พันธมิตรฯ จวก ”สมัคร” เหมาะเป็นนายกฯเผด็จการ ดูถูกการชุมนุมตาม กม.ของประชาชน เตรียมฟ้องศาลปกครองเพิกถอนการลงนาม และมติ ครม.กรณีเขาพระวิหารวันนี้ อัด “นพดล” กะล่อนไม่ยอมรับการลงนามเป็นหนังสือสัญญา เย้ย “หมัก” โมฆะบุรุษสิ้นคิด มั่นใจไม่เกิน 7 วัน พันธมิตรฯชนะ รบ.หุ่นเชิดลาออก ด้าน“สมัคร”เผลอลั่นเขาพระวิหารเป็นของเขมร พร้อมป้อง “แม้ว”ไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ ซัดพันธมิตรฯม็อบข้างถนนปลุกระดม ย้อนถามถ้าการเมืองสลับชั้ว แพ้ซักฟอก “อภิสิทธิ์”ได้เป็นนายกฯแล้วตั้งแก๊งข้างถนนล้างแค้นจะเป็นอย่างไร ยันเข้าทำเนียบฯ วันนี้ตำรวจอารักขาแน่น
วานนี้(22 มิ.ย.) การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลยังคงมีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่นเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำฯ ได้นำประชาชนทำพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พร้อมทั้งขอให้ปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้รอดพ้นจากการย่ำยีของนักการเมืองชั่ว และได้มีการประกาศชัยในการปักหลักชุมนุมประท้วงที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องเกือบ 1 เดือน
**พันธมิตรฯฉะ”สมัคi”ลิดสิทธิประชาชน
วานนี้(22 มิ.ย.) เวลา 11.50 น. นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ ขึ้นเวยทีสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบฯ เพื่อตอบโต้นายสมัคร ที่กล่าวใส่ร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ในรายการสนทนาประสาสมัคร
นายพิภพ กล่าวว่านายสมัคร ดูถูกประชาชนผู้ชุมนุมว่าเป็นแก๊งข้างถนนนั้น คนที่เป็นนายกฯ ในระบอบประชาธิปไตยจะไม่ดูถูกประชาชน เพราะการชุมนุมของประชาชนถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนมีสิทธิในการตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล แม้จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะการบริหารงานของรัฐบาลไม่สอดคล้อง ไม่เป็นไปตามนโยบาย ประชาชนไม่เห็นด้วย จึงออกมาชุมนุมขับไล่ไม่