วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมต.กีฬา หวังทีวีกีฬาพัฒนาสู่มาตรฐานเดียวกับ “อีเอ็สพีเอ็น” ในช่วง 3 ปี วอนช่วงแรกอย่าคาดหวังสูง รับผลิตรายการเนื้อหาดีทำยาก แถมเปรยอาจดึง “ไทยลีก” ถ่ายสดด้วย
เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2551 ณ การกีฬาแห่งประเทศไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นั่งเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ “บอร์ด กกท.”
ซึ่งที่ประชุมมีการแจ้งให้ทราบเรื่องจำนวนเงินงบประมาณของการกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2551 ที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 13 พฤษภาคมนี้ ว่า จะมีนำจำนวนถึง 5,900 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งในจำนวนนี้มีการแบ่งให้เป็นงบประมาณของกองทุนพัฒนากีฬาจำนวนถึง 1,000 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับกีฬาอาชีพอีก 150 ล้านบาท โดยที่ประชุมได้รับทราบเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ช่วงบ่าย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ได้เชิญ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ มาร่วมประชุมคณะอำนวยการสถานีโทรทัศน์กีฬา เป็นครั้งที่ 2
โดย นายวีระศักดิ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมว่า “หลังจากที่ได้ร่วมหารือกันมาประมาณ 2 เดือน ตอนนี้ทำให้ทีวีกีฬามีความพร้อมในเรื่องความถี่แล้ว ขณะที่ความพร้อมในด้านอื่นๆ ก็จะตามมาอีก ซึ่งจะแบ่งระยะการทำงานของทีวีกีฬาออกเป็น 3 เฟสด้วยกัน คือ เฟสแรก จะเป็นช่วงเวลาทดลองออกอากาศเป็นระยะเวลา 1 ปี และจะเปิดโอกาสให้สมาคมกีฬาจังหวัดทุกจังหวัด และสมาคมกีฬาต่างๆ นำเสนอเนื้อหาของแต่ละสมาคมว่ามีอะไรที่ต้องการนำเสนอ แต่คงยังไม่เป็นแบบ 24 ชั่วโมง คงต้องคุยกันก่อนว่าช่วงแรกจะออกอากาศกันกี่ชั่วโมงใน 1 วัน เพราะเป็นเรื่องยากที่เริ่มต้นแล้วจะหาเนื้อหาที่น่าสนใจมาทำให้เต็มเวลา ส่วนเฟสที่ 2 จะเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับปรุงเนื้อหาของรายการให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น คือ ถ้ารายการไหนที่เห็นว่าดีอยู่แล้วก็จะคงอยู่ ส่วนรายการไหนที่มองว่าไม่จำเป็น ก็คงต้องถอดออกไป คาดว่า เฟสนี้จะใช้เวลาอีก 1 ปี รวมเป็น 2 ปี สำหรับในเฟสที่ 3 จะเป็นปีที่มุ่งหน้าก้าวเดินสู่ความเป็นทีวีกีฬาที่ดี เหมือนกับที่ อีเอสพีเอ็น ทำอยู่”
“แต่ผมไม่อยากให้ประชาชน และสื่อมวลชน มองว่า ทีวีกีฬาจะมีรายการที่เมื่อได้ชมแล้วจะต้องอุทานด้วยความชื่นชอบตลอดเวลา เพราะเป็นเรื่องยากที่จะทำรายการกีฬาให้ได้รับความนิยมมาก ต้องค่อยเป็นค่อยไป เราขอเริ่มต้นแบบเล็กๆ ไปก่อนแล้วค่อยไปสู่ความมั่นคงในอนาคตดีกว่า ที่สำคัญคือ เราไม่ต้องการทำทีวีกีฬาแข่งกับสถานีโทรทัศน์อื่นๆ กรุณาอย่านำไปเปรียบเทียบกัน เนื่องจากการจะทำอะไรให้ดีนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร”
ด้าน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อด้วยว่า “ตอนนี้สถานีทีวีกีฬาเป็นเพียงหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมในเรื่องกีฬาเป็นหลัก ไม่ใช่สถานีทีวีเพื่อธุรกิจ แต่อนาคตก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป เราจะให้สถานีนี้ออกอากาศในระบบผ่านดาวเทียม และอยู่ในระยะทดลองว่าสังคมไทยจะให้การยอมรับมากน้อยอย่างไร ก่อนนำไปปรับปรุงกันต่อไป ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างลงตัวเกือบ 100% แล้ว เหลือเพียงเรื่องเนื้อหาเท่านั้น ยังไม่อยากให้ใครมาคาดหวังอะไรกับสถานีในตอนนี้มากนัก”
“ผมทราบนโยบายจากรัฐมนตรีวีระศักดิ์ ว่า ต้องการให้สถานีกีฬาใช้งบประมาณน้อยที่สุด เราก็คิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องบุคลากร เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ อีกทั้งยังให้ช่วยในเรื่องของงบประมาณให้มากที่สุดด้วยการลดราคาอุปกรณ์ต่างๆ และการทำงานด้านเทคนิคให้น้อยมาก รวมทั้งบางอย่าง อาทิ ค่าเชื่อโยงสัญญาณดาวเทียมก็อาจจะไม่ต้องจ่าย หรือถ้าต้องจ่ายในบางส่วนก็ให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะการช่วยเหลือในช่วง 3 เดือนแรกของการก่อตั้ง”
นอกจากนี้ นายวีระศักดิ์ ยังได้เสริมด้วยว่า “งบประมาณที่ตั้งไว้น่าจะประมาณ 20 ล้านบาทในเบื้องต้น และคาดว่าจะเริ่มทดสอบการออกอากาศได้ในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และเรายังอาจจะนำการแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกมาถ่ายทอดสดให้ชมกันทางช่องกีฬานี้ด้วย รวมถึงฟุตบอลลีกในต่างประเทศ แต่คงไม่ใช่ลีกใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ เรามองไปที่เดอะแชมเปียนชิปของอังกฤษที่น่าจะสามารถนำมาได้”
“สำหรับการส่งสัญญานั้น เราคงใช้ดาวเทียมไทยคม เนื่องจากโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ที่เขาแพร่ภาพโดยใช้ดาวเทียมนั้นก็ใช้ไทยคมทั้งหมด ทำให้เขาหันจานดาวเทียมไปในทิศทางเดียวกันได้หมด หากเราไปใช้ดาวเทียมดวงอื่น บางทีมันอาจจะถูกกว่า แต่ทีนี้อาจจะเกิดปัญหาได้ เพราะต้องหันจานไปทางอื่น ต่างจากช่องอื่นๆ ทีนี้อาจจะทำให้คนที่ใช้จานดาวเทียมปกติอยู่แล้วเดือดร้อนต้องหันจานดาวเทียมใหม่ก็เป็นได้”