xs
xsm
sm
md
lg

“ตุ๊ดตู่” ยัน นปก. เปล่าจัดตั้ง “ม็อบถ่อย” ฟุ้งหากจัดตั้งจริง คนต้องมากกว่านี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตแกนนำ นปก. “จตุพร พรหมพันธ์” ปัด ไม่ได้จัดตั้ง “ม็อบถ่อย” ชี้ ต้องยอมรับมีคนไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ เยอะ ก็รวมตัวออกมาต่อต้านโดยไม่ได้มีใครจ้าง ฟุ้ง ! ถ้า นปก. เรียกชุมนุมจริงคนก็เยอะไม่แพ้พันธมิตรฯ – “มาลีรัตน์ แก้วก่า” แนวร่วมพันธมิตรฯ เชื่อหาก สส. ถอนชื่อ ขอแก้ไข รธน. เดินหน้าทำประชามติ ปัญหาก็จบ

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการตอบโจทย์

วานนี้ (26 พ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ในรายการ ตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวี ทีวีสาธารณะ กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เริ่มมาตั้งแต่วานนี้และยังชุมนุมต่อเนื่องอยู่จนถึงขณะนี้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ คงขี้ลืมเพราะพรรคพลังประชาชนได้มีการหาเสียงเอาไว้แล้วว่าหากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลจะเข้ามาแก้ รธน. เราจะแก้ตามที่เราเคยประกาศไว้ก็กลับทำเป็นลืมห้ามไม่ให้เราแก้ อีกทั้งตอนแรกที่รัฐบาลจะแก้ทางพันธมิตรฯ เองก็บอกว่าหากจะแก้ รธน. ให้ทำประชามติ ซึ่งตอนนี้ทางพรรคพลังประชาชน ก็พูดคุยกันแล้วว่าจะมีการจัดให้ทำประชามติ และการที่ ส.ส.ยื่นญัตติไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องพิจารณาเรื่องกฎหมายเลยทันทีเพราะอาจจะมีระเบียบวาระที่ต้องพิจารณาก่อนก็ได้ และ ทาง ส.ส.ที่ยื่นญัตติเราก็ตกลงกันเอาไว้แล้วว่า เราจะขอให้เลื่อนการพิจารณาญัตติแก้ไข รธน.ไปก่อน เพื่อให้ทำประชามติ เมื่อผลประชามติออกมาว่าไม่อยากให้ทำเราแก้ รธน. เราก็จะถอนรายชื่อ ส.ส.ออกจากญัตติทันที แต่พันธมิตรฯ ก็ยังออกมาเรียกร้อง ทั้งที่ทางรัฐบาลก็จะให้ทำประชามติตามที่พันธมิตรฯ เรียกร้องแล้ว

นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของการเรียกร้องให้หยุดแก้ รธน.ไปแล้ว เพราะข้อเรียกร้องของนายสนธิ จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อเรียกร้องหรือข้อที่นำมาใช้ปลุกระดมมวลชนก็คือ การกล่าวว่า “รัฐบาลชุดนี้กำลังเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ เพื่อให้ประธานาธิบดีเป็นประมุข มีการล้มล้างราชบัลลังก์ ความคิดอันนี้คนไทยคนไหนก็ไม่กล้าคิด ผมคิดว่าคนที่พูดต้องไปพบจิตแพทย์แล้ว”

อดีตแกนนำ นปก.กล่าวต่อไปว่า กรณีกลุ่มคนที่ต่อต้านและก่อเหตุความรุนแรงในการชุมนุมของพันธมิตรฯ วานนี้ตนขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มของ นปก.เลย เพราะ ทาง นปก. ไม่ได้มีการนัดรวมตัวกัน กลุ่มดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นการจัดตั้งโดย นปก. แน่นอน และพันธมิตรฯ ก็ต้องยอมรับว่ามีคนไม่เห็นด้วยกับกลุ่มของตัวเองอยู่มากมาย ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะออกมาต่อต้านโดยไม่ได้มีใครชักนำหรือนัดหมาย แต่หากว่ามีใครที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม นปก.ไปร่วมกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ เมื่อวาน เราก็ไม่รู้ และไม่สามารถห้ามได้เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ทำโดยส่วนตัวไม่ได้ทำไปในนามของ นปก. และตนอยากจะบอกด้วยว่าหากทางกลุ่ม นปก. มีการนัดแนะกันจริงหรือรวมตัวกันจริง คนต้องมากันเยอะกว่านี้ เพราะคนที่สนับสนุน นปก. ก็มีไม่น้อยกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน

ด้าน รศ.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หนึ่งในผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า จุดยืนของพันธมิตรฯ คือเรียกร้องให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลถอนญัตติ แก้ไข รธน. ออกจากสภาฯ เท่านั้น ส่วนกรณีที่นายสนธิ พูดถึงเรื่องบ้านเมืองกำลังจะเปลี่ยนการปกครองนั้น ไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น ตนยังยืนยันว่าประเทศของเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างแน่นอน แต่สาเหตุที่นายสนธิ กล่าวว่า กำลังมีกลุ่มคนต้องการจะเปลี่ยนการปกครองนั้น อาจเป็นเพราะมีสิ่งสะกิดใจนายสนธิอยู่ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่า มีแนวคิดบางแนวคิดที่เป็นทัศนคติที่อันตรายอยู่ และอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบหาผู้กระทำความผิดออกมาให้ได้เท่านั้นเอง

ทางด้านนางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว.สกลนคร แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ทางออกที่จะหยุดความวุ่นวายของสังคมวันนี้ ไม่ได้อยู่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่อยู่ที่ ส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะถอนญัตติออกมาจากสภาฯ หรือไม่ หากมีการถอนชื่อแก้ไข รธน.ออกจากสภาฯ ปัญหาก็น่าจะจบลงได้ และในความเห็นส่วนตัวแล้วตนคิดว่า “ มันไม่เสียหน้าหรอก ว่าหากมีการถอนชื่อออกมาแล้วเดินหน้าไปสู่กระบวนการประชามติ แต่ไม่ใช่ใช้เวลาแค่ 45 วัน ใช้เวลาทำความเข้าใจกับประชาชนต่างฝ่ายต่างทำ ซัก 6 เดือนโดยส่วนตัวแล้วยอมรับได้แน่นอน”

ทั้งนี้ ในระหว่างการเสวนาในรายการนี้นางมาลีรัตน์ ได้กล่าวถึงกลุ่มต่อต้านที่เข้าไปรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ว่า กลุ่มต่อต้านดังกล่าวมีการจัดตั้งกันมา และรู้แล้วว่าใครเป้นคนสั่งการ ทำให้นายจตุพรไม่พอใจ แสดงสีหน้าโกรธนางมาลีรัตน์ และบอกว่า พูดอย่างนี้เหมือนกับเป้นการกล่าวหาตน ทำให้สื่อมวลชนที่ไปทำข่าวในห้องส่งต่างตกใจ กลัวนายจตุพรจะทำร้ายนางมาลีรัตน์ และมองว่านายจตุพรร้อนตัวเกินไป เพราะนางมาลีรัตน์ไมได้เอ่ยชื่อใครเลย



กำลังโหลดความคิดเห็น