เอ็มทัชต่อยอดธุรกิจ ทุ่ม 70 ล้านบาท ผุด มายทีวี ช่องวาไรตี้ ผ่านเอ็มวีทีวี 8 รุกตลาดทีวีดาวเทียม หวังชิงเม็ดเงินโฆษณากว่า 3,000 ล้านบาท คาดคืนทุนอีก 2 ปี เล็งเปิดอีก 2 ช่อง เป็นช่องอินเทอร์แอคทีฟและช่องภาพยนตร์ พร้อมสยายปีกต่างประเทศอาศัยฐานบริษัทแม่
นายชาญเดช พรหมมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย ทัช จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจของสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีสมาชิกเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม รวมกันประมาณ 5 ล้านครัวเรือน เข้าถึงผู้ชมมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา จะส่งผลดีในแง่ของการอนุญาตให้เคเบิลทีวีมีโฆษณาได้ และคาดว่าจะมีงบโฆษณาที่ลงในเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 5% จากมูลค่าโฆษณาผ่านสื่อทีวีที่มีประมาณ 50,000 กว่าล้านบาทต่อปี
"ธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีกำลังได้รับความนิยมและเข้าถึงประชาชนได้ดี มีการเติบโตค่อนสูง เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้มีมากกว่า 60 ช่องในไทย มีผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนกับสมาคมเคเบิลฯกว่า 500 ราย มีฐานคนดูประมาณ 3 ล้านครัวเรือน ซึ่งเติบโตเพราะมีปัจจัยมาจากการเปลี่ยนแปลงของช่องทีไอทีวี เรื่องราคาค่าเช่าและจานดาวเทียมที่ถูกลง และที่สำคัญการร่วมกันสร้างตลาดของจานดาวเทียม PSI ที่ขายไปได้มากกว่า 3 ล้านจานแล้ว และ MVTV ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯจึงได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ทีวีดาวเทียมภายใต้ชื่อ มายทีวี หรือ MyTV ในนามของบริษัท มีเดีย ทัช จำกัด"
โดยแผนงานในระยะยาวเตรียมที่จะทำช่องทีวีดาวเทียมจำนวน 3 ช่อง แบ่งเป็น ช่องวาไรตี้ ช่องอินเทอร์แอคทีฟ และช่องบันเทิงภาพยนตร์ล้วน ซึ่งในช่วงแรกนี้ ได้ลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ทีวีดาวเทียมเต็มตัว เป็นช่องวาไรตี้ในชื่อ MyTV 8 ทางเอ็มวีทีวี ซึ่งเริ่มออกอากาศวันที่ 1 เมษายน 2551 ระบบซีแบนด์ ผ่านดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี ซึ่งจะมีการเติบโต 100% ในช่วง 2 ปีแรกนี้ โดยมีรายได้หลักมาจากค่าโฆษณา
ทั้งนี้ผังรายการจะทำในลักษณะเดียวกับผังรายการประเภทฟรีทีวี คือ มีความเป็นวาไรตี้หลากหลาย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะไม่ซ้ำซ้อนหรือทับตลาดกันกับ ช่อง เอ็มวีทีวีเดิมที่มีอยู่ 7 ช่อง ที่มีความเป็นช่องเฉพาะ เช่น ฮิตสเตชั่น (เพลงลูกทุ่ง) หรือ เฮลท์สเตชั่น (สถานีสุขภาพ) เป็นต้น ซึ่งของเราจะมีทั้งรายการบันเทิง ความรู้ ภาพยนตร์ซีรี่ส์เช่น จีน เกาหลี หรือซีเอสไอ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มาลงบนทีวีดาวเทียม
"บริษัทฯเน้นการผลิตรายการเองมากกว่า 50% ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ผลิตรายการป้อนทีวีเหมือนกัน จึงทำให้เรารู้ว่า ทีวีดาวเทียมนั้นมีตลาดอยู่มากเหมือนกัน โดยเฉพาะธุรกิจเดิมของเราคือ การผลิตคอนเท้นต์รายการสั้นป้อนทีวีดาวเทียม และบนมือถือ เราวัดจากเอสเอ็มเอสที่เราทำมันมีมาก" นายชาญเดชกล่าว
สำหรับรายได้จะมาจากการหาโฆษณา ซึ่งวางแผนที่จะขายเป็นแพคเกจ โดยมีราคาระหว่าง 15,000 - 20,000 บาทต่อนาที คาดว่าจะเริ่มขายโฆษณาได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งมีพันธมิตรเดิมที่ติดต่อกันมาเช่น เอไอเอส ดีแทค ก็ยินดีที่จะลงโฆษณาด้วย รวมทั้งหมดประมาณ 5 รายที่เจรจาอยู่
ขณะเดียวกันมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย โดยอาศัยเครือข่ายของบริษัทแม่ ทั้งนี้ บริษัท มีเดียทัช จำกัด เป็นบริษัทลูกของบริษัท เอ็มทัช จำกัด ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริการคอนเท้นต์บนมือถือ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มาเลเซีย ซึ่งมีเครือข่ายหลายประเทศในเอเซีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย เป็นต้น
