“พิภพ ธงไชย” จวกเผด็จการรัฐสภา “ลูกกรอก” ถูกฟอกจนเหลือแต่ซี่โครง พรรคร่วมฯยังทู่ซี้ยกมืออุ้มขึ้นหิ้งกันได้อีก แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการเมืองเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น ย้ำ ถึงเวลาการเมืองไทยต้องเปลี่ยนแปลงโดยมีสังคมเป็นผู้กำหนดไม่ใช่รัฐประหาร พร้อมกับเฉดหัวพวกนักการเมืองกรอบเก่าที่ดีแต่ขี้ฉ้อให้หมดสิ้นจากแผ่นดิน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เมื่อเวลา 21.13 น.ที่ผ่านมา นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ปัญหาเขาพระวิหารเป็นประเด็นแหลมคมยิ่ง เมื่อวาน (26 มิ.ย.) ศาลปกครองใช้เวลา 11 ชั่วโมงซักอย่างเต็มที่ ถ้าสามารถยับยั้งเรื่องนี้ได้ รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ควรอยู่เป็นรัฐบาลต่อไป
นายพิภพ กล่าวว่า นอกจากนั้นยูเนสโกได้มีมติออกมาว่า การส่งปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกต้องทำร่วมกันสองประเทศ อยากถามรัฐบาลว่าทำไมไม่คิดเรื่องนี้ ทำไมไปสนับสนุนให้เขมรเสนอฝ่ายเดียว จนมีปัญหาเรื่องการตีความอนาเขตรอบปราสาทว่าเราจะเสียดินแดนเพิ่มอีกหรือไม่ ถึงแม้ดินแดนที่ดูจะเสียเพิ่มขึ้นถ้าปล่อยให้เขมรเสนอฝ่ายเดียว ดินแดนนั้นถึงแม้จะเลก็น้อยก็ยอมไม่ได้
นายพิภพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรม แต่เราก็จะเห็นได้ว่า เมื่อลงคะแนนเสียงอภิปรายเมื่อเช้า พรรคร่วมรัฐบาลฯ หลับหูหลับตารับรอง ครม.ทั้งหมด แสดงว่าระบบรัฐสภาไทย ทำอะไรไม่ได้ในการตรวจสอบ อาศัยเสียงข้างมากลากพาไป อาศัยเผด็จการในพรรคการเมืองและรัฐสภา เพราะว่านักเลือกตั้งเหล่านี้มาจากการซื้อสิทธิขายเสียงต้องเอาเงินประมาณ 50 ล้านจากหัวหน้าพรรค หัวหน้าพรรคไปเอาจากลุ่มทุนแล้วไปเลือกตั้ง
“ฉะนั้น ต่อให้รัฐธรรมนูญบอกว่า ให้ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ในการยกมือได้อย่างอิสระ ส.ส.ในระบบรัฐสภาวันนี้ก็ทำไม่ได้ ตราบใดที่การเลือกตั้งยังเป็นแบบนี้ ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียง พรรคการเมืองเองยังเป็นเผด็จการในพรรค และรัฐสภาก็เป็นเผด็จการในรัฐสภาไปด้วย ฉะนั้นนิติบัญญัติตรวจสอบฝ่ายบริหารก็ทำไม่ได้ นี่คือความล้มเหลวของการเมืองเก่าที่เราต้องมาพูดกันว่า ถ้าเราอยากจะหลุดจากการเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยทุจริตคอร์รับชั่น เผด็จการรัฐสภา เราต้องคิดนอกกรอบเพื่อสร้างการเมืองใหม่” นายพิภพ กล่าว
นอกจากนั้น นายพิภพยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวานนี้ด้วยว่า (26 มิ.ย.) ฟังคุณเฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เถียงกันเรื่องใครลุกล้ำที่ดิน ใครเป็นเจ้าของที่ดิน เถียงกันไปเถียงกันมาฟังแล้วสังเวชใจ อยากถามทั้งคู่หน่อยว่า ทำไมพูดเรื่องปฏิรูปที่ดินเลย พูดแต่แย้งกันไปมาว่าใครผิดกฎหมาย การเมืองลงเสียแบบนี้ ทั้งที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งต้องมีข้อเสนอแนะด้วย แต่มาเถียงเรื่องใครเป็นเจ้าของที่ดิน ใครผิดกฎหมาย
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า อภิปรายงบประมาณ ก็คงไม่พ้นแย่งงบประมาณลงพื้นที่ของตัวเอง แล้วงบประมาณที่แย่งไปนั้น ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ มีผู้รับเหมาของนักการเมืองไปบริหารจัดการ เราเสียหายเรื่องคอร์รัปชันนับตั้งแต่ 10-40% บ้านเมืองเราก็ยังอยู่กันได้ทั้งที่น่าจะเจริญกว่านี้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้กล่าวว่า “ถ้าไม่ทุจริตคอรัปชั่นเลย ถนนเมืองไทยสามารถปูด้วยทองคำ” ฉะนั้นการเมืองน้ำเน่าแบบนี้เต็มไปด้วยทุจริตคอร์รับชั่น ไม่มีแนวคิดเรื่องปฏิรูปที่ดิน ไม่มีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ไม่มีแนวคิดการให้ชาวบ้านรวมกลุ่มสหกรณ์ นักการเมืองไปตั้งบริษัทแล้วกว้านซื้อที่ดินเสียงเอง บ้านเมืองไปไม่รอดแน่ๆ
“การเปลี่ยนแปลงการเมืองวันนี้ เราก็ไปถึงการเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ แต่ไม่ได้หมายถึงการรัฐประหาร แต่จะเปลี่ยนอย่างไรขึ้นอยู่กับสังคมกำหนด วันนี้พอเราปล่อยความคิดเร่องการเมืองใหม่ออกไป เพื่อให้นักวิชาการที่นั่งในนี้ ข้าราชการ นักธุรกิจ ลองไปคิดว่าการเมืองใหม่ที่ไม่ก่อให้เกิดการซื้อสิทธิขายเสียง การคอร์รัปชัน ได้ตัวแทนจากทุกภาคส่วนของอาชีพมาอยู่ในรัฐสภา จะทำกันอย่างไรนี่คือโจทย์ของเรา วันนี้ต้องคิดให้มากคือไปจากกรอบการเมืองเก่า เราควรจะไล่นักการเมื่องกรอบเก่าไปได้แล้ว” นายพิภพ กล่าวทิ้งท้าย