xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะใส” ย้ำเหตุเคลื่อนพลใหญ่ - แจงงบบริจาคทะลุ 26 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ
ผู้จัดการออนไลน์ - “สุริยะใส” แจงสาเหตุนัดรวมพลใหญ่วันศุกร์ เพราะปล่อยรัฐบาลนี้ไว้ไม่ได้ เหตุยินยอมให้เขมรล่วงล้ำอธิปไตย จนถึงขึ้นนำปราสาทพระวิหารไปจดทะเบียนมรดกโลก เพื่อผลประโยชน์ด้านพลังงาน กาสิโนของพวกพ้องตน พร้อมแจงยอดเงินลบริจาคตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.มียอดรวมกว่า 26 ล้านบาท สูงกว่าการชุมนุมปี49 ที่มียอดบริจาค 20 ล้านบาท

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย 

เวลา 22.20 น.วานนี้ (17 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลาผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาธิปไตย เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุการรวมพลชุมนุมครั้งใหญ่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนว่า มีสาเหตุมาจากมติ ครม.ล่าสุด ในการรับรองข้อเสนอของรัฐบาลกัมพูชา ในการนำปราสาทพระวิหาร ขึ้นจดทะเบียนเป็นมรดกโลกและการที่นายพลดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ไม่ยอมเปิดเผยถึงแผนที่ทับซ้อนบับใหม่ของรัฐบาลกัมพูชา โดยอ้างว่าเป็นสิทธิของรัฐบาลกัมพูชา

“การกระทำเรื่องนี้ เหมือนกับเป็นการสารภาพของรัฐบาลชุดนี้ว่ามีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและรัฐบาลที่ขายชาติ เพราะในกรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับกรณีที่ทักษิณ ขายหุ้นชินคอร์ปให้กองทุนจากสิงคโปร์ มูลค่ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาทนั่นเอง”

นายสุริยะใส กล่าวว่า สมัยทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป ก็อ้างความชอบธรรมว่าเป็นการขายธุรกิจของตระกูล และไม่ผิดกฏหมาย แต่เรื่องดังกล่าวอดีตนายกฯไม่สามารถตอบคำถามกรณีดาวเทียมไทยคม 5 หรือไอพีสตาร์ได้ เนื่องมาจากวิธีโคจรของดาวเทียมเป็นสมบัติของชาติ และตระกูลชินวัตรได้รับสัมปทานธุรกิจดังกล่าวไปในระยะยาว ดังนั้นจึงเหมือนกับว่าเป็นการขายทรัพย์สมบัติของชาติเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว

ส่วนกรณีเขาพระวิหารนี้ ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร ยืนยันว่าทั้ง 2 เรื่องมีลักษณะคล้ายคลึงกันโดยการที่นายนพดล อ้างว่าการยอมรับเงื่อนไขของรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยไม่เสียดินแดนในกัมพูชาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังท้าว่าหากเรื่องที่ตนพูดเป็นความจริงก็ให้ตัวเองขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกฯ นั้น เรื่องดังกล่าวเป็นการโกหกลวงโลก เนื่องจากพื้นที่บริเวณ้ดังกล่าวปัจจุบันนี้ไทยเราถูกกัมพูชาล่วงล้ำอธิปไตยมาหลายต่อหลายครั้ง อาทิ จุดตรวจผ่านแดนของทหารกัมพูชาที่เหลื่อมล้ำเข้ามาในดินแดนไทยกว่า 1 กิโลเมตร รวมทั้งจำนวนบ้านเรือน ร้านค้าและวัดวาอารามที่ล่วงล้ำเข้ามาอีกมาก

ขณะเดียวกัน ข้อกล่าวอ้างของนายนพดลที่ว่าตนไม่มีสิทธิ์จะชี้แจงแผนที่โดยละเอียดเพราะแผนที่ทับซ้อนจะเป็นพื้นที่ที่ทั้ง 2 ประเทศจะพัฒนาร่วมกัน ซึ่งคำกล่าวอ้างนี้ไม่ทราบว่าตัวนายนพดล กำลังพูดอยู่ในฐานะทนายความของตระกูลชินวัตร หรือในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพราะถ้าเป็นในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศจะต้องเร่งแก้ไข และเจรจาในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยซึ่งมีสิทธิ์ที่จะให้กัมพูชาชี้แจงถึงแผนที่ทับซ้อนดังกล่าวได้ แต่กลับไม่ทำ ทำให้ประชาชนชาวไทยไม่มีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องดังกล่าวได้ว่าเป็นความจริงแค่ไหน

“ที่ประชุมสภาความมั่นคง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากนายทหารระดับสูงแล้ว ยังมีนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศเข้าร่วมประชุม แต่ไม่ได้ประชุมอะไรเลยนอกจากที่ 2 คนนี้มีแต่สั่งการในเรื่องต่างๆ และก็กล่าวว่าอ้างว่าที่ประชุมไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดในที่ประชุม ยังไม่พอการประชุม ครม.ครั้งล่าสุด นายนพดล ยังอ้างอีกว่าที่ประชุมในวันนี้ก็ไม่มีใครออกมาคัดค้านแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้นำรายละเอียดมาเปิดเผย”

