยกินผัดผักบุ้งไฟแดงของคุณหญิงผมฟูมาแล้ว โดยมีคุณหญิงเนื้อหอมเป็นผู้เบิกทาง แค่นั้นไม่พอ ยังมีทาสรับใช้มาจากเชียงใหญ่ หรือไอ้ธรรม ซึ่งเป็น ส.ส.เพื่อที่จะเข้าออกบ้านนายพลทั้งหลาย วันนี้พอเกิด 2 คดี จึงเกิดความระส่ำระสาย จึงมีความคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ตนคิดว่าไม่มีทางแล้ว ที่สำคัญคนพวกนี้ไม่มียางอาย และคิดว่าประชาชนจะไม่เข้าใจความระยำหรืออย่างไร แล้วยังคิดจะทวนกระแสรักชาติอยู่อีกหรือ และผมเชื่อว่านาทีสุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว จะหนีออกนอกประเทศจนได้” ดร.ภูวดล กล่าว

ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า วันนี้ปะเทศชาติได้อะไรขึ้นมา ได้แต่ความเศร้าโศกเสียใจ ทีสำคัญเมื่อประเทศถูกตัดถูกซอยออกไป นั่นแสดงการบูรณาการความเป็นเอกราชของชาติไทยหมดไปแล้วในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่มีใครยอมรับการตะแบงที่เกิดขึ้น เพราะการไปยอมศิโรราบให้กับฮุนเซน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มี.ค. โดยคนเหล่านี้หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตนที่จะได้จากก๊าซ และการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในเกาะกง

“เชื่อหรือไม่ว่าคนที่เข้าไปยังประเทศกัมพูชา ส่วนใหญ่เป็นคนมีเงิน เพราะโรงเรียมในเสียมเรียบนั้น แพงกว่าโรงแรมในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ย แต่นั้นยังไม่พอ ฮุนเซนยังพร้อมที่จะตัดพื้นที่สวยๆ ขาย แล้วเอาเงินไปฝากไว้ที่ประเทศสิงคโปร์ และบางส่วนฝากไว้ในประเทศไทย ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่มีความรักชาติ และในที่สุดฮุนเซนก็จะโดนชาวกัมพูชาขับไล่ แต่กว่าฮุนเซน จะล้มก็คงอีกนาน เพราะประชากรกัมพูชาน้อย แต่ทรัพยากรของประเทศเขาเยอะ

ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศไทยแล้วทรัพยากรน้อยกว่ามาก แต่ก็ยังสวาปามกันไม่เลิก ทำให้อาการรักชาติไม่เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น แต่เชื่อว่าด้วยพลานุภาพของสมเด็จพระปิยมหาราช และพลานุภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้โดยพลังของประชาชน โดยจะนำไปสู่ความก้าวหน้า รวมทั้งบรรดาสุนัขรับใช้ระบอบทักษิณจะต้องถูกทำลาย จะต้องถูกประชาทัณฑ์โดยประชาชนอย่างแน่นอน