นายชาญเดช พรหมมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย ทัช จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจของสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีสมาชิกเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม รวมกันประมาณ 5 ล้านครัวเรือน เข้าถึงผู้ชมมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา จะส่งผลดีในแง่ของการอนุญาตให้เคเบิลทีวีมีโฆษณาได้ และคาดว่าจะมีงบโฆษณาที่ลงในเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมในปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 5% จากมูลค่าโฆษณาผ่านสื่อทีวีที่มีประมาณ 50,000 กว่าล้านบาทต่อปี
"ธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีกำลังได้รับความนิยมและเข้าถึงประชาชนได้ดี มีการเติบโตค่อนสูง เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้มีมากกว่า 60 ช่องในไทย มีผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนกับสมาคมเคเบิลฯกว่า 500 ราย มีฐานคนดูประมาณ 3 ล้านครัวเรือน ซึ่งเติบโตเพราะมีปัจจัยมาจากการเปลี่ยนแปลงของช่องทีไอทีวี เรื่องราคาค่าเช่าและจานดาวเทียมที่ถูกลง และที่สำคัญการร่วมกันสร้างตลาดของจานดาวเทียม PSI ที่ขายไปได้มากกว่า 3 ล้านจานแล้ว และ MVTV ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯจึงได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ทีวีดาวเทียมภายใต้ชื่อ มายทีวี หรือ MyTV ในนามของบริษัท มีเดีย ทัช จำกัด"
โดยแผนงานในระยะยาวเตรียมที่จะทำช่องทีวีดาวเทียมจำนวน 3 ช่อง แบ่งเป็น ช่องวาไรตี้ ช่องอินเทอร์แอคทีฟ และช่องบันเทิงภาพยนตร์ล้วน ซึ่งในช่วงแรกนี้ ได้ลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ทีวีดาวเทียมเต็มตัว เป็นช่องวาไรตี้ในชื่อ MyTV 8 ทางเอ็มวีทีวี ซึ่งเริ่มออกอากาศวันที่ 1 เมษายน 2551 ระบบซีแบนด์ ผ่านดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี ซึ่งจะมีการเติบโต 100% ในช่วง 2 ปีแรกนี้ โดยมีรายได้หลักมาจากค่าโฆษณา
ทั้งนี้ผังรายการจะทำในลักษณะเดียวกับผังรายการประเภทฟรีทีวี คือ มีความเป็นวาไรตี้หลากหลาย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะไม่ซ้ำซ้อนหรือทับตลาดกันกับ ช่อง เอ็มวีทีวีเดิมที่มีอยู่ 7 ช่อง ที่มีความเป็นช่องเฉพาะ เช่น ฮิตสเตชั่น (เพลงลูกทุ่ง) หรือ เฮลท์สเตชั่น (สถานีสุขภาพ) เป็นต้น ซึ่งของเราจะมีทั้งรายการบันเทิง ความรู้ ภาพยนตร์ซีรี่ส์เช่น จีน เกาหลี หรือซีเอสไอ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มาลงบนทีวีดาวเทียม
"บริษัทฯเน้นการผลิตรายการเองมากกว่า 50% ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ผลิตรายการป้อนทีวีเหมือนกัน จึงทำให้เรารู้ว่า ทีวีดาวเทียมนั้นมีตลาดอยู่มากเหมือนกัน โดยเฉพาะธุรกิจเดิมของเราคือ การผลิตคอนเท้นต์รายการสั้นป้อนทีวีดาวเทียม และบนมือถือ เราวัดจากเอสเอ็มเอสที่เราทำมันมีมาก" นายชาญเดชกล่าว
สำหรับรายได้จะมาจากการหาโฆษณา ซึ่งวางแผนที่จะขายเป็นแพคเกจ โดยมีราคาระหว่าง 15,000 - 20,000 บาทต่อนาที คาดว่าจะเริ่มขายโฆษณาได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งมีพันธมิตรเดิมที่ติดต่อกันมาเช่น เอไอเอส ดีแทค ก็ยินดีที่จะลงโฆษณาด้วย รวมทั้งหมดประมาณ 5 รายที่เจรจาอยู่
ขณะเดียวกันมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย โดยอาศัยเครือข่ายของบริษัทแม่ ทั้งนี้ บริษัท มีเดียทัช จำกัด เป็นบริษัทลูกของบริษัท เอ็มทัช จำกัด ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริการคอนเท้นต์บนมือถือ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มาเลเซีย ซึ่งมีเครือข่ายหลายประเทศในเอเซีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย เป็นต้น