หน.ปชป.เรียกร้อง ส.ส.-คนไทยทุกคน ไม่ไว้วางใจ “หมัก-นพเหล่” กรณีเขาพระวิหาร แนะเปิดใจกว้างรับฟังข้อมูลฝ่ายค้าน จวก “หมัก” กล่าวเท็จ พาดพิง ฝ่ายค้านหลายเรื่อง แถมยังข่มขู่ ดูถูกพันธมิตรเป็นแก๊งข้างถนน ทำให้ปชช.สับสน ปัดไม่เคยอยู่เบื้องหลังการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ด้าน"อลงกรณ์" เตรียมแฉ "นพเหล่" ยอมเซ็นลงนามเพื่อปูทางให้"นายใหญ่"ลงทุนในเขมร
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะ ว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับท่าทีเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่สามารถทำได้และรัฐบาลก็จะไม่สนองตอบ ต่อการดำเนินการตามวิถีทางกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎร
แต่เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยการประสานงานกับรัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงระเบียบวาระการประชุม และบรรจุญัตติการอภิปรายทั่วไป ซึ่งมีของ ส.ว.และฝ่ายค้านในการที่จะให้สภาดำเนินการในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ แต่บังเอิญช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานั้น นายสมัครได้พูดจาพาดพิงถึงฝ่ายค้านในญัตติของฝ่ายค้านหลายเรื่อง ซึ่งต้องขอบอกว่านอกจากจะมีความคลาดเคลื่อน บางครั้งมีการกล่าวหา กล่าวเท็จ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและญัตติของฝ่ายค้านด้วย
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนขอเรียนเบื้องต้น 2-3 ประการ คือ 1.มีความพยายามของนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคพลังประชาชนหลายครั้ง ที่พูดว่ามีขบวนการของพรรคประชาธิปัตย์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีการกล่าวหาว่ามีการสมคบกันเล่นการเมืองนอกระบบ นอกจากนี้สิ่งที่คาดไม่ถึง คือ นายกรัฐมนตรีออกมาใช้วาจาข่มขู่ว่า ถ้าหากมีวันใดวันหนึ่งที่พรรคฝ่ายค้านมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจะมีการจัดตั้งส.ส.สอบได้และสอบตก มาตั้งแก๊งกันข้างถนนเพื่อขับไล่ ตรงนี้ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่า กระบวนการของพันธมิตรเป็นแก๊งข้างถนน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่สำคัญคือ ตรงนี้เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง ขอย้ำว่าพรรคปฏิเสธมาโดยตลอด การดำเนินการของพันธมิตรฯเป็นการดำเนินการที่มีบุคคลากรที่เป็นแกนนำชุมนุมอย่างอิสระ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ เห็นได้ง่ายๆก็คือหลายครั้งการอภิปรายบนเวทีจะมีการตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็เป็นสิทธิของพันธมิตรฯ
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หลายข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯที่มีการพูดกันบนเวทีนั้น ไม่ได้เป็นคุณกับพรรคประชาธิปัตย์เลย เช่น การเมืองในระบบตัวแทนจะต้องถูกลดบทบาทลงไป แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของพันธมิตรฯและการเมืองภาคประชาชนที่จะดำเนินการ และตนก็ไม่มองว่าพันธมิตรฯเป็นแก๊งข้างถนนและไม่ได้มองกลุ่มอื่นๆ ที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเป็นแก๊งข้างถนน แต่ถือว่าเป็นประชาชนคนไทยที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่พึงจะมีและพึงจะทำ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่า แกนนำพันธมิตรฯและพันธมิตรฯมีมาก่อนรัฐบาลนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่นายสมัครมาเป็นนายกฯ แล้วจะมากล่าวหาว่าพอนายสมัคร เป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็เลยไปอยู่เบื้องหลังจัดตั้งพันธมิตรฯขึ้นมา อย่างนี้ไม่สมเหตุสมผลเพราะแกนนำพันธมิตรฯและพันธมิตรฯ มีมาก่อนที่นายสมัครจะตัดสินใจมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ดังนั้นขอให้หยุดใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์และหยุดเบี่ยงเบนประเด็น แต่หน้าที่ของนายกฯคือไปชี้แจงต่อสภาฯ ส่วนหน้าที่ของรัฐบาล คือรักษาความสงบเรียบร้อยและถ้าเป็นไปได้ ก็บริหารบ้านเมืองอย่าให้เกิดเงื่อนไขของการชุมนุม อย่าเอาเรื่องของฝ่ายค้านไปใส่ร้ายป้ายสี
