xs
xsm
sm
md
lg

พปช.พล่าน! ป้ายสีการเมืองใหม่เป็นกบฏ-ฟื้นพีทีวีกู้ศพ “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีมงานพีทีวีคุณภาพระดับโลก ระดับจักรวาล
“พลังแม้ว” นั่งไม่ติดข้อเสนอการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตย 4 วินาทีแบบที่นักเลือกตั้งทุนสามานย์ย่ำยี ส่งระดับลิ่วล้อปลายแถวโวยวายป้ายสีเป็นกบฏ “จตุพร-ทีมงาน นปก.” งานเข้าฟื้นพีทีวีอีกรอบใช้เครือข่ายสัญญาณดาวเทียมไทยคม อ้างทนไม่ได้ “แม้ว” คนดีถูกย่ำยีบีฑาต้องให้ข้อมูลอีกด้าน


วันนี้ (5 ก.ค.) ที่พรรคพลังประชาชน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และคณะทำงานติดตามวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวตอบโต้พันธมิตรฯที่ออกมาประกาศแนวทางการเมืองใหม่ว่า การประกาศแนวทางการเมืองใหม่จะเป็นปัญหาต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะแนวคิดการเลือกตั้งที่เสนอสัดส่วน 70 เปอร์เซ็นต์มาจากการแต่งตั้ง อีก 30 เปอร์เซ็นต์มาจากการเลือกตั้งซึ่งเท่ากับว่าใน 76 จังหวัดจะมี ส.ส.เพียง 1 คนเท่านั้น และขอถามพรรคประชาธิปัตย์ว่ารับได้กับแนวคิดนี้หรือไม่

นายจตุพร ยังกล่าวว่า นอกจากนี้พันธมิตรฯ ยังไปอ่อยเหยื่อไปทางทหาร ที่บอกว่าสามาถใช้กำลังได้เมื่อใดบ้าง และทหารไม่ต้องขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ผบ.ตร.ต้องใช้เสียง 3ใน 4 ของสภาฯ แต่งตั้ง ประเทศไม่ต้องมีฝ่ายค้าน ถ้าฟังแล้วไม่คิดอะไรก็ไม่เป็นอะไร แต่หากดูตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 บัญญัติว่า ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง ประทุษร้ายเพื่อ (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่ง รัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใด แห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต

นายจตุพร กล่าว่า แนวคิดดังกล่าวถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นการที่พันธมิตรฯ ไปอ่อยเหยื่อทหาร ไปตกเบ็ด ส.ส.สอบตก เชื่อว่าทหารจะไม่ตกเป็นเหยื่อไปกินเบ็ดกลุ่มพันธมิตรฯแน่นอน นายทหารส่วนใหญ่มีปัญญามากกว่านายทหารที่ไปร่วมชุมนุมอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ที่ไม่ได้รับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การเสนอการเมืองใหม่ ยังถือว่านำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกทั้งแนวทางการเมืองใหม่ไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นอัตตาธิปไตย หรือตัวกูเป็นใหญ่

“แนวคิดการเมืองใหม่ขอเสนอให้ลงประชามติ ให้ประชาชนตัดสินว่าเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ หรือเห็นด้วยกับประชาธิปไตย วันนี้พันธมิตรฯเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน แค่คน 5+1 จะมาเปลี่ยนแปลงกติกาบ้านเมืองใหม่ โดยการถอยกลับไป 76 ปี ซึ่งเป็นกติกาของพวกขี้แพ้มาคิดแทนประชาชน จะมาลิดรอนอำนาจประชาชนได้อย่างไร” นายจตุพร กล่าว

ส.ส.สัดส่วนผู้นี้กล่าวอีกว่า ขอฝากถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่ามีความเห็นและจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะหากการเลือกตั้งเหลือจังหวัดละคน เท่ากับว่าพื้นที่ กทม.ก็อาจมี ส.ส.คนเดียวคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จ.ตรังอาจมีนายชวน หลีกภัย ได้เป็น ส.ส.เพียงคนเดียว ประชาธิปัตย์วันนี้ควรรู้ตัวได้แล้วว่าชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ไปสมคบพันธมิตรฯทำลายระบอบประชาธิปไตยและเข้าตำราที่ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

นายจตุพร ซึ่งเป็นแกนนำ นปก.ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินทางไปยังสตช.ในวันที่ 7 ก.ค. ที่อ้างว่าจะไปทวงถามความคืบหน้าคดี นปก.ว่า พันธมิตรฯ ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเพราะคดีดังกล่าว สตช.ส่งฟ้องไปยังอัยการสูงสุดแล้ว แต่การเดินทางไปครั้งนี้ก็ดีและอยากให้พันธมิตรฯ ไปดูคดีของตัวเองด้วยตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน มีคนฟ้องร้องกว่า 800 คดีแล้ว และเรียกร้องให้ สตช.ดำเนินคดีพันธมิตรฯ ให้เทียบเท่ากับคดีของ นปก. ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจไม่ได้ให้สิทธิพิเศษต่อกลุ่มนปก.แต่อย่างใด

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวอีกว่า จากการหารือร่วมกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และตน ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วจะร่วมกันรื้อฟ้นสถานีโทรทัศน์พีทีวีขึ้นมาอีกครั้ง โดยจะแถลงข่าวในวันที่ 6 ก.ค.เวลา 11.00น. ที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว เพื่อประกาศพีทีวีภาคพิเศษเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเห็นว่าการประกาศการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯจะทำลายการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแสนสาหัส

“พวกผมเองมีความอดทนต่ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะว่าถ้าเป็นพวกผม 4 คน ถูกกระทำใส่ร้ายเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ป่านนึ้คงเปิดปราศรัยใหญ่ที่สนามหลวงพูดความจริงพี่น้องประชาชนว่าช่วง 2 ปีกว่าๆถูกกระทำย่ำยีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างไรบ้าง แต่ท่านเป็นผู้ใหญมีความอดทน แต่พวกผมไม่อดทนนอนรอวันตายเพื่อให้พันธมิตรฯ มากระทำย่ำยีระบอบประชาธิปไตย”

นายจตุพร กล่าวว่า การประกาศปิดสถานีพีทีวีครั้งที่แล้วเนื่องจากบ้านเมืองมีประชาธิปไตย ส่วนตัวจะไปจัดรายการให้ฟรี เพราะตามกฎหมายไม่สามารถไปเป็นหุ้นส่วนใดๆในสถานีได้ แต่ว่าพวกเราก็ได้คุยกันเพื่อจะต่อสู้กับเอเอสทีวี จะปล่อยให้พันธมิตรมาบิดเบือนข้อมูลด้านเดียวต่อประชาชนไม่ได้อีกแล้ว โดยในการแถลงข่าววันที่ 6 ก.ค.จะมีรายละเอียดทุกอย่างทั้งความเป็นมา สาเหตุ รวมทั้งจุดประสงค์อื่นๆ และหลังจากการแถลงข่าวในวันที่ 7 ก.ค.ก็จะมีการออกอากาศทันทีซึ่งจะเป็นการดำเนินการผ่านดาวเทียมเหมือนASTV

เมื่อถามว่าการตั้งพีทีวีเกี่ยวกับอดีตบุคคลในรัฐบาลหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ใช่ ซึ่งทั้งหมดจะมีการเปิดเผยในวันที่ 6 ก.ค. แต่สาเหตุทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราไม่สามารถอดทนต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ได้อีกต่อไป ซึ่งต่อมความอดทนของเราต่ำ และจะตอบโต้พันธมิตรฯทุกกรณีหากบิดเบือนในระบอบประชาธิปไตย

ถามว่าการตั้งพีทีวีจะเป็นการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ได้เผชิญหน้าเพียงแต่เราต้องการให้ประชาชนได้รับข้อมูลอีกด้าน เป็นการมองเหรียญทั้งสองด้าน เพราะหากดูเอเอสทีวีจะเห็นว่ามีการใส่ร้ายผู้คนด้านเดียว สร้างความเชื่อในทางที่ผิด บิดเบือนประชาธิปไตย ซึ่งเราเองก็ข้อมูลอีกด้านหนึ่งเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ส่วนรูปแบบวันนข้างหน้าจะพัฒนาตั้งเวทีหรือไม่นั้น เรายังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น แต่ขอพูดว่าพวกเราไม่อดทนต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะทำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบหนึ่งระบอบใดที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย

ถามว่า นายจตุพร นายณัฐวุฒิ ก็อยู่ในการเมืองเกรงหรือไม่จะมีการมองว่าเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาล นายจตุพร กล่าวว่า เรา 4 คนมีจุดยืนทางการเมืองมาตั้งแต่ต้น เรามีภารกิจเฉพาะคือการรักษาประชาธิปไตย และการไปทำหน้าที่นั้นๆ จะไม่เสียต่อการทำหน้าที่ ส.ส.หรือหน้าที่รองโฆษกรัฐบาลในรัฐบาล แต่เป็นการทำหน้าที่รักษาประชาธิปไตย เพราะเรามองว่าหากปล่อยให้สร้างความเข้าใจผิดอย่างนี้ทุกวัน ท้ายที่สุดเมื่อลุกขึ้นมาแก้ไขก็สายเกินแก้ แต่ทั้งหมดเดิมพันกันด้วยชีวิตว่าจะไม่ยอมให้กลุ่มพันธมิตรฯ มาเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย

ถามว่าจะต้องถึงขั้นแตกหักหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่แตกหัก แต่เราไม่ยอมให้พันธมิตรฯ เปลี่ยนแปลงตัดสิทธิประชาชน โค่นล้มระบอบประชาธิปไตย ตั้งการเมืองใหม่ เพราะฉะนั้น พวกเราจะต้องขัดขวางทุกวิถีทาง การจัดรายการก็เพื่อเอาความจริงให้ประชาชนอีกด้านหนึ่ง เราปล่อยประเทศให้เป็นแนวทางพันธมิตรฯ ไม่ได้ ซักว่าจะทำให้สังคมแตกแยกหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า หากปล่อยให้ใส่ร้ายด้านเดียวจะมีความแตกแยกยิ่งกว่า แต่ถ้าให้ข้อมูลอีกด้านคนไทยจะได้มีสติว่าท้ายที่สุดคนไทยจะเลือกหนทางอะไร ซึ่งวันนี้ก็น่ากลัวในการนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือของตัวเอง

นายจตุพร ยังพูดคุยกับกลุ่มผู้สื่อข่าวนอกรอบว่า พีทีวีจะไปออกอากาศทางช่อง MV5 ทางสถานีผ่านดาวเทียมเครือข่ายไทคม โดยสาเหตุที่ไม่ใช้ทีวีของรัฐเพื่อไม่ต้องการให้เกิดข้อครหาใดๆ โดยการตั้งสถานีพีทีวี เป็นการหารือและใช้เอกสิทธิ์ส่วนตัวของพวกเรา 4 คน คาดว่าจะหารือกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในภายหลังเนื่องจากช่วงที่ผ่านมานายสมัครเดินทางไปต่างประเทศ ส่วนทุนนั้นมาจากประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางของเรา ซึ่งรูปแบบการออกอากาศจะทำเหมือนเอเอสทีวีทุกอย่าง โดยสาเหตุที่ต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะพันธมิตรฯ ออกมาประกาศเรื่องการเมืองใหม่ ทำให้พวกเราหมดความอดทน
กำลังโหลดความคิดเห็น