จักรภพเหน็บช่องไทยพีบีเอส กินเงินหลวงเหมือนกัน ต้องช่วยกันรับภาระถ่ายทอดสดรายการต่างๆแทนเอ็นบีทีบ้าง เล็งของบ 700 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์เสริมทัพเอ็นบีที ฝันใช้ทีวีดาวเทียมคู่ขนานเพื่อถ่ายทอดสดโดยเฉพาะ
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ช่องเอ็นบีทีอยู่ระหว่างการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่เฟสที่สอง เป็นการปรับรูปแบบรายการ หลังจากที่เฟสแรกได้ปรับด้านข่าวไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้เฟสที่สองอาจจะมีการทำควบคู่ไปกับการปรับปรุงทั้งรูปแบบรายการและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆด้วย ซึ่งจะต้องตั้งงบประมาณเพื่อเสนอขอรัฐบาลต่อไป เน้นการปรับปรุงความพร้อมต่างๆ เช่น ห้องส่งที่ไม่มีไฟสำรองฉุกเฉินก็จะลงทุนติดตั้งเพิ่ม การลงทุนด้านอุปกรณ์บางอย่างเพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เป็นต้น แต่ว่ายังไม่ได้สรุปเรื่องงบประมาณที่จะต้องใช้
แหล่งข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า งบประมาณที่จะเสนอขอจากรัฐบาลคาดว่าอยู่ในวงเงินประมาณ 600 - 700 ล้านบาท ที่จะนำมาใช้ในการลงทุนด้านอุปกรณ์ แต่คงต้องมาพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งว่าจะต้องใช้เท่าใด และใช้ทำอะไรบ้าง และอะไรเร่งด่วนก่อนกัน นอกจากนั้นแล้ว ยังเตรียมที่จะเจรจากับทางไทยพีบีเอสหรือทีพีบีเอสเพื่อให้ช่วยกันรับผิดชอบในเรื่องของการรับผิดชอบถ่ายทอดสดรายการต่างๆโดยเฉพาะรายการของภาครัฐบาล เนื่องจากว่า ในแต่ละปี ช่อง 11 หรือเอ็นบีทีมีคิวถ่ายทอดสดรายการต่างๆมากกว่า 600 รายการ ซึ่งมากเกินไป ทำให้เวลาที่จะนำไปทุ่มเทและพัฒนาในส่วนอื่นๆนั้นน้อยเกินไป ซึ่งช่องไทยพีบีเอสก็เป็นของรัฐบาลเหมือนกัน ดังนั้นควรต้องเข้ามาช่วยกัน อย่ามาอ้างว่าเป็นองค์กรอิสระเพราะกฎหมายที่สร้างไทยพีบีเอสขึ้นมานั้นเป็นกฎหมายโจร เพราะอาศัยเงินของรัฐบาลเหมือนกันมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี
ทางออกอีกทางหนึ่งคือ การที่จะใช้ดาวเทียมคู่เพื่อถ่ายทอดสดโดยเฉพาะเพื่อออกอากาศทางทีวีดาวเทียม แต่เป็นวิธีที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนอีกมาก ส่วนเอ็นบีทีเองอาจจะหาทางออกโดยการบันทึกเทปรายการสดนั้นแล้วนำไปออกอากาศในเวลาอื่นแทน
"ที่ผ่านมา ยังไม่ได้เข้าไปเจรจาหรือตรวจดูงานที่ไทยพีบีเอสเป็นทางการ เพราะยังไม่มีเวลา กำลังจะติดต่อไปเร็วๆนี้"
สำหรับการปรับรูปแบบรายการในเฟสที่สองนี้ นายจักรภพกล่าวว่า รูปแบบรายการจะกำหนดโดยคนของเอ็นบีทีเป็นส่วนใหญ่ แล้วหาคนเข้ามาทำงาน ผลิตรายการ ซึ่งเอ็นบีทีจะเน้นและให้โอกาสกับผู้ผลิตรายการเดิมก่อน เพราะถือว่าทำงานด้วยกันมานาน ซึ่งมีทั้งรายเล็กรายใหญ่มากกว่า 100 ราย โดยคอนเซ็ปของการทำงานนั้น กำหนดให้รายการเป็นแบบ มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ผู้ชมเมื่อชมแล้วสามารถนำไปพัฒนาตนเองได้ มีความรู้มากขึ้น ฉลาดขึ้น เป็นรายการที่ประเทืองทั้งอารมณ์และปัญญา
โดยทางผู้อำนวยการสถานีจะเป็นผู้ไปประชุมร่วมกับผู้จัดรายการอีกครั้งก่อนที่จะประชุมใหญ่อีกครั้ง คาดว่าภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้จะสามารถเห็นเป็นรูปเป็นร่างของเฟสที่สองได้
อีกทั้งยังมีนโยบายที่จะให้ช่องเอ็นบีทีนี้มีพันธมิตรด้านสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ก็มีบ้างแล้ว และเร็วๆนี้ ทางสถานีโทรทัศน์กวางสีของประเทศจีนก็จะมาเยือนไทยและช่องเอ็นบีทีก็เป็นหนึ่งในกำหนดการที่เขาจะใช้เป็นคู่เจรจากันด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำต่อไปในอนาคต
สำหรับการประเมินผลของรายการข่าวในเฟสแรกที่ได้ออกอากาศไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานั้น นายจักรภพอ้างถึงรายงานจากเอซีนีลเส็นที่ระบุว่า ช่วงข่าวของเอ็นบีทีโดยฉพาะฮอตนิวส์นั้นมีเรตติ้งที่สูงว่าช่วงข่าวของช่องไทยพีบีเอส
ส่วนเรื่องการโฆษณานั้นที่ยังมีเห็นอยู่ในรายการของเอ็นบีที นายจักรภพกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการประชุมและติดตามดูแล้ว สรุปว่า ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ใช้เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เราสามารถประชาสัมพันธ์ได้เฉพาะภาพลักษณ์องค์กรเท่านั้น ไม่สามารถที่จะหาโฆษณาสินค้าได้ รวมทั้งในช่วงกีฬาด้วย แต่ว่าที่ผ่านมายังมีโฆษณาอยู่บ้างนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นระยะของการปรับตัว คงไม่สามารถที่จะไปเคร่งครัดได้ทันที แต่ว่าได้สั่งการไปให้ช่องเอ็นบีทีปรับตัวให้ทัน แต่ไม่มีเดทไลน์ว่าเมื่อใด ค่อยๆให้ลดลง คงต้องอะลุ้มอะล่วยให้บ้างตามสัญญาเดิมที่มีอยู่
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ช่องเอ็นบีทีอยู่ระหว่างการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่เฟสที่สอง เป็นการปรับรูปแบบรายการ หลังจากที่เฟสแรกได้ปรับด้านข่าวไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้เฟสที่สองอาจจะมีการทำควบคู่ไปกับการปรับปรุงทั้งรูปแบบรายการและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆด้วย ซึ่งจะต้องตั้งงบประมาณเพื่อเสนอขอรัฐบาลต่อไป เน้นการปรับปรุงความพร้อมต่างๆ เช่น ห้องส่งที่ไม่มีไฟสำรองฉุกเฉินก็จะลงทุนติดตั้งเพิ่ม การลงทุนด้านอุปกรณ์บางอย่างเพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เป็นต้น แต่ว่ายังไม่ได้สรุปเรื่องงบประมาณที่จะต้องใช้
แหล่งข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า งบประมาณที่จะเสนอขอจากรัฐบาลคาดว่าอยู่ในวงเงินประมาณ 600 - 700 ล้านบาท ที่จะนำมาใช้ในการลงทุนด้านอุปกรณ์ แต่คงต้องมาพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งว่าจะต้องใช้เท่าใด และใช้ทำอะไรบ้าง และอะไรเร่งด่วนก่อนกัน นอกจากนั้นแล้ว ยังเตรียมที่จะเจรจากับทางไทยพีบีเอสหรือทีพีบีเอสเพื่อให้ช่วยกันรับผิดชอบในเรื่องของการรับผิดชอบถ่ายทอดสดรายการต่างๆโดยเฉพาะรายการของภาครัฐบาล เนื่องจากว่า ในแต่ละปี ช่อง 11 หรือเอ็นบีทีมีคิวถ่ายทอดสดรายการต่างๆมากกว่า 600 รายการ ซึ่งมากเกินไป ทำให้เวลาที่จะนำไปทุ่มเทและพัฒนาในส่วนอื่นๆนั้นน้อยเกินไป ซึ่งช่องไทยพีบีเอสก็เป็นของรัฐบาลเหมือนกัน ดังนั้นควรต้องเข้ามาช่วยกัน อย่ามาอ้างว่าเป็นองค์กรอิสระเพราะกฎหมายที่สร้างไทยพีบีเอสขึ้นมานั้นเป็นกฎหมายโจร เพราะอาศัยเงินของรัฐบาลเหมือนกันมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี
ทางออกอีกทางหนึ่งคือ การที่จะใช้ดาวเทียมคู่เพื่อถ่ายทอดสดโดยเฉพาะเพื่อออกอากาศทางทีวีดาวเทียม แต่เป็นวิธีที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนอีกมาก ส่วนเอ็นบีทีเองอาจจะหาทางออกโดยการบันทึกเทปรายการสดนั้นแล้วนำไปออกอากาศในเวลาอื่นแทน
"ที่ผ่านมา ยังไม่ได้เข้าไปเจรจาหรือตรวจดูงานที่ไทยพีบีเอสเป็นทางการ เพราะยังไม่มีเวลา กำลังจะติดต่อไปเร็วๆนี้"
สำหรับการปรับรูปแบบรายการในเฟสที่สองนี้ นายจักรภพกล่าวว่า รูปแบบรายการจะกำหนดโดยคนของเอ็นบีทีเป็นส่วนใหญ่ แล้วหาคนเข้ามาทำงาน ผลิตรายการ ซึ่งเอ็นบีทีจะเน้นและให้โอกาสกับผู้ผลิตรายการเดิมก่อน เพราะถือว่าทำงานด้วยกันมานาน ซึ่งมีทั้งรายเล็กรายใหญ่มากกว่า 100 ราย โดยคอนเซ็ปของการทำงานนั้น กำหนดให้รายการเป็นแบบ มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ผู้ชมเมื่อชมแล้วสามารถนำไปพัฒนาตนเองได้ มีความรู้มากขึ้น ฉลาดขึ้น เป็นรายการที่ประเทืองทั้งอารมณ์และปัญญา
โดยทางผู้อำนวยการสถานีจะเป็นผู้ไปประชุมร่วมกับผู้จัดรายการอีกครั้งก่อนที่จะประชุมใหญ่อีกครั้ง คาดว่าภายในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้จะสามารถเห็นเป็นรูปเป็นร่างของเฟสที่สองได้
อีกทั้งยังมีนโยบายที่จะให้ช่องเอ็นบีทีนี้มีพันธมิตรด้านสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ก็มีบ้างแล้ว และเร็วๆนี้ ทางสถานีโทรทัศน์กวางสีของประเทศจีนก็จะมาเยือนไทยและช่องเอ็นบีทีก็เป็นหนึ่งในกำหนดการที่เขาจะใช้เป็นคู่เจรจากันด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำต่อไปในอนาคต
สำหรับการประเมินผลของรายการข่าวในเฟสแรกที่ได้ออกอากาศไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานั้น นายจักรภพอ้างถึงรายงานจากเอซีนีลเส็นที่ระบุว่า ช่วงข่าวของเอ็นบีทีโดยฉพาะฮอตนิวส์นั้นมีเรตติ้งที่สูงว่าช่วงข่าวของช่องไทยพีบีเอส
ส่วนเรื่องการโฆษณานั้นที่ยังมีเห็นอยู่ในรายการของเอ็นบีที นายจักรภพกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการประชุมและติดตามดูแล้ว สรุปว่า ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ใช้เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เราสามารถประชาสัมพันธ์ได้เฉพาะภาพลักษณ์องค์กรเท่านั้น ไม่สามารถที่จะหาโฆษณาสินค้าได้ รวมทั้งในช่วงกีฬาด้วย แต่ว่าที่ผ่านมายังมีโฆษณาอยู่บ้างนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นระยะของการปรับตัว คงไม่สามารถที่จะไปเคร่งครัดได้ทันที แต่ว่าได้สั่งการไปให้ช่องเอ็นบีทีปรับตัวให้ทัน แต่ไม่มีเดทไลน์ว่าเมื่อใด ค่อยๆให้ลดลง คงต้องอะลุ้มอะล่วยให้บ้างตามสัญญาเดิมที่มีอยู่