“รสนา โตสิตระกูล” เชื่อ “แม้ว” คือตัวปัญหาที่ต้องยอมเสียสละเข้าสู่กระบวนการศาลเพื่อให้บ้านเมืองสงบ แนะ รบ.ต้องรับฟังปัญหา ปชช.ไม่งั้นไปไม่รอดแน่ – “จตุพร” ยังปากดีวันนี้ไม่ใช่ชัยชนะของพันธมิตรฯ เพราะคืนนี้อาจจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ได้ – “ป๋าเหนาะ” ออกโรงป้อง รบ. ไม่ได้ทำผิด มีความชอบธรรมบริหารประเทศ ย้อนถามพันธมิตรฯ ถ้าไล่ “แม้ว” แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน
วานนี้ (20 มิ.ย.) นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์ในรายการตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ถึงกรณีการเคลื่อนไหวไปปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ตนไม่อยากให้มองว่าพันธมิตรฯ ชนะ หรือว่ารัฐบาลแพ้ แต่สิ่งที่อยากให้คำนึงให้มากก็คือ ทำอย่างไรให้ชัยชนะเป็นของคนไทยทั้งประเทศ กล่าวคือประเทศได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
นางรสนา กล่าวต่อไปว่าปัญหาความขัดแย้งในตอนนี้ ตนมองว่ามีมูลเหตุสำคัญมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เปรียบเสมือนกับ สุริยะคราส ที่ทอดเงาบดบังแสงสว่างมาจนถึงจุดนี้ ทำให้ทุกวันนี้ปัญหาความขัดแย้งของคนสองฝ่ายยังคงมีอยู่โดยมาจากคน ๆ นี้ ดังนั้นตนมองว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เสียสละสักนิด ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแต่โดยดี ปัญหาที่มีอยู่คงจะแก้ไขไปได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ปัญหาอื่น ๆ ที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขเพื่อให้คลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ไปได้ก็คือ เรื่องของการแก้ไข รธน. ซึ่งตนมองว่าในเมื่อกระแสต่อต้านและข้อกังขาว่าแก้เพื่อประโยชน์ของตัวเองยังมีอยู่มาก ดังนั้นเรื่องนี้ควรหยุดเอาไว้เสีย ทอดระยะเวลาออกไปก่อน ตนเชื่อว่าหากทำเช่นนั้นจริง พันธมิตรฯ ก็คงหมดความชอบธรรมไปเอง แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้คือรัฐบาลพูดว่ายอมถอยสุดซอย แต่ตนมองว่ารัฐบาลอาจถอยไปสุดซอยจริงแต่เมื่อสุดซอยนี้แล้วก็เลี้ยวไปซอยอื่นเพื่อเบี่ยงเบนปัญหาไปเรื่อย ๆ เช่น บอกว่าจะถอน รธน.ออกจากญัตติ แต่อีกด้าน ส.ส.ในพรรครัฐบาลก็ล่ารายชื่อส่งเข้าไปใหม่ เป็นต้น
ทั้งนี้ตนมองว่ารัฐบาลไม่พยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวอย่างแท้จริง เห็นได้จากการชุมนุม 20 กว่าวันที่ผ่านมาของพันธมิตรฯ ไม่เคยมีสักครั้งที่รัฐบาลจะไปพูดคุยกับพันธมิตรฯ อย่างจริงจังถึงต้นตอของปัญหา อีกทั้งเมื่อพรรคฝ่ายค้านหรือ ส.ว.ขอยื่นอภิปรายรัฐบาล แทนที่รัฐบาลจะเข้ามาใช้เวทีนี้พูดคุยชี้แจงกับประชาชน แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธอีก ทำให้หมดช่องทางพูดคุย หมดรูระบายปัญหา ทุกอย่างจึงไม่ได้รับการผ่อนปรน ซึ่งเมื่อไม่มีเวทีที่จะพูดคุยกันการจะหาทางออกก็คงเป็นไปได้ยาก
นางรสนา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่สำคัญมากในตอนนี้ก็คือรัฐบาลต้องฟังเสียงของผู้ชุมนุม ฟังเสียงของประชาชนด้วย เพราะหากรัฐบาลไม่รับฟังประชาชนก็คงทำงานลำบาก เพราะการเมืองที่ไม่ฟังเสียงประชาชนมักจะไปไม่รอด และเรื่องการชุมนุมเป็นเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยแต่จุดสำคัญก็คือรัฐบาลต้องใส่ใจแก้ปัญหาการชุมนุมจึงจะเป็นการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดเอาไว้ ซึ่งรัฐบาลก็ได้กำหนดจุดยืนไว้แล้วว่าจะป้องกันทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ใช้ความรุนแรงซึ่งก็เป็นไปตามนั้น เหตุการณ์วันนี้ไม่มีความรุนแรงจริง ๆ ซึ่งนี่ต้องถือเป็นจุดแข็งของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องบอกพันธมิตรฯ เอาไว้ด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ชัยชนะของพันธมิตรฯ เพราะไม่มีใครรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น หรือคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะยอมถอยให้พันธมิตรฯ แต่ก็ต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า ความอดทนท่ามกลางความเบื่อหน่ายก็มีจุดสิ้นสุดเหมือนกัน ถ้าพังรั้วหรือปีนเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลรัฐบาลก็คงหมดความอดทน “คุณจะอยู่หน้าทำเนียบก็อยู่ต่อไป แต่อย่ารุกล้ำเข้ามานะ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้าวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 14/2551 ตอกย้ำแนวทางสันติวิธี และไม่บุกรุกเข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเด็ดขาด ซึ่งหากมีใครบุกรุกเข้าไป จะถือว่าไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ประเด็นนี้นายจตุพรไมได้กล่าวถึง
นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า นายสมัคร สุนทรเวช คงจะทำการพูดคุยกับประชาชนในวันอาทิตย์นี้ผ่านทางรายการสนทนาประสาสมัครอย่างแน่นอน ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คืออะไร ส่วนเรื่องที่จะให้ไปพูดคุยกับพันธมิตรฯ นั้น ตนมองว่าคงเป็นเรื่องยากเพราะพันธมิตรฯ พูดคุยกันคนละภาษากับรัฐบาล ถึงจะพูดหรือเจรจาอย่างไรพันธมิตรฯ ก็คงไม่ยอม ส่วนทางออกที่หลายฝ่ายแนะนำว่าควรหาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ยก็คงทำไม่ได้อยู่ดี เพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตอนนี้ก็โดดเข้ามาร่วมวงกับกลุ่มพันธมิตรฯ กันหมดแล้ว หรือต่อให้ใช้การแก้ปัญหาในสภา ต่อให้รัฐบาลยอมให้พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว. อภิปราย ตนก็เชื่อว่า พันธมิตรฯ ก็ไม่พอใจอยู่ดีเพราะพันธมิตรฯ มีธงเอาไว้แล้วว่าต้องการจะล้มล้างรัฐบาลนี้ให้ได้
ทั้งนี้ตนอยากจะบอกว่ารัฐบาล และตัวนายกรัฐมนตรีเอง ยอมถอยมาเยอะแล้ว ปัญหาทุกอย่างที่มีรัฐบาลก็พยายามแก้ทุกทาง ก็อยากให้ประชาชนได้เห็นใจรัฐบาลบ้าง
ด้านนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า ในวันนี้จะขอพูดในนามของนายเสนาะ ไม่ใช่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตนจะขอกล่าวว่า ตนเป็นคนที่ยึดถือความชอบธรรมและถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างตนก็ไม่เห็นว่ารัฐบาลมีความไม่ชอบธรรมตรงไหน และหากเรื่องนี้จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวตั้ง เรื่องก็ไม่มีวันจบเพราะรัฐบาลก็ไม่รู้ว่าจะไล่ พ.ต.อ.ทักษิณไปไหนในเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณตกเป็นจำเลยแผ่นดินอยู่แล้ว มอบตัวกับศาลแล้ว ตอนนี้จะทำอะไรก็ต้องอยู่ภายใต้อำนาจศาล แล้วอย่างนี้จะไล่เขาไปไหน
นายเสนาะกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ต้องถามด้วยว่า ถ้าไล่รัฐบาลได้แล้ว จะนำใครมาเป็นรัฐบาลหรือจะต้องปฏิวัติอีก โดยเมื่อมีการปฏิวัติ ก็บอกว่าเขาเป็นเผด็จการ แล้วตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ และหากมีข้อมูลว่ารัฐบาลมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงก็ว่าไปอย่างแต่ในเมื่อรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องออกจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนก็อยากจะแนะนำนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ควรที่ออกมาพูดกับประชาชนให้รู้เรื่อง เพื่อให้เข้าใจว่าที่ผ่านมารัฐบาลทำงานโดยไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นคนชักใย ร่วมถึงเรื่องเขาพระวิหาร ก็ควรนำข้อเท็จจริงออกมาเปิดเผยทั้งหมด