“สนธิ” แฉ “นพเหล่” เซ็นเลิกสิทธิทวงคืนพระวิหาร-ปลุก ปชช.ไล่นักการเมืองชั่ว

“สนธิ” เผย 5 แกนนำ พร้อมเป็นตัวแทนประชาชนยื่นร้องศาลปกครองอังคารนี้ ให้ระงับข้อตกลงยก “พระวิหาร” ให้กัมพูชาจดทะเบียนมรดกโลก ย้ำไทยยังมีสิทธิทวงคืน ตามคำประท้วงปี 05 แต่ “นพเหล่” แอบไปเซ็นข้อตกลงยกเลิก ปลุกพี่น้องรวมพลังยึดประเทศไทยคืนจากนักการเมืองชั่ว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วานนี้ (22 มิ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีเขาพระวิหาร ว่า ตนเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เริ่มจากตั้งคำถามง่ายๆ ไปถึง นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ว่า ถ้ากัมพูชาจะจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ไทยจะต้องยืนขอจดทะเบียนร่วม เพราะตนไม่เคยยอมรับว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา เพราะตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ แม้ว่าศาลโลกจะตัดสินให้เป็นของกัมพูชา แต่ไทยได้ยื่นประท้วงไว้ตั้งแต่ปี 2505 เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืน เมื่อมีหลักฐานใหม่ที่จะยื่นให้ศาลโลก ซึ่งคำประท้วงนี้ยังคงติดอยู่ตั้งแต่ปี 2505 ไม่ได้ไปไหน เพราะฉะนั้นถ้ากัมพูชายื่นขอจดทะเบียนไทยต้องยื่น เพราะเรามีส่วนเป็นเจ้าของ

นายสนธิ กล่าวว่า ตนมีเอกสารอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นสัญญาข้อตกลงระหว่าง นายนพดล กับ นายซกอัน รัฐมนตรีกัมพูชา เอกสารนั้นนายนพดลลงชื่อไปแล้ว ตอนหนึ่งระบุว่า กรณีพิพาทใดๆ ก็ตามที่เคยมีมาในอดีตให้ยกเลิกไปเลย ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว ในวันอังคารนี้ 5 แกนนำพันธมิตรฯ จะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในประเด็นนี้

และด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องยึดประเทศไทยคืนมาจากนักการเมืองชั่วที่ขายแผ่นดิน ขอให้พี่น้องอย่าเพิ่งท้อ เราใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว อีกไม่นาน ฝนตกก็ไม่ต้องกลัวเปียก เพราะเปียกแล้วแห้งได้ แต่แผ่นดินสูญเสียไปแล้ว เอาคืนมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นถึงเราจะเปียก จะร้อนกี่ครั้งก็ยอม แต่จะไม่ยอมสูญเสียพื้นที่ให้ต่างชาติแม้แต่ 1 ตารางนิ้วเดียว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรามาวันนี้ ไม่ต้องพึ่งใคร คนที่กินภาษีเรา มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ แต่ไม่ทำอะไร ไม่เป็นไร เพราะทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คนที่ไม่มีหน้าที่ ไม่ได้กินภาษีจากประชาชนแต่ต้องมาทำหน้าที่ปกป้องชาติ ถึงเวลาที่การเมืองต้องเปลี่ยน แต่คงไม่เปลี่ยนแค่ให้พรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรคถอนตัวออกมรร่วมกับประชาธิปัตย์ แล้วเล่นการเมืองแบบเก่าๆ เราสู้มาถึงวันนี้แล้ว มีหรือจะยอมให้นักการเมืองยังเล่นการเมืองกันเหมือนเดิม

วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เหตุที่ นายสมัคร ยอมให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปราย ก็เพราะภาคประชาชน ที่เขากล่าวหาว่า เป็นพวกข้างถนน และที่ นายนพดล จะยื่นจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชานั้น ถ้าเป็นจริง เป็นเพราะใคร เพราะพวกเราใช่หรือไม่ ซึ่งมันเพราะเรา แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนการเมืองชั่วๆ แบบนี้ อีกหน่อยใครขายบ้านเมือง เราต้องออกมาประท้วงอีก ประท้วงจนแก่จนเฒ่า ซึ่งไม่ไหวแล้ว นั่นแสดงว่า ระบบการเมืองปัจจุบันมีปัญหา

“เราต้องเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผมและแกนนำ ไม่สามารถเปลี่ยนได้ คนที่จะเปลี่ยนได้อยู่ข้างนี้ อยู่แถวๆ นี้ทั้งนั้น ไม่ใช่พวกผม 5 คน พี่น้องต่างหากที่เป็นคนเปลี่ยน เพื่อเอาประเทศไทยของเราคืนมา” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตลอด 62 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์มา ไม่เคยเสียพื้นที่ออกไปให้ใคร ถ้าเราไม่สู้ รัฐบาลนี้กำลังจะขายส่วนหนึ่งของเขาพระวิหาร ทำให้เราเสียพื้นที่ 4.2 ตารางกิโลเมตร เราไม่ยอม ต้องสู้ ทุกคนสู้ และไม่ใช่สู้ด้วยปาก ต้องสู้ด้วยจิตใจ ต้องเข้มแข็ง แข็งแกร่ง สามารถยืนหยัดในสัจธรรมที่เราสู้

ทั้งนี้ ก่อนการปราศรัย นายสนธิ ได้นำประชาชนบวงสรวงและแสดงความเคารพต่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนพณิชยการพระนคร พร้อมกล่าวตามคำบันทึก เพื่อแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณพระองค์ท่าน และช่วยให้ภารกิจในการกอบกู้ชาติบ้านเมืองให้พ้นวิกฤต และเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า