อดีตทูต “กษิต” จับพิรุธ “นพดล” เร่งเซ็นยอมรับแผนที่ “พระวิหาร” ยันข้ออ้างเพื่อป้องกันพื้นที่ทับซ้อนฟังไม่ขึ้น เพราะหากไทยไม่ยินยอม เขมรขึ้นทะเบียนไม่ได้ ยันจดมรดกโลกต้องรวมตั้งแต่บันไดในเขตไทยด้วย ด้าน “ปองพล” จับโกหก “ทนายใบสั่ง” อ้างไทยจดมรดกโลกร่วมเขมรไม่ได้ ยันมีหลายชาติจดทะเบียนร่วมกันสำเร็จมาแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการคมชัดลึก
วานนี้ (18 มิ.ย.) นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนนัล ดำเนินรายการโดย นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ยืนยันว่า แผนที่เขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารที่นำเสนอต่อสื่อมวลชนเป็นฉบับเดียวกับที่นำเสนอต่อ สมช. และ ครม.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายนพดล เคยอ้างว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของแผนที่ได้ แต่ล่าสุด นายนพดล อ้างว่า ที่เปิดเผยได้ก็เป็นเพราะกัมพูชาได้ส่งหนังสือลงนามมาถึงไทยเมื่อช่วง 11.00 น.วันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้แผนที่ดังกล่าวเปิดเผยได้แล้ว และยืนยันว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส ไทยไม่มีการเสียดินแดนแน่นอน
ส่วนคำถามที่ว่าเหตุใดไทยจึงไม่ขอขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชานั้น นายนพดล กล่าวว่า คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากศาลโลกได้ตัดสินให้ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาไปแล้ว เขาก็เป็นเจ้าของ ดังนั้น การที่เขาจะนำปราสาทของเขาไปขึ้นทะเบียนจึงเป็นสิทธิของเขา
ด้าน นายปองพล อดิเรกสาร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้ผลิตรายการสารคดีโทรทัศน์มรดกโลก กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้น หลายประเทศที่ขอขึ้นทะเบียนก็มีปัญหาเรื่องโบราณสถานอยู่ก้ำกึ่งดินแดนของสองประเทศ เช่นเดียวกับไทยและกัมพูชา แต่ประเทศเหล่านั้นก็สามารถเจรจากัน และขอขึ้นทะเบียนร่วมกันได้ในที่สุด ทำให้ตนมองว่า เหตุใด รมว.ต่างประเทศ ของไทยจึงไม่ขอขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชา ทั้งที่หากเจรจาอย่างจริงจังน่าจะสามารถทำได้ เพราะตามระเบียบขององค์การยูเนสโกก็มีบัญญัติไว้ ว่า การขอขึ้นทะเบียนโบราณสถานเป็นมรดกโลกนั้น ต้องได้รับความยินยอมหรือเห็นชอบจากภาคีประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น หากไทยเจรจาว่าขอขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชาก็น่าจะทำได้ และเป็นการดีกว่าหากไปเจรจาแล้วเราได้ผลประโยชน์กลับมา ไม่ใช่แค่ไปเจรจาแล้วเท่าตัว
อีกทั้งการที่ นายนพดล กล่าวว่า ต้องรีบตอบตกลงในแผนที่ของกัมพูชา เพราะเดิมที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ทับซ้อนไปขอขึ้นทะเบียนด้วยนั้น ตนมองว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถึงกัมพูชาเสนอไป แต่ถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือยินยอมจากไทย องค์การยูเนสโกก็คงไม่ยอมให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่ดี เพราะผิดระเบียบของยูเนสโก ดังนั้น ตนจึงไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐบาลชุดนี้จึงต้องรีบตอบรับแผนที่ดังกล่าว ทั้งที่ยังไม่มีการศึกษาและระดมความคิดอย่างแพร่หลาย
ตนคิดว่า ทางกัมพูชารู้ดีว่าการจะทำการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทเขาพระวิหารจะขึ้นเป็นมรดกโลกนั้นคงไม่ง่ายหากรัฐบาลไทยไม่ยินยอม ดังนั้น เขาจึงต้องเร่งให้ทางรัฐบาลไทยตอบยอมรับหรือมีมติคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ หากทางยูเนสโกขอดูหลักฐานว่าไทยยินยอมหรือไม่ แล้วกัมพูชามีหลักฐานว่ารัฐบาลของประเทศไทยยอมแล้ว เมื่อนั้นไทยก็คงไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ในเขาพระวิหารได้อีก
นายปองพล ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แท้จริงแล้วกระทรวงต่างประเทศเคยคิดจะเจรจาขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารกับกัมพูชาหรือไม่ เพราะตนเชื่อว่าหากไปเจรจาแล้ว กัมพูชาจะคัดค้านด้วยเหตุผลอะไร เพราะการที่โบราณสถานแห่งหนึ่งจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน ซึ่งในความคิดตนแล้ว ตัวปราสาทเขาพระวิหารเพียงอย่างเดียว คงเป็นมรดกโลกได้ยาก เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ เนื่องด้วยองค์ประกอบคุณค่าทางวัฒนธรรมไม่ครบถ้วน แต่หากรวมส่วนอื่นๆ ที่อยู่ในฝั่งของประเทศไทยด้วยจึงจะทำให้ปราสาทเขาพระวิหารนั้นมีคุณค่าทางวัฒนธรรมครบถ้วน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
นายปองพล กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนัก เพราะเรายังไม่เห็นมติ ครม.เรื่องยอมรับแผนที่เขาพระวิหารออกมาอย่างชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่น่าจะนำกลับมาให้ทุกฝ่ายได้ทบทวน และไม่ควรเร่งรีบยอมตอบตกลงไป โดยที่เรื่องดังกล่าวยังคงค้างคาใจคนไทยทั้งประเทศอยู่
ขณะที่ นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตันดี.ซี.สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การที่ นายนพดล บอกว่า ต้องรีบเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าว เพราะกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้ว ถ้าไม่รีบดำเนินการอาจจะต้องเสียดินแดนในพื้นที่ทับซ้อนไป ไทยจึงต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะแท้จริงแล้วหากไทยไม่ยินยอม หรือไม่ลงนามสนับสนุน กัมพูชาก็ไม่สามารถขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้ เพราะการที่ยูเนสโก จะตัดสินสถานที่สักแห่งให้เป็นมรดกโลกจะต้องมีการพิจารณาที่รอบคอบ และรอบด้านหากยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนแล้วอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา ยูเนสโกก็คงไม่อนุมัติขึ้นทะเบียนง่ายๆ
ดังนั้น การที่ นายนพดล อ้างว่า ต้องรีบดำเนินการยอมรับแผนที่ดังกล่าวให้เสร็จสิ้น เพราะกัมพูชาต้องรีบขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกให้ทัน เดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ ก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะหากกัมพูชาจะขึ้นทะเบียนไม่ทันในปีนี้ ปีหน้าค่อยขอขึ้นทะเบียนก็ยังได้ เพราะคณะกรรมการยูเนสโกก็มีการประชุมกันทุกปี ดังนั้น จึงไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่ รมว.ต่างประเทศ และรัฐบาลต้องรีบดำเนินการขนาดนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ การตัดสินใจกระทำการใดๆ ควรจะทำอย่างรอบคอบ และให้มวลชนภาคต่าง ๆ มีส่วนรวมมากกว่านี้ไม่ใช่ดำเนินการแบบหมกเม็ด แบบที่มติ ครม.อนุมัติไปแล้วถึงนำแผนที่ออกมาให้สื่อมวลชนดูได้
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า ถึงขณะนี้ที่สังคมประเทศไทยเริ่มตื่นตัวและเกิดข้อกังขาในเรื่องดังกล่าวแล้วตนเชื่อว่า ยูเนสโกเองก็คงต้องวิตกเช่นกันว่าหากยอมให้ขึ้นเป็นมรดกโลกแล้วจะเกิดปัญหาตามมาอีกหลายอย่าง
นายกษิต ตั้งข้อสงสัยด้วยว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่ยูเนสโกจะยอมให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ ทั้งที่องค์ประกอบไม่ครบถ้วน เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าบันไดบางส่วนที่จะขึ้นตัวเขาพระวิหารก็ตั้งอยู่ในเขตประเทศไทยด้วยซ้ำ แล้วจะขึ้นทะเบียนแต่ตัวปราสาทโดยไม่มีบันได มันจะเป็นไปได้อย่างไร อีกทั้งยังต้องตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลกัมพูชาจึงต้องรีบดำเนินการเรื่องเขาพระวิหารขนาดนี้ ทั้งที่เขาพระวิหารเคยยื่นขอจดทะเบียนไปแล้ว และก็อยู่ในบัญชีที่รอพิจารณามาแล้วถึง 16 ปี ยังรอมาได้แล้วทำไม่ปีนี้จึงรีบร้อนนัก
“มันมีเงื่อนงำอะไร อย่างที่เป็นข่าวหรือไม่ เพราะทั้งหมดไม่ใช่ข่าวที่เรากุกันขึ้นมา แต่มันเป็นข่าวที่เล็ดลอดออกมาจากกระทรวงการต่างประเทศ"นายกษิต กล่าว