“รสนา” ผิดหวังอภิปรายรัฐบาล เหตุ รมต.ไม่ตั้งใจตอบคำถาม แถมใช้วาจา เยาะเย้ย ถากกาง ข่มขู่เสียงดัง มุ่งเอาชนะทางสำนวนโวหาร จวก"หุ่นเชิด"ไม่เข้าใจประชาธิปไตย มองคนวิพากษ์วิจารณ์เป็นศัตรู ต้องตอบโต้ด้วยความรุนแรง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรสนา โตสิตระกูล ให้สัมภาษณ์
วันที่ 23 มิ.ย. นางรสนา โตสิกตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชลแนล ถึงบรรยากาศการอภิปรายทั่วไปต่อการบริหารงานของรัฐบาลในวุฒิสภาว่า โดยส่วนตัวค่อนข้างผิดหวัง เนื่องจากทาง ส.ว.ที่ขอยื่นอภิปรายในครั้งนี้อยากให้การอภิปรายเป็นเสียงสะท้อนให้รัฐบาลนำไปเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่มีอยู่ ซึ่งเราในฐานะที่เป็น ส.ว.ก็ทำหน้าที่เหมือนเป็นกระจกบานหนึ่งที่จะสะท้อนการทำงานของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลอาจจะมองเราเป็นกระจกที่บิดเบี้ยวทำให้คุณดูขี้เหร่กว่าที่เป็นจริง แต่ถ้ารัฐบาลมองว่าอย่างน้อยกระจกก็น่าจะสะท้อนความจริงอะไรได้บ้าง
แต่สิ่งที่รัฐบาลกระทำในวันนี้ต่อที่ประชุมวุฒิสภาก็คือ การใช้ท่าทางที่ค่อนข้างดูหมิ่น หยามเหยียด ถากถาง เสียดสี หรือใช้ความรุนแรงทางเสียงค่อนข้างมาก กล่าวคือ เมื่อ ส.ว.ตั้งประเด็นขึ้นสอบถาม ส่วนใหญ่รัฐบาลไม่ได้ตอบคำถามเหล่านั้นอย่างจริงจัง กลับใช้วาจาโต้ตอบเพื่อเอาชนะทางสำนวนโวหารเท่านั้น ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลเคยชินกับการที่จะตอบโต้ให้เป็นประเด็นทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จึงคิดว่า รัฐบาลชุดนี้ก็เหมือนชาล้นถ้วย คือถ้วยมันเต็มอยู่แล้ว ใส่อะไรเข้าไปมันก็ล้นออกมาหมด ใส่อะไรเข้าไปเพิ่มเติมไม่ได้เลย
นางรสนา กล่าวต่อไปว่า กรณีที่รัฐบาลกล่าวว่า ส.ว.อีก 80 กว่าคนคือพวกรัฐบาลเพราะไม่ได้ลงชื่อขอยื่นอภิปราย ส่วน ส.ว. 61 คนที่ลงชื่อและมาพูดวิพากษ์วิจารณ์ในวันนี้ถือเป็นฝั่งตรงกันข้ามนั้น ตนมองว่าหากรัฐบาลคิดเช่นนี้ก็แสดงว่ารัฐบาลไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง เพราะ ส.ว.ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นมาเพื่อถ่วงดุลอำนาจการบริหาร แต่รัฐบาลกลับมองว่า ส.ว.ที่อภิปรายคือฝ่ายตรงข้าม เลยต้องต่อสู้ด้วยวิถีทางทางการเมือง ทำให้การรับฟัง เพื่อนำมาแก้ปัญหาจริงๆ จึงไม่เกิด
“รัฐบาลจะต้องมีความอดทนมากกว่านี้ ไม่ใช่ตอบโต้ด้วยวิธีการที่รุนแรง ดิฉันคิดว่าไม่ค่อยใช้ปิยวาจา มีลักษณะของการส่อเสียดตลอดเวลา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันผิดหวัง” นางรสนากล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะรับฟังคำแนะนำของ ส.ว.มากแค่ไหน นางสาวรสนา กล่าวว่า ไม่ค่อยเชื่อว่าจะฟังเท่าไหร่ เท่าที่ฟังในวันนี้ แต่ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะอาจจะเปลี่ยนแปลงใหม่ก็ได้ เหมือนที่ตอนแรกบอกว่าพวกเรากระเหี้ยนกระหือรือเปิดอภิปราย เขาไม่มีเวลามาฟัง เสร็จแล้วมาก็เปลี่ยนใจมาฟัง แต่เปลี่ยนใจมาฟังแต่อาจจะไม่ได้ยิน
นางรสนากล่าวด้วยว่า การอภิปรายของ ส.ว.ในวันนี้หลายคนตั้งใจและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ถึงแม้จะมีเวลาเตรียมตัวน้อยก็ตาม หลายอย่างที่พูดในวันนี้เป็นประเด็นที่รัฐบาลถูกโจมตีมาแล้วจากภาคนอก เมื่อ ส.ว.นำมาพูดในสภา ตนมองว่าหากรัฐบาลตอบคำถามและอธิบายข้อเท็จจริงเหล่านั้นด้วยความสุภาพอย่างตั้งใจแล้ว น่าจะเกิดผลดีกับรัฐบาลมากที่จะได้สื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน แต่น่าเสียดาย ที่รัฐบาลกลับเคยชินกับการที่เมื่อมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ตอบโต้ด้วยคำพูดที่รุนแรงโดยที่ไม่มีเนื้อหาสาระอะไร จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าการเมืองเราจะพัฒนาไปได้อย่างไรเมื่อนักการเมืองยังไม่มีความเข้าใจต่อวัฒนธรรมการเมืองเช่นนี้
“เราขาดความเข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตยอย่างมาก โดยเฉพาะนักการเมือง นักการเมืองส่วนใหญ่จะใช้วิธีการต่อสู้เพื่อให้ได้เข้าสู่อำนาจ พอคุณเข้าสู่อำนาจแล้ว คุณก็ไม่สนใจกระบวนการหรือวัฒนธรรมทางประชาธิปไตยเลย คุณสนแต่เมื่อคุณมีอำนาจแล้วคุณจะทำอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นศัตรูเป็นฝ่ายตรงข้ามหมด ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วมันก็ลำบาก”นางรสนากล่าว
