“4 เกลอไข่แม้ว” รับจ็อบเคาะสนิมเปิดตัวพีทีวีภาคพิเศษ เช่าสัญญาณจ้องตอบโต้พันธมิตรฯ ทุกรูปแบบ นัดออนแอร์พรุ่งนี้
วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ 4 ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี ได้แถลงข่าวเปิดตัวพีทีวี ภาคพิเศษ ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เพื่อตอบโต้กลุ่มพันธมิตรฯ โดยนายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังสถาปนาการเมืองขึ้นใหม่ จึงจำเป็นต้องมีสถานีโทรทัศน์ทำความเข้าใจกับประชาชน โดยทางพีทีวีจะเช่าช่องสัญญาณของเอ็มบี 5 และจะจัดรายการทั้งช่วงเช้า บ่าย และค่ำ รวมวันละ 5 ชั่วโมง พร้อมกับยืนยันว่าการฟื้นพีทีวีขึ้นมาไม่มีเจตนาเพื่อต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า เพียงแต่ต้องการแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้อง และให้มุมมองตรงข้ามกับฝ่ายพันธมิตรฯ โดยในการเปิดตัวครั้งนี้ มีประชาชนมาให้กำลังใจกว่า 100 คน และการออกอากาศจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) เวลา 07.30 น.
โดย นายวีระ กล่าวว่า ในฐานะคนที่ทำพีทีวีและได้ปิดตัวลงเพราะเรื่องทุน แต่เนื่องจากสถานการณ์การเมืองปัจจุบันทำให้ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ เนื่องจากมีคนจำนวนหนึ่งประกาศทำเหมือนกับว่ายึดบ้านเมืองได้แล้วโดยเสนอระบอบใหม่ที่จะให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 30% สรรหา 70% เสนอให้กองทัพไม่ต้องอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้กองทัพมีความพร้อมในการบริหารประเทศได้ตลอดเวลาหากรัฐบาลบริหารประเทศโดยไม่มีคุณธรรม ซึ่งคำคำนี้ไม่รู้ว่าจำกัดความว่าอย่างไร ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย ทำให้พวกเราทนไม่ได้จึงออกมาเช่าเวลาออกอากาศทางช่อง MV5 โดยเช่าเวลา 5 ชม.ต่อวัน เราเป็นเพียงผู้จัดรายการเท่านั้น และจะแบ่งการจัดรายการเป็นการเสนอข่าวและเสนอความเห็นอีกแง่มุมหนึ่ง และไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำให้เกิดสงครามประชาชน หรือมวลชนปะทะมวลชน แต่เป็นการปะทะทางความคิดและวาจา ขอรับรองไม่มีการแทะทางร่างกายลำลังแต่จะต่อสู้ทางสติปัญญาเท่านั้น
นายวีระ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องออกมาปกป้องระบอบประชาธิปไตย ระบอบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง หากปล่อยให้ ส.ส.70 เปอร์เซ็นต์มาจากการสรรหา พวกเส้นสายพันธมิตรฯ และพวกอมาตยาธิปไตยจะเข้ามา เป็นยุคอำมาตยาธิปไตยหรือราชาธิปไตย ซึ่งตนยอมไม่ได้เด็ดขาด จะทำเป็นนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นไม่ได้ รวมทั้งเวลานี้รุกรานไปกันใหญ่รัฐมนตรีจะลงไปตรวจราชการก็ไม่ได้ ดาราก็มีปัญหา ซึ่งเราไม่ยอมให้คนแค่หยิบมือเดียวมายึดบ้านเมือง
นายจักรภพ กล่าวว่า ถามว่าทำไมต้องเกิดพีทีวีภาคพิเศษเพราะเราไม่ยอมให้พันธมิตรฯ ยึดบ้านเมือง โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงด่าทอรัฐบาล ทำแบบนักเลงอันธพาล ซึ่งทำให้บ้านเมืองบอบช้ำ ไม่เคารพกฎหมาย รังแต่จะทำให้บ้านเมืองไปสู่ความมืดมน ที่ผ่านมาที่เราชะลอการออกอากาศเพราะเหตุทางธุรกิจ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบประชาธิปไตย มีรัฐบาลอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาไปแต่กลุ่มพันธมิตรฯกลับขัดขวางการทำงาน ยกขบวนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลแม้รัฐบาลจะทำงานต่อไปได้แต่ในเชิงสัญลักษณ์มันอับอายไปทั่วโลก ดังนั้นการเปิดพีทีวีภาคพิเศษไม่ใช่การทำสงครามแต่เป็นการเปิดเวทีทางความคิด โดยไม่ยอมให้ใครนำข้อมูลด้านเดียวมาให้ประชาชน ซึ่งเราจะให้ข้อมูลที่สวนทางไม่เว้นสักเรื่องเดียวและจะทำให้รู้ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังพันธมิตรฯแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะบทบาทที่ผ่านมาทำอย่างกับบ้านเมืองเป็นของคนเพียง 5 คนหรืออย่างไร
