xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ” ย้ำขาดทุนต้องปิดพีทีวี ปัดโยกมาทึ้งช่อง 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เพ็ญ” อ้างปิดพีทีวีเพราะขาดทุนไม่ได้ระดมทีมงานมาทึ้งช่อง 11 ที่จะเปิดตัวรูปแบบใหม่วันพรุ่งนี้ (1 เมษายน) พร้อมยุพนักงานเอเอสทีวีทิ้ง “สนธิ” ระบุมีคุณภาพ อย่าจมปลักแค่ทีวีดาวเทียม ขณะเดียวกัน สบช่องรับลูกนักวิชาการกลุ่มหนึ่งหนุนรื้อทั้งฉบับ แต่ขอให้พ่วง ม.237 กับมาตรา 309 ไปด้วย

วันนี้ (31 มี.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการปิดพีทีวีที่มีการวิจารณ์กันว่าผู้บริหารหรือพนักงานบางส่วนจะเข้ามามีบทบาทในสถานีโทรทัศน์ NBT (ช่อง 11) โดยยืนยันว่าส่วนใดก็ตามที่เป็นการดำเนินการของพีทีวี ในอดีตที่ผ่านมาจะไม่มีมาอยู่ที่ NBT อย่างแน่นอน แต่ที่เป็นข่าวเพราะมีความพยายามของคนที่นำไปผูกโยงกัน เนื่องจากมีช่วงเวลาที่ตรงกันพอดี

อย่างไรก็ตาม นายจักรภพซึ่งเคยเป็นผู้บริหารพีทีวี กล่าวว่า การปิดพีทีวีนั้นเท่าที่ทราบเขาปิดด้วยเหตุผลด้านธุรกิจและไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องของบริษัทเอกชน เป็นสิทธิของเขา ดังนั้น การปรับปรุงสื่อของรัฐ โดยเฉพาะ NBT นั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับภาคเอกชน

ส่วนที่มีการมองกันว่าเมื่อพันธมิตรฯ ฟื้นขึ้นมาใหม่ แต่ทำไมพีทีวีจึงปิดตัวนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนี้ ถ้าพีทีวียังอยู่ก็จะบอกว่าทำไมพีทีวียังอยู่ แต่พอปิดตัวลงก็สงสัยอีกว่าทำไมจึงปิดตัว ซึ่งตนคิดว่าความหวั่นเกรงของฝั่งที่คิดว่ารัฐบาลประชาธิปไตยจะไม่เอาตัวแน่ จะต้องแบ่งโลกกันอยู่แน่นั้น ตนอยากให้สบายใจและดูเหตุการณ์ในภาพกว้าง ขอให้คอยดู สถานีโทรทัศน์ NBT และถ้ามีอะไรก็สามารถเสนอแนวคิดได้ เราเปิดโอกาสให้ทุกคนในการเสนอแนวคิดเพื่อปรับเปลี่ยนได้

นายจักรภพยังกล่าวถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง NBT ว่ายังเป็นไปตามแผนเดิมทุกอย่าง พรุ่งนี้ 06.00 น.จะมีการเปลี่ยนภาคข่าว 1 ใน 3 ของผัง และในวันที่ 11 ก.ค.ก็จะมีการเปลี่ยนส่วนที่เหลือของผัง ในส่วนที่เป็นรายการ ดังนั้นการเข้ามาของใครก็ตามจะต้องเป็นไปตามสารบบที่กรมประชาสัมพันธ์ได้วางระเบียบไว้ ไม่มีนโยบายใดๆ จากการเมืองลงไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้ามาผลิตรายการของบริษัทต่างๆ ใน NBT มีความเป็นห่วงกันในเรื่องความโปร่งใส รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่ามีความโปร่งใสทุกขั้นตอน แต่เรื่องนี้ต้องถามทางกรมประชาสัมพันธ์ว่าเขารู้สึกหรือไม่ว่าไม่โปร่งใส ซึ่งความจริงเราไม่ต้องห่วงแทนเขาก็ได้ เพราะหากบริษัทเหล่านั้นเข้ามาโดยไม่โปร่งใสคนที่ต้องโวยก่อนก็คือคนในกรมประชาสัมพันธ์เอง

“การที่ทุกอย่างราบรื่นอย่างนี้ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครที่ต้องเป็นธุระเดือดร้อนอะไร ยกเว้นว่าสื่อของตนเองยังไม่ได้เข้าไปก็เลยใช้วิธีตีกินไปก่อน อย่างนี้คงไม่ใช่วิธีที่ได้ผล” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์กันว่าบริษัท ดิจิตอล มีเดีย ที่เข้าไปผลิตรายการใน NBT มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจักรภพ กล่าวว่า “ก็เห็นมีแต่ที่เนชั่นวิจารณ์อยู่คนเดียว ไม่เห็นมีใครพูดเลย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กดดันหรือไม่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 6 คณะ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะตัวท่านเองที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสื่อ นายจักรภพ กล่าวว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ เพราะถ้าวันไหนพันธมิตรฯ ไม่วิจารณ์ ตนเองก็จะต้องรีบไปดู ASTV เลย เพราะแสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เกิดผลสะเทือนเลย ซึ่งรู้สึกว่าการประณามกันนั้นเมื่อครบวงจรคนก็จะเบื่อไปเอง

“ความจริงคนใน ASTV มีคนเก่งๆ อยู่มาก ผมก็รู้จักเป็นการส่วนตัวหลายคน แต่ทำไมมาจำกัดตัวเองอยู่แค่ภารกิจโฆษณาชวนเชื่อก็ไม่รู้ ทำไมจึงไม่ลงลึกในการชี้ปัญหาของประเทศชาติมากขึ้น คนเก่งๆ ทั้งนั้นใน ASTV เพราะเขาเตรียมไว้สำหรับการทำสถานีโทรทัศน์ที่เต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่โทรทัศน์ดาวเทียม ผมกำลังมองว่าคนที่คอยสั่งการให้คนใน ASTV ใช้คำหยาบคาย ใช้การโจมตีก้าวร้าวนั้น เขาจะได้ใจจากพนักงานของเขาเองไปได้นานแค่ไหน เพราะพนักงานที่นั่นเป็นมืออาชีพ หลายคนไม่ใช่ลูกจ้างของใครหรือใช้เงินล่อ แต่หลายคนก็ถลำตัวเข้าไปแล้วแต่ไม่รู้จะถอนตัวอย่างไร ตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ผมไม่ได้ห่วงผู้บริหาร ASTV หรือพันธมิตรฯ แต่ผมห่วงพนักงาน ASTV ที่มีความรู้ความสามารถ และผมก็อยากจะชี้ทางว่าหากมองโอกาสใดก็ตามที่จะกลับมาเป็นสื่อมวลชนที่เป็นกลาง และเป็นมืออาชีพได้ ก็ขอให้คิดได้ตั้งแต่บัดนี้เลย” นายจักรภพ กล่าว

นอกจากนี้ นายจักรภพยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่า แนวความคิดใหญ่ยังเหมือนเดิม คือ พรรคพลังประชาชนตระหนักดีว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาหลายมาตรา ไม่เฉพาะเรื่องการเมืองที่เกี่ยวกับพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคจะมุ่งไปในภาพที่กว้าง แต่จะกว้างแค่ไหน จะทั้งฉบับหรือไม่ก็ต้องรอการประชุมของพรรคในวันพรุ่งนี้ก่อน หลังจากนั้นก็เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น และคิดว่าแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์เอง ในบางมาตราก็มีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากนักการเมืองที่แท้ก็ต้องรู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา จะมานั่งเสแสร้งกันอยู่คงไม่ได้ ต้องคิดว่ามันเกิดขึ้นในระบอบไหน อย่างไร

“พวกเราอย่าลืมกันง่ายนัก แค่ปีที่แล้วเอง เราอย่าไปเผลอคิดว่าถ้ามีสิ่งที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญแล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามครรลองที่ควรเป็น คำว่ารัฐธรรมนูญนั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่เนื้อหาสาระในนั้นมันปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และหากเกิดฉันทามติขึ้นในสังคมว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาอยู่หลายมาตรา ถ้าเราไม่ปรับแก้ตรงนี้รัฐบาลก็จะเดินหน้าต่อไปได้ลำบาก ขณะนี้ก็เตรียมจะเล่นเกมกันอยู่แล้ว ว่าเวลาเกิดปัญหาการเมืองขึ้นก็โยนให้รัฐบาล หาว่านักการเมืองไม่ช่วยแก้ปัญหาของชาติ เราลืมกันง่ายเหลือเกินว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาปุ๊บก็ทำงานเลย แต่มาติดขัดในหลายมาตราของรัฐธรรมนูญที่ตรึงไว้ นั่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ทำไม่ดี แล้วก็มาพูดกันแบบมักง่ายว่า รัฐบาลไม่ทำงาน จึงอยากบอกว่ารัฐบาลอยากทำงานเต็มที่ แต่เขารัดเอาไว้ เขาสกัดจุดเอาไว้โดยผ่านการวางยาในส่วนต่างๆ รวมทั้งในรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งถ้าเราไม่แก้เราก็เดินต่อไปไม่ได้” นายจักรภพ กล่าว

ส่วนที่มีนักวิชาการเสนอปรับเปลี่ยนทั้งฉบับเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ส่วนตัวตนเห็นด้วยและเชื่อว่านักวิชาการเหล่านั้นมีความรักประเทศ ไม่ได้เข้าข้างหรือถือหางใคร รู้ดีว่าบ้านเมืองมีปัญหาจากรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราก็รับฟัง ทั้งนี้รายละเอียดจะเป็นอย่างไรต้องมาพิจารณากันอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานไปรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย ได้มีการพูดคุยเรื่องการเมืองหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ได้พูดเลย ทักทายกันนิดเดียว พอเดินทางมาถึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินทางไปเมืองทองเลย

/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น