เมื่อเวลา ประมาณ 15.20 น. ของวานนี้ ( 8 พ.ค. 51) ร.ต.อ.สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ประธานกรรมการ บริษัท โอสถสภา จำกัด ได้เสียชีวิตแล้วในวัย 78 ปี เนื่องจากสาเหตุ อาการติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่โรงพยาบาลสมิติเวช หลังจากที่ได้เข้ารับการรักษาตัวอย่างกะทันหันตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม เป็นต้นมา โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในวันนี้เวลา 16.00 น. ที่วัดธาตุทอง ศาลาเจ้าจอม
ร.ต.อ.สุรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๓ ที่กรุงเทพมหานคร และได้ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เรียนอยู่ในระดับมัธยมจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโคโลราโด เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วก็ได้เดินทางกลับประเทศไทยและได้เข้าทำงานที่ บริษัท โอสถสภา (เต๊กเฮงหยู) จำกัด ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทดังกล่าวและกลุ่มบริษัทในเครือหลายบริษัทในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นกรรมการในบริษัทสำคัญอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมทั้งยังมีตำแหน่งและบทบาทงานสังคมอีกมากมาย เช่น นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย
ร.ต.อ.สุรัตน์ ยังเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นแนวหน้าของประเทศไทยแห่งหนึ่งอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีบทบาททางด้านการเมืองไม่น้อยในอดีต เช่น เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ในยุค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นต้น
งานอดิเรกที่สุรัตน์ทำและโปรดปรานนั้นมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การเล่นกอล์ฟ การสะสมวัตถุโบราณ การสะสมกล้องถ่ายภาพ และการถ่ายภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่ร.ต.อ.สุรัตน์โปรดปรานมากก็คือ การถ่ายภาพ ซึ่งเมื่อครั้งที่ศึกษาที่อเมริกานั้น เขาก็เรียนวิชาทางด้าน Art Appreciate ไปพร้อมกันด้วย แต่สุดท้ายมาค้นพบว่าตัวเองชอบงานถ่ายภาพมากกว่าการวาดภาพ ซึ่งกล่าวได้ว่า หลังจากที่หันหลังให้กับการบริหารธุรกิจแล้ว เขาก็ใช้เวลาอยู่กับเรื่องถ่ายภาพเต็มที่ ซึ่งสุรัตน์มีฝีมือถ่ายภาพที่ดีคนหนึ่งเหมือนกัน เขาเคยจัดนิทรรศการภาพถ่ายขาว-ดำ ในชื่อว่า “กรุงเทพฯเลือนหาย 2 - (Vanishing Bangkok 2 ) แสดงที่หอศิลป์แห่งชาติ ถนนเจ้าฟ้า เมื่อปี 2545 ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกก็ว่าได้ที่ได้จัดงานภาพถ่ายในที่แห่งนี้
ประโยคหนึ่งที่สุรัตน์เคยกล่าวไว้ก็คือ “ผมชอบงานศิลปะมากกว่างานธุรกิจ แต่เพราะทางบ้านมีธุรกิจ ที่ต้องสืบทอด”
ร.ต.อ.สุรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๓ ที่กรุงเทพมหานคร และได้ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เรียนอยู่ในระดับมัธยมจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโคโลราโด เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วก็ได้เดินทางกลับประเทศไทยและได้เข้าทำงานที่ บริษัท โอสถสภา (เต๊กเฮงหยู) จำกัด ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทดังกล่าวและกลุ่มบริษัทในเครือหลายบริษัทในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นกรรมการในบริษัทสำคัญอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมทั้งยังมีตำแหน่งและบทบาทงานสังคมอีกมากมาย เช่น นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย
ร.ต.อ.สุรัตน์ ยังเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นแนวหน้าของประเทศไทยแห่งหนึ่งอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีบทบาททางด้านการเมืองไม่น้อยในอดีต เช่น เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ในยุค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นต้น
งานอดิเรกที่สุรัตน์ทำและโปรดปรานนั้นมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การเล่นกอล์ฟ การสะสมวัตถุโบราณ การสะสมกล้องถ่ายภาพ และการถ่ายภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่ร.ต.อ.สุรัตน์โปรดปรานมากก็คือ การถ่ายภาพ ซึ่งเมื่อครั้งที่ศึกษาที่อเมริกานั้น เขาก็เรียนวิชาทางด้าน Art Appreciate ไปพร้อมกันด้วย แต่สุดท้ายมาค้นพบว่าตัวเองชอบงานถ่ายภาพมากกว่าการวาดภาพ ซึ่งกล่าวได้ว่า หลังจากที่หันหลังให้กับการบริหารธุรกิจแล้ว เขาก็ใช้เวลาอยู่กับเรื่องถ่ายภาพเต็มที่ ซึ่งสุรัตน์มีฝีมือถ่ายภาพที่ดีคนหนึ่งเหมือนกัน เขาเคยจัดนิทรรศการภาพถ่ายขาว-ดำ ในชื่อว่า “กรุงเทพฯเลือนหาย 2 - (Vanishing Bangkok 2 ) แสดงที่หอศิลป์แห่งชาติ ถนนเจ้าฟ้า เมื่อปี 2545 ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกก็ว่าได้ที่ได้จัดงานภาพถ่ายในที่แห่งนี้
ประโยคหนึ่งที่สุรัตน์เคยกล่าวไว้ก็คือ “ผมชอบงานศิลปะมากกว่างานธุรกิจ แต่เพราะทางบ้านมีธุรกิจ ที่ต้องสืบทอด”