สำหรับรายการที่จะออกอากาศ จะเริ่มในวันที่ 7 ก.ค.เวลา 07.30-09.30 น. เป็นรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่มีพวกเรา 4 คนร่วมจัดรายการ 11.00-12.00 น. รายการมหาประชาชน เวลา18.30-20.30 น.เป็นรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ กำลังหารือกันอยู่ว่าจะมีการจัดรายการดีหรือไม่ นอกจากนี้ เราไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ภาพและเสียง และเปิดให้เคเบิลท้องถิ่นสามาถเชื่อมสัญญาณไปออกอากาศทั้งในและต่างประเทศได้ รวมทั้งเราจะถ่ายทอดสดรายการผ่าน www.mvtv.co.th และวิทยุชุมชน 99.25
นายจักรภพ กล่าวว่า ใครที่คิดว่าบ้านเมืองนี้ประชาชนไม่มีความหมาย จะชักจูงบังคับใจอย่างไรก็ได้นั้น อย่าลืมว่าบ้านเมืองนี้เป็นของคน 64 ล้านคน รายการนี้จะแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่ยอมให้นักเลงโตมายึดบ้านเมือง ประหนึ่งว่าพันธมิตรจะก่อรัฐประหารบ้านเมืองนี้อย่างไรก็ได้
นายจตุพร กล่าวว่า ขอขอบคุณนายสมัครที่กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครว่าพีทีวี สามารถออกอากาศได้ ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาขู่ว่าตนเป็น ส.ส.และมีตำแหน่งทางการเมือง มาเป็นเจ้าของพีทีวีนั้นผิดกฎหมายนั้นแต่จริงๆ เราได้พิจารณาข้อกฎหมายแล้วว่าไม่ขัดกฎหมาย รวมทั้งเราเพียงแค่เช่ารายการ ตนก็ไม่รับค่าตอบแทนใดๆ นอกจากนี้พันธมิตรฯยังนำเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทำลายคนอื่น แต่ในที่สุดพันธมิตรฯ จะเป็นผู้ทำลายเบื้องสูงเอง โดยเฉพาะ พล.ต.จำลอง ที่พาดพิงการปกครองในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีความแตกต่างจากประเทศไทยมาก
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอฝาก ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองว่าจะใช้ช่องทางกฎหมายเล่นงานเราแต่เราได้ศึกษาข้อกฎหมายแล้ว อย่าเวลาข่มขู่เลยเพราะเราไม่มีเวลากลัว หากกลัวคงสยบใต้อำนาจเผด็จการตั้งแต่การรัฐประหารแล้ว โดยงานนี้มีประชาธิปไตยเป็นเดิมพัน หากรัฐบาลนี้อยู่ไม่ได้พวกตนที่สวมหัวโขนในรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ และประชาชนทั้งประเทศจะอยู่ได้อย่างไร
เมื่อถามว่าการจัดรายการจะเน้นเปิดโปงกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งเป้าขนาดนั้น เพียงแต่จะเสนอข้อมูลข่าวสารเหมือนสถานีโทรทัศน์ทั่วไป รวมทั้งเราจะเกาะติดข้อมูลในเอเอสทีวี หากมีประเด็นอะไรมาก็จะตอบโต้
ถามว่าแนวโน้มต่อไปจะเปิดเวทีนอกสถานที่หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า เราไม่จำเป็นต้องออกไปตากแดดฝน รวมทั้งการฟื้นพีทีวี ไม่เกี่ยวกับการฟื้น นปก. เพราะขณะนี้พวกเขาก็อยู่นิ่งๆ แต่ทุกคนก็พร้อมหมด โดยไม่มีแนวคิดไปนัดชุมนุมหรือเคลื่อนไหวอะไร
ถามว่าการจัดรายการพีทีวีจะเน้นชี้แจงข้อมูลรวมทั้งคดี พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายวีระกล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีมีทีมทนายความดูเรื่องนี้อยู่แล้ว
ถามว่าหากพันธมิตรฯ ยังชุมนุมยืดเยื้อทางพีทีวีจะออกมาเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ความเห็นตนภาวนาให้พันธมิตรฯ ชุมนุมสัก1 ปี ให้มันอยู่บนสะพานชมัยมรุเชฐนั้นแหละ เพียงแต่ขอให้พันธมิตรฯ ทำตามคำสั่งศาล อย่าทำความเดือดร้อนอะไร ขอร้องให้ พล.ต.จำลอง อย่าเพิ่งยุติการชุมนุมขอให้เลิกตอนอายุ 80 ปีโน่น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศออกมาระบุว่ารัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี สนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารว่า ไม่ได้เป็นการโบ้ยความผิด แต่เป็นการเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ประชาชนได้รับฟังอย่างทุกแง่ทุกมุม ไม่เช่นนั้นประชาชนก็จะไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้ถ้ามีการกล่าวหาหรือพูดไม่จริง ประชาชนแจะเป็นผู้ตัดสิน ศาลยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัย ทั้งนี้เชื่อว่านายนพดล ไม่ได้พูดลอยๆ หรือปราศจากข้อมูลหากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลรัฐบาลก็พร้อมที่จะเปิดเผย