นายสุริยะใส กล่าวว่า การกระทำของรัฐบาลและนายนพดลในครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยกำลังสูญเสียอำนาจต่อรองในเรื่องเขาพระวิหารอย่างสิ้นเชิง เพราะรัฐบาลไม่ทำงานกันเต็มที่ จึงเป็นผลให้ขณะนี้ รัฐบาลไทยรองรับข้อเสนอของรัฐบาลกัมพูชาที่จะยื่นขอจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก แล้วเมื่อทุกอย่างได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ประเทศไทยจะมีอำนาจต่อในการผลักดันให้ชาวกัมพูชาถอยร่นกับออกไปจากเขตแดนของไทยได้หรือ

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตถึงแผนที่ทับซ้อนที่นายนพดลอ้างว่าจะเป็นพื้นที่ที่ทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันพัฒนานั้นจะต้องมีผลประโยชน์ที่เอื้อให้ทักษิณ ซึ่งขยายมาจากการเจรจาในเรื่องพลังงาน กาสิโนที่เกาะกงและแหล่งพลังงานในอ่าวไทยเป็นแน่

“สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราต้องเร่งไปชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพราะจะปล่อยให้คนพวกนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ และนี่คือเหตุผลที่เราต้องรวมพลครั้งใหญ่ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้ แทนที่จะเป็น 24 มิ.ย. หรือวันอังคารหน้าอย่างที่หลายคนอยากให้เกิดขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย. หรือคืนก่อนวันดำเนินการ กลุ่มพันธมิตรประชาชน จะมีการจัดตั้งพิธีศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ “คำประกาศมัฆวาน” ซึ่งจะเป็นการทำสัญญาประชาคมที่ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมทุกคนจะทำร่วมกัน

ส่วนหากเกิดการใช้ความรุนแรงเพื่อเข้ามาสลายการชุมนุมในช่วงนี้ นายสุริยะใส กล่าวว่าขอให้ผู้ร่วมชุมนุมใช้โทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูป ถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้น หรือถ่ายที่ชื่อป้ายชื่อที่ติดตัวและนำมาให้ที่ศูนย์ประสานงาน อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงการเคลื่อนไหว การถ่ายทอดสดทาง ASTV อาจหยุดชะงักไป และเวทีแห่งนี้อาจต้องมีการเคลื่อนย้าย ดังนั้นหากโทรศัพท์มือถือเครื่องใดที่สามารถเปิดรับฟังวิทยุได้ ขอให้ไปฟังข่าวประชาสัมพันธ์เรื่องการชุมนุมครั้งนี้ผ่าน 97.75 MHz ซึ่งกลุ่มพันธมิตรประชานจะใช้เป็นกองบัญชาการชั่วคราว ในช่วงเคลื่อนย้าย

นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการชุมนุม ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้รับการช่วยเหลือการบริจาคจากพี่น้องประชาชนทุกท่านเป็นอย่างดี โดยล่าสุดมียอดเงินบริจาครวมแล้วประมาณ 26 ล้านบาท อันแบ่งเป็นส่วนที่บริจาคผ่านบัญชียามเฝ้าแผ่นดิน 9.24 ล้านบาท , บัญชี เอเอสทีวี จำนวน 16.62 ล้านบาท และเงินบริจาคที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ แบ่งเป็น 6,921 ดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง 200 ฟรังก์สวิส และ 80,000 เยน ซึ่งนับว่าสูงกว่ายอดเงินบริจาคในการชุมนุมเมื่อปี 2549 ซึ่งได้รับบริจาคประมาณ 20 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนค่าใช้จ่ายนั้น ณ ปัจจุบัน กลุ่มพันธมิตรฯ มีค่าใช้จ่ายรวมทั้ง 24 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ค่าถ่ายทอดสัญญาณ รวมถึงเงินเดือนของพนักงานเอเอสทีวีที่ยกกองมาถ่ายถอดสดและคอยป้องกันการแทรกแซงสัญญาณที่เกิดขึ้น

“เงินบริจาคครั้งมีเพิ่มสูงขึ้นเป็น 26 ล้านบาท แต่มีค่าใช้จ่ายแล้ว 24 ล้านบาทนับว่าเราสามารถเลี้ยงตัวแองได้ ขณะที่การชุมนุมเมื่อปี 2540 เรามีเงินบริจาค 20 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการชุมนุมครั้งนั้น 19 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเราใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังการชุมนุม ได้แก่การชุมนุมที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วงแรกๆ ที่ผ่านมา”

ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ยืนยันว่า ผู้ที่สงสัยในการบริหารค่าใช้จ่ายต่างๆ สามารถตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้ เพราะทางทีมงานจะนำเสนอรายละเอียดค่าใช้จ่ายผ่านบนเว็บไซต์ อีกทั้งการดำเนินงานของพันธมิตรประชาชนฯ เป็นการดำเนินงานในลักษณะองค์กร ดังนั้น ค่าใช้จ่ายและรายรับต่างๆ จะต้องผ่านการตรวจสอบจากองค์กรภาครัฐ ซึ่งแสดงถึงความโปร่งใสในการดำเนินงานการชุมนุมครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น