xs
xsm
sm
md
lg

รวมพลต้านรัฐมนตรีไวรัส “กลายพันธุ์เหลี่ยมจัด”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - รวมพลต้านรัฐมนตรีไวรัสกลายพันธุ์เหลี่ยมจัด กลุ่มเมืองไทยรายสัปดาห์/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย/ยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วยกันขายจานดาวเทียม ยกพลเข้ากรุง.!

การหารือครั้งล่าสุดของกลุ่มเมืองไทยรายสัปดาห์/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย/ยามเฝ้าแผ่นดิน (ม.พ.ด.)...ครั้งล่าสุด ที่จังหวัดชลบุรี มีความเห็นตรงกันว่า ขณะนี้มีชาวบ้านเร่งซื้อจานดาวเทียม เอเอสทีวี ราคาจานละ 1,500 บาทไปติดตั้งตามหมู่บ้าน ตามตำบลต่างๆ ที่มีสมาชิกของกลุ่ม ม.พ.ด.มีนิวาสถานอยู่เพื่อป้องกันการตัดสัญญานของรัฐมนตรีนอมินีกลายพันธุ์เหลี่ยมจัดหลายคนที่จะดำเนินการปิดหูปิดตาประชาชนในวันที่ 28 มีนาคมนี้ เพื่อไม่ให้ได้รับรู้ข่าวสารการสัมมนาของพันธมิตรรายการยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษที่หอประชุมธรรมศาสตร์

โดย นายดุสิต ลำจิต และเพื่อนๆ ม.พ.ด.ช่วยกันซื้อ 30 จานดาวเทียมเอเอสทีวีแรกถูกติดตั้งไปแล้ว !! และอีกส่วนหนึ่งกำลังทยอยออกจากศูนย์ข่าวศรีราชาไปติดตั้งต่อไป ทุกที่ที่จานดาวเทียม เอเอสทีวี ถูกนำไปติดตั้งนั้น มีชื่อเจ้าของบ้านเลขที่บ้านเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันเรียบร้อย.

แต่เมื่อ..กล่าวถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคตะวันออก...กันแล้ว จังหวัดชลบุรี- ระยอง นับเป็นพันธมิตรกลุ่มแกนหลักแรกๆ ตามมาด้วยตราด จันทบุรี ปราจินบุรี นครนายก สระแก้ว ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ร่วมชุมนุมที่สนามหลวง เดินขบวนบนท้องถนนราชดำเนินมาด้วยกัน พันธมิตรฯหลายคนนี้พบกันช่วงมีการชุมนุม หรือจังหวะช่วงเวลาฟังการปราศรัย

หลายคนได้อาศัยหลับนอนกลางดินกินกลางสนามหลวง มีเพียงเป้แบกหลัง หรือกระเป๋าสะพายเล็กๆ หนึ่งใบ ผ้าข้าวม้าหนึ่งผืน แปรงสีฟันยาสีฟันพร้อมและอื่นๆ...

หลายต้องคนอาศัยพักผ่อนนอนหลับตามเต็นท์บนพื้นคอนกรีตลานพระบรมรูป หรือหน้าเวที...หลังการปราศรัยตามที่ชุมนุมต่างๆเช่นสวนลุมพินี สนามหลวง ลานพระรูปฯและอื่นๆซึ่งช่วงมีการชุมนุมปราศรัยนั้น พันธมิตรฯผู้รักชาติเหล่านี้มีชีวิตไม่ปกติสุขนักเรียกว่า ถ้าไม่รักกันจริง ...

“รักและชื่นชมผู้เสียสละเพื่อชาติ...เพื่อสถาบัน....เช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล พลตรีจำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สุวิทย์ วัดหนู (ผู้ล่วงลับไปแล้ว).. ”

คนกลุ่มนี้ก็จะไม่ไปชุมนุมด้วย แต่เพราะมีความศรัทธาและเป็นแฟนดั่งเดิมมาจากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์พัฒนาการมาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและที่สุดเป็นสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดินกันทุกคน

คนรักชาติกลุ่มนี้ ถ้าไม่เผชิญความยากลำบากแบบใจถึงใจแล้ว พันธมิตรฯหัวเมืองเหล่านี้ก็จะไม่เป็นปึกแผ่นเช่นวันนี้ แน่นอนความลำบากลำบนที่เกิดขึ้นตามเวทีชุมนุมแต่ละที่แต่ละครั้ง ย่อมทำให้มีความแข็งแกร่งมากเป็นลำดับ

การเดินทางไกลไปร่วมฟังการปราศรัย ชุมนุมที่พิษณุโลก ปราณบุรี หรือไปทุกที่ที่แกนนำพันธมิตรฯไปปราศรัย ต้องกินต้องนอนบนรถก็ทำกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน....นี่เป็นเรื่องของใจล้วนๆ ซึ่งใครจะมาจ้างไม่ได้..เงินง้างจุดยืนความรักและศรัทธาต่อผู้นำพันธมิตรไม่ได้แน่.. ทั้งซึมซับประสบการณ์ความรู้ต่างๆทันเล่ห์นักการเมือง -การเมืองสกปรกเพิ่มมากขึ้น เทียนแห่งธรรม..ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้จุดขึ้นลุกโชนในใจของกลุ่มผู้รักชาติ ม.พ.ด.เหล่านี้ (แฟนรายการเมืองไทยรายสัปดาห์/พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและยามเฝ้าแผ่นดิน)

ผู้รักชาติกลุ่มแรกๆ นี้ จึงมีความสนิทสนมกัน ทั้งมีจุดยืนตรงกัน คนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะเป็น แจ๊ค เมืองชลกับภริยา จุมพล ช้างศรี (กลุ่มเมืองไทยรายสัปดาห์อำเภอศรีราชา-พันธมิตรศรีราชา)นายพิสิทธิ จิตธรรม นายดุสิต ลำจิต นางไพจิตร บ้านสวน นางสาวจิตรานันท์ ไทยอานนท์ เลขาหัวหน้ายามเฝ้าแผ่นดินชลบุรีเท่านั้น ยังมีอีกมากมายเป็นร้อยเป็นพันคน ทุกคนมีผ้าโพกหัวสีเหลืองและเสื้อเหลือง เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ

ซึ่งแต่ละคนนั้นล้วนเป็นหนึ่งในจำนวนคนไทยผู้รักชาตินับแสนนับล้านคน ซึ่งได้ร่วมชุมนุมเดินขบวนแบบสันติวิธีเป็นที่ตั้ง กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขับไล่ทักษิณและระบอบทักษิณเมื่อปี พ.ศ.2549 มาแล้ว

ส่วนอีกจำนวนหนึ่งไม่ประสงค์จะออกชื่อ มีอยู่ทุกหมู่บ้านทุกตำบลไม่เฉพาะชลบุรี แต่มีทั่วภาคตะวันออกและไม่ประสงค์จะเป็นข่าวก็มี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกแกนนำหลักๆ ว่ากันไป

แต่ก็สื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลามีการชุมนุมของแกนนำพันธมิตรฯ ก็จะไปร่วมทุกครั้ง

กลุ่มคนเหล่านี้มีวุฒิภาวะ หลายคนเป็นนักธุรกิจ เป็นนายแพทย์ เป็นแม่ค้าพ่อขาย เป็นข้าราชการ อดีตข้าราชการ นายธนาคาร เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นอาสาสมัครหน่วยงานต่างๆ มีความหลากหลายอาชีพปะปนกันไป กลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนไทยผู้รักชาติ รักเทิดทูนสถาบันอย่างมั่นคง รู้สำนึกต่อผืนแผ่นดินเกิดยิ่งนัก ทั้งติดตามข่าวสารบ้านเมืองเป็นประจำ

ผู้รักชาติกลุ่มนี้ เดิมทำงานแบบปิดทองหลังพระ เสียสละ....ตีปลาหน้าไซ เสแสร้งไม่เป็น เล่นละครลวงโลกก็ไม่ถนัด! ไม่เหมือนพวกรัฐมนตรีนอมินีไวรัสกลายพันธ์เหลี่ยมจัด แสดงท่าทีดูถูกปัญญาชาวบ้านอยู่ในขณะนี้.

มีอะไรก็จะพูดจากันตรงๆ

แหละ...นายณภัทร รังสีชล (กลุ่ม ม.พ.ด.) ก็เป็นอีก 1 ในจำนวนผู้คนที่เป็นพันธมิตรฯ 12 ล้านคน 12 ล้านเสียง....

ครั้น 14 มีนา, 17 มีนาคม, 20 มีนาคม และล่าสุด 24 มีนาคมนี้นั้น จับกลุ่มสนทนาเรื่องปัญหาบ้าน ปัญหาเมือง เรื่องประชาธิปไตยร้อนๆ และชมรายการจาก เอเอสทีวี ทุกรายการไปด้วย

นายณภัทร รังษีชล หนึ่งในกลุ่ม ม.พ.ด.ซึ่งมีความคิดตกผลึกมาจากการเป็นขาประจำรายการเมืองไทยสัปดาห์ ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล-สโรชา พรอุดมศักดิ์ มาอย่างเหนียวแน่น ประเภทถึงไหนถึงกันมาแต่ต้น เขาส่งข้อเขียนให้เรา เพื่อแสดงความคิดความเห็น ทั้งเตือนภัยบางกรณีอันเกิดขึ้นจากการกระทำของบรรดารัฐมนตรีในคณะรัฐบาลนอมินีบางคน พวกไวรัสกลายพันธุ์..เหลี่ยมจัด.! ชื่อเรื่อง “สงสารประเทศไทย..!!.” ดังความต่อไปนี้..

...ยุคโลกาโบราณ...กว่าสยามประเทศ จะเป็นปึกแผ่น คนไทยต้องพลีชีพเพื่อชาติ ยอมแม้สละครอบครัว, ลูกเมีย ฯลฯ ที่เป็นชายก็คอนดาบตามถนัด ทั้งดาบเดี่ยวหรือสองมือที่เป็นหญิงเจ้าก็แกร่งเสียยิ่งนัก มือที่เคยหุงข้าว, กวาดบ้าน, ไกวเปล ร้องเพลงเห่กล่อมเยี่ยงแม่ศรีเรือน เมื่อยามคับขัน ต้องยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ชาย กวัดแกว่งดาบเพื่อปกป้องปฐพีไทยอันเป็นที่รักยิ่ง เราเคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์นี้กันหรือไม่? ว่าบรรพบุรุษของเราทั้งหลายสละชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไว้เพื่อให้ชนรุ่นหลัง..เลือดไหลเนืองนองเป็นท้องธาร ยามจะเก็บเกี่ยว รวงข้าวชูช่อแดงฉาน ดั่งชโลมด้วยฝนเลือดชาวไทยทั่วท้องทุ่งนา...

ยามหน้าไถ เมื่อพลิกดินก็พบแต่กระดูกนับด้วยหมื่น!!

สงสารประชาธิปไตย.!! ...ยุคโลกาภิวัตน์ เราได้เผชิญกับรัฐบาล “ทักษิโนมิค” ซุกหุ้นภาค 1 ก็ แบ๊ะ แบ๊ะ! ชิปปิ้ง “หมู” ที่เปิดโปงเล่ห์ผู้นำ..ก็หายวับพร้อมกับ แป๊ะ..แป๊ะ บี้การบินไทย..ลำใยถูกอม..กล้ายางก็มีเหลือ แต่น้ำตาเกษตรกร!! หอมกะเทียม ฉิบหาย...นมโคไทยพินาศ !!และ.....ฯลฯ น่าอนาจหนอ..แม้แต่ซุกหุ้นอย่างลึกลับซับซ้อนภาคพิสดาร นำไปสู่การขายดาวเทียมไทยคม แถมไอทีวี และบริษัทขายอากาศจำกัด !!อีกทั้งอภิมหาโปรเจกต์หนองงูเห่า อ้อ..ชื่อเป็นทางการว่าสนามบินสุวรรณภูมิ.

นี่แหละ...ยุคทุนสามาลย์อย่างแท้จริง ประชาชน ผู้รักชาติไม่สามารถคอนดาบวิ่งเข้ารบเยี่ยงก่อนได้ เพราะได้ยกยุคสมัยที่ใครรักชาติ ก็โดดเข้ายืนหันหลังชนกันเพื่อต่อสู้กับศัตรู ให้เขาไปแล้ว..เพื่อยอมรับวัฒนธรรมแบบใหม่ของโลก ก็ต้องทำๆไปตามกติกาของสังคมยุคใหม่

ที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” จำเป็นต้องมีผู้แทนจากปวงชนมาทำหน้าที่แทนซึ่งมีคำเรียกหาว่า “นักการเมือง” พวกเราใช้เวลาเข้าคูหาเพื่อกากบาทหย่อนบัตรอาจเพียงแค่..สี่วินาที.แต่..รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ..ยุคประชาธิปไตยของนักการเมืองชั่วจำนวนไม่น้อย ที่ใช้ความมีอำนาจในการเป็น “รัฐบาล” ปกครองประเทศ แล่เนื้อเถือหนังประเทศชาติรุมทึ้งทุกอย่างที่ปรารถนา ใช้อำนาจแก้กฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่มีความผิดสำหรับคนพวกนี้.

วันนี้..พวกเรากำลังเผชิญ “กลิ่นอายแห่งความหายนะ” ซึ่งมันมากับ“ประชาธิปไตยของพวก....!? ” ในคราบของทักษิณ ภาค “นอมินีพิสดาร” ตอน “ไวรัสกลายพันธุ์เหลี่ยมจัด!” เริ่มด้วยการโยกย้าย ข้าราชการคนดีๆ มีตำแหน่งสำคัญๆ ยัดเข้ากรุ! พร้อมกับไขลานตุ๊กตา ของพวกตนเองเข้าประจำหน้าที่แทน มีหน้าที่คอยแจก ใบสั่ง..และล้วงลูกตามคำสั่งของผู้ที่ไขลาน

เอาคนที่ มีแผลเป็นเก่า มานั่งกระทรวงบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน แถมลูกบางคนยังมีคดีค้างโรงค้างศาลอยู่ แต่ก็ยังไร้จิตสำนึก! เพียงแค่ต้องการเป็นใหญ่ มีอำนาจเป็นนายเหนือหัวประชาชนก็ทำได้ทุกอย่าง ขอโทษ...ผมจำไม่ได้ว่าเขาคนนี้ชื่อเรียงเสียงใด แต่เพราะเป็นคนที่ไร้ซึ่งความกตัญญุตา ไร้คุณธรรม กำกับใจ โปรดจำไว้..มาอย่างไร...อีกไม่นานเกินรอจะต้องกลับไปเยี่ยงเดิมและอาจจะ..ชั่วนิรันดร

หากไม่เอาอดีตที่ผ่านมาแก้ไข หากไม่เอาหัวใจประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้รักชาติมาเป็นที่ตั้ง.!

เช่นเดียวกันกับ นายกรุง ศรีวิไล สามารถยืนยงคงกระพันบนเส้นทางบันเทิงมายาวนานกว่า สองครั้งของคำว่า เบญจเพส แต่..อนิจจาน่าเสียดาย ความชื่นชมของประชาชนที่เคยนิยมชมชอบ หลังจากเพียงกล่าววาจาไม่กี่ประโยคเมื่อไม่กี่วันมานี้ รู้ไหมว่า...มันได้สังหารตัวนายเองเสียสิ้น !

จากนี้กระแสนิยมนายกรุง คงจะสิ้นวิไลอย่างแน่นอน

หลงผิดเพราะติดยา ยังดีกว่า หลงเงินตราแล้วเสียตัว! นึกถึงคุณฉลองฯ หนัง,ละครตอนใหม่ อาจสิ้นมนต์ขลัง.. ถ้ายังมี กรุง ศรีวิไล... ยั้งม้าริมหน้าผา..ยังทันนะ!!

... 12 ล้านพันธมิตรที่รักและนับถือ ภัยพิบัติกำลังเยือนใกล้เข้ามา ทุกขณะแล้ว ถ้าพวกเราไม่รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวให้เหนียวแน่น เพื่อต่อสู้ขัดขวางตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้...ด้วยสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบสันติวิธี อย่างเปิดเผยปราศจากอาวุธ.

เราพร้อมยอมพลี ขอยืนยันด้วยศักดิ์ศรีพันธมิตรฯว่าขอปกป้องสามสถาบัน ด้วยเลือดเนื้อและชีวิตเยี่ยงบรรพบุรุษ!!

นี่..เป็นข้อเขียนซึ่งถ่ายทอดสะท้อนความในใจ สะท้อนตัวตนของผู้รักชาติ เช่นนาย ณภัทร รังษีชล 1 ในจำนวน12 ล้านเสียงพันธมิตรฯ แบบถึงไหนถึงกัน สำหรับ 28 มีนาคม ที่จะมาถึงตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรฯภาคตะวันออก โดยเฉพาะชลบุรี-ระยอง จะไปกันจำนวนมาก เพื่อรับฟังการประชุมสัมนาทางวิชาการของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หอประชุมธรรมศาสตร์

นายณภัทร รังษีชล และแกนหลักๆ ม.พ.ด.คนอื่นๆ บอกกับเราว่า จะปฏิบัติตามนโยบายสันติวิธีของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกอย่าง จะไม่ทำอะไรเกินเลยเป็นเด็ดขาด ทั้ง...พร้อมร่วมต้าน รัฐบาลนอมินีไวรัสกลายพันธ์...เหลี่ยมจัด

ซึ่งออกโรงแสดงเหลี่ยมจัดนั้นออกมาให้เห็นประจักษ์ต่อสายตาของประชาชนอยู่เป็นลำดับ...กรณีการเด็ดหัว (โยกย้ายแบบสายฟ้าแลบ) ..พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น..กว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ..จะมีวันนี้ได้ ชีวิตรับราชการผ่านสมรภูมิตามสถานการณ์ร้อนๆ หนาวๆ มาทุกพื้นที่ทั้งเป็นข้าราชการซึ่งเข้าพิธีดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยานั้นหาได้น้อยคนนัก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส นั้นมีผลงานการปราบปรามการทุจริตอันโด่งดังหลายคดี เช่นคดีจับกุมซื้อเสียงเลือกตั้งทางจังหวัดภาคอิสาณ ซึ่งมีคนของนักการเมืองเอาธนบัตรใบละร้อย ห้อยพ่วงใบละยี่สิบ หรือคดีอื่นๆที่ได้ทำก็มีตัวอย่างเป็นรูปธรรมอีกมาก ข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ดีๆมีผลงานดังนี้..การเมืองเหลี่ยมจัดไวรัสกลายพันธุ์...ยังทำได้

แล้วประเทศไทยจะไปเหลืออะไรกัน..!

การโยกย้ายเด็ดหัวแบบเฉียบพลันไม่รีรอไม่แยแสต่อสายตาประชาชนผู้รักชาติยังมีอีกหลายกรณีเช่นการโยกย้ายนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นกกต.บุรีรัมย์อยู่ด้วย และเพราะทำคดีสำคัญๆ ต่อนักการเมืองที่เคยมีอำนาจในพรรค ทรท.ซึ่งกลายพันธ์มาอยู่พลังประชาชน เป็นต้น

ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง...!!!

ความประโยคนี้ ซึ้งใจผู้รักชาติยิ่งนัก ถึงจะต้องขายทรัพย์สินสู้ก็ยอม..นี่คือ เสียงสะท้อนอีก 1ในจำนวน 12 ล้านคน 12 เสียงพันธมิตรฯ...ซึ่งล้วนไปร่วมงานชุมนุมด้วยใจ ไปด้วยเงินของตัวเอง แบบถึงไหนถึงกัน..

เพราะฉะนั้น...เมื่อนักการเมืองเหลี่ยมจัดคนหนึ่งออกมาพูดกล่าวหาตีปลาหน้าไซล่วงหน้าว่า พวกเราถูกจ้างวานให้ไปฟัง การสัมมนาทางวิชาการของพันธมิตรฯที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นเขาคงไม่รู้หรอกว่า ยิ่งพูดเช่นนั้นยิ่งทำให้ประชาชนผู้รักชาติ เบื่อหน่ายพวกเขานักการเมืองกลายพันธุ์มากยิ่งขึ้นและก็จะพากันไปมากยิ่งขึ้นเช่นกัน.



กำลังโหลดความคิดเห็น