นักวิชาการนิด้า จี้ รมว.ต่างประเทศ ลาออก แสดงความรับผิดชอบกรณีเขาพระวิหาร ขณะที่รัฐบาลต้องรีบกล่าวขอโทษประชาชน พร้อมทำความเข้าใจ เชื่อ รัฐบาลเตรียมปรับ ครม.ครั้งใหญ่ เพื่อลดกระแสทางด้านการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ม.190 ที่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา
ผศ.ปกรณ์ ปรียากร คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวแสดงความเห็นกรณีที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ในคำวินิจฉัยแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ในเรื่องของปราสาทเขาพระวิหาร ถือเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ที่การทำสัญญาจะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาก่อน ว่า การลงมติดังกล่าว ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอย่างรุนแรง ดังนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ควรเร่งออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว พร้อมกับกล่าวขอโทษประชาชนเพื่อลดทอนกระแสทางการเมืองที่จะพุ่งเข้าสู่คณะรัฐบาล
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นผู้ลงนามในสัญญา จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังจากที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งโดยทันที
ทั้งนี้ หาก นายนพดล หรือคณะรัฐมนตรี ยังดื้อดึงในเรื่องดังกล่าว ย่อมจะส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในเรื่องของการทำงาน เนื่องจากประชาชนจะมองว่า การทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการบริหารงานที่ขาดความระมัดระวัง และความรอบคอบ ทำให้ประเทศเสียประโยชน์ และจะกลายเป็นเป้าโจมตีรัฐบาลจะทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ
“สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องรีบทำ คือ ออกมากล่าวยอมรับและขอโทษประชาชนในเรื่องของการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีปราสาทเขาพระวิหาร พร้อมกับชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะสามารถลดกระแสทางด้านการเมืองที่จะพุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลที่บริหารงานผิดพลาดจนทำให้ประเทศชาติเสียหายได้” คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งจะยิ่งกลายเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับการเมืองมีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่า ทาง ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และประชาชนจะรวมตัวล่ารายชื่อ 2 หมื่นราย เพื่อขอถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกจากตำแหน่ง และทำให้นายนพดลจะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสในครั้งนี้ เพื่อปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับมาคืนมาอีกครั้ง
ผศ.ปกรณ์ ปรียากร คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวแสดงความเห็นกรณีที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ในคำวินิจฉัยแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ในเรื่องของปราสาทเขาพระวิหาร ถือเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ที่การทำสัญญาจะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาก่อน ว่า การลงมติดังกล่าว ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอย่างรุนแรง ดังนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ควรเร่งออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว พร้อมกับกล่าวขอโทษประชาชนเพื่อลดทอนกระแสทางการเมืองที่จะพุ่งเข้าสู่คณะรัฐบาล
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นผู้ลงนามในสัญญา จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังจากที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งโดยทันที
ทั้งนี้ หาก นายนพดล หรือคณะรัฐมนตรี ยังดื้อดึงในเรื่องดังกล่าว ย่อมจะส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในเรื่องของการทำงาน เนื่องจากประชาชนจะมองว่า การทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการบริหารงานที่ขาดความระมัดระวัง และความรอบคอบ ทำให้ประเทศเสียประโยชน์ และจะกลายเป็นเป้าโจมตีรัฐบาลจะทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ
“สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องรีบทำ คือ ออกมากล่าวยอมรับและขอโทษประชาชนในเรื่องของการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีปราสาทเขาพระวิหาร พร้อมกับชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะสามารถลดกระแสทางด้านการเมืองที่จะพุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลที่บริหารงานผิดพลาดจนทำให้ประเทศชาติเสียหายได้” คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งจะยิ่งกลายเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับการเมืองมีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่า ทาง ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และประชาชนจะรวมตัวล่ารายชื่อ 2 หมื่นราย เพื่อขอถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกจากตำแหน่ง และทำให้นายนพดลจะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสในครั้งนี้ เพื่อปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับมาคืนมาอีกครั้ง