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า 2.การเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริงใจและเห็นความสำคัญในกระบวนการของสภา เห็นได้ชัดจากการแสดงออกของนายสมัคร ในการออกรายการสนทนาประสาสมัคร โดยพูดทำนองว่าญัตติเขียนมาอย่างนั้นต้องการให้พูดจะได้จบๆกันไป อยากเรียนว่า หากนายกฯเคารพกระบวนการของสภาฯก็ควรอฟังการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ และใช้สิทธิในการชี้แจง ถ้าข้อมูลและเหตุผลของฝ่ายค้านไม่หนักแน่น อย่าว่าแต่นายกฯเลย ประชาชนทั้งประเทศก็จะตำหนิฝ่ายค้าน ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องที่นายกฯจะมาตัดสินล่วงหน้าว่า ญัตติของฝ่ายค้านก็เขียนออกมาอย่างนั้นๆ ไม่มีเหตุผลอะไร
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 3.กรณีเขาพระวิหาร ตนคิดไม่ถึงว่า นายกฯจะกล้าพูดเท็จกับคนไทยทั้งประเทศ กล่าวหาอดีตหัวหน้าพรรคของนายสมัครเอง คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะนายสมัครจงใจพูดว่าประเทศไทยเสียเขาพระวิหารไป เมื่อปี พ.ศ. 2505 เพราะทนายไปยอมรับแผนที่ที่มีการต่อสู้กันในศาลโลก และนายกฯยังบอกว่าคนที่มาพูดจาคัดค้าน ทำไมไม่ไปถามคนเก่าคนแก่ในคณะ ว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งนี้นายสมัครจะหมายถึงใครในพรรคประชาธิปัตย์ แต่คนรุ่นใหม่อย่างพวกตนจะสอบถามข้อมูลจากผู้อาวุโสในพรรค ที่ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์และยังอยู่กับพรรคตลอดเวลา เรื่องอะไรที่มีความสำคัญกับบ้านเมือง ตนได้สอบถามและเรื่องอะไรที่ไม่มีความสำคัญ เช่น นิสัยของคนที่อยู่กับพรรคเป็นอย่างไรก็เล่าให้ตนฟังหมด แต่ตนจะไม่พูดเดี๋ยวจะไปเสียหายกับตัวนายกฯเองว่า คนเก่าคนแก่ของพรรคได้เล่าว่าอย่างไรบ้าง
แต่ตนอยากจะบอกว่าไม่เพียงแค่การสอบถาม คนเก่าคนแก่ของพรรคเท่านั้นแต่ประวัติศาสตร์มีบันทึกไว้ในหลายรูปแบบ และที่สำคัญ คือ เราต้องยึดถือข้อเท็จจริงที่เป็นที่ยอมรับของสากล เหมือนก่อนหน้านี้ นายกฯอาจจะบอกว่าตนอายุน้อยจะไปรู้เรื่อง เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ได้อย่างไร แต่ตนมั่นใจว่าสิ่งที่ตนรู้ คือ มีคนเสียชีวิตมากกว่า 1 คน ซึ่งเป็นคำยืนยันของนายกฯ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีเขาพระวิหาร ถ้าจะอ้างคำตัดสินของศาลโลก ก็ต้องไปอ่านคำพิพากษาของศาลโลกในปีพ.ศ. 2505 ซึ่งพวกตนได้อ่านทั้งตัวคำพิพากษาและคำบรรยายฟ้องและการต่อสู้ ข้อสังเกตุของทั้งสองฝ่าย ไม่มีตรงไหนที่บอกว่า ทีมกฏหมายของฝ่ายไทยไปยอมรับแผนที่ แต่ตรงกันข้าม ข้อต่อสู้ของฝ่ายไทย คือ ไม่ยอมรับแผนที่ เพียงแต่ศาลตัดสินว่าไทยยอมรับแผนที่โดยปริยาย ไม่ใช่โดยการต่อสู้ของทีมทนาย แต่การกระทำของรัฐบาลก่อนหน้านั้น มาเป็นเวลาหลาย 10 ปี และการกระทำที่ศาลโลกใช้ในการปิดปาก
ซึ่งกฎหมายใช้ศัพท์เทคนิคอย่างนี้ ว่า ปิดปากไม่ให้ฝ่ายไทยต่อสู้ในเรื่องนี้ คือการกระทำลักษณะเดียวกันกับที่นายนพดล และนายสมัคร กำลังทำในขณะนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ นายกฯไม่ควรให้ข้อมูลที่ผิด ไม่ควรกล่าวเท็จ และควรจะรอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลและรัฐมนตรีกำลังทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียอธิปไตย คืออะไร
“ความเสียหายจากการกระทำที่เกิดขึ้นนี้ทุกฝ่ายในสังคม ควรจะช่วยกันยับยั้งโดยเร็วก่อนที่ยูเนสโก้หรือคณะกรรมการมรดกโลก จะมีการปะชุมในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ และวิธีการที่จะยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ที่สุดคือ ทุกวิถีทางที่จะทำให้คนไทยไม่ได้ยอมรับการกระทำที่เกินเลยอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญของรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ และผมขอเรียกร้องให้ส.ส.ที่เป็นคนไทยทุกคนไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ
โดยสาเหตุจากเรื่องนี้ เพื่อบอกกับชาวโลกและกรรมการมรดกโลกว่า คนไทยไม่ยอมรับสิ่งที่ไปตกลงกันเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ผมและคณะจะได้ทำหน้าที่ ในการปกป้องผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทยอย่างดีที่สุด ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้รัฐบาลไปฟังและชี้แจงข้อมูลให้ได้ก่อนที่จะมาบิดเบือนกล่าวเท็จใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายค้านเหมือนกับที่ทำมา 2-3 วันที่ผ่านมา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า คำชี้แจงของ นายสมัคร ในการอภิปรายของ ส.ว.วันนี้ หลายเรื่อง นายกฯได้กล่าวเท็จ มีการละเมิดไปถึงการทำหน้าที่ของตุลาการรัฐธรรมนูญ เช่น การจ้างพรรคเล็กลงสมัคร แล้วถูกยุบ แต่จ้างพรรคเล็กไม่ให้ลงสมัครไม่ถูกยุบ ตุลาการได้ตัดสินว่าไม่ได้มีการว่างจ้างไม่ให้ลงสมัคร ไม่ใช่บอกว่าจ้างแล้วไม่ต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นอย่างนี้ขอให้เลิกเสียเถิด เพราะจะลดความน่าเชื่อถือของนายกฯในการชี้แจงในสภา แต่ตนยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ มีความสำคัญมากเพราะเป็นช่องทางหนึ่งของประเทศไทยที่จะรักษาผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า หลักฐานหรือข้อมูลที่ฝ่ายค้านมีอยู่นั้น ชี้ให้เห็นว่าไทยกำลังเสียดินแดนอธิปไตยตาม มาตรา 190 ใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่า มีการกระทำเกินขอบเขตอำนาจตามมาตรา 190 ซึ่งมีผลต่ออธิปไตยของประเทศ ซึ่งขอให้ฟังรายละเอียดในวันพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะยื่นถอดถอนด้วยหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า จะไปพิจารณาอีกที แต่หวังว่า ส.ส.ไทยทุกคนจะได้แสดงออกเบื้องต้นก่อนว่า ไม่ไว้วางใจนายกฯและรมว.ต่างประเทศ และขอให้ ส.ส.ไทยทุกคนเปิดใจกว้างในการฟังข้อมูลในวันพรุ่งนี้จะได้ทราบว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลการอภิปรายจะสามารถเป็นหมัดน็อกรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจที่จะไปน็อกนายนพดล หรือนายกรัฐมนตรี แต่สนใจว่า ฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศจะแสดงท่าทีที่ชัดเจนไม่ยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการในเรื่องนี้ นี่คือสิ่งที่สำคัญและคิดว่าหลักฐานของฝ่ายค้านชัดเจน ว่าที่ทำไปเกิดความเสียหายอย่างไร
ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรีและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนรับผิดชอบการอภิปรายในส่วนของ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กรณีทำให้ประเทศสูญเสียอธิปไตยจากการยินยอมลงนามรับรองอาณาเขตประสาทเขาพระวิหาร โดยไม่มีท่าทีปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงผลเสียหายผูกพันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการลงนาม
นอกจากนี้จะอภิปรายถึงความไม่ชอบมาพากล ในการเร่งรีบดำเนินการอย่างผิดปกติ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีความไม่โปร่งใสในการดำเนินการและเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพวกพ้องอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการหวังได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาให้ลงทุนในบ่อนกาสิโนและผลประโยชน์ด้านแหล่งพลังงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของนายอภิสิทธิ์ในวันนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้มาร่วมสังเกตการการแถลงข่าวในวันนี้ด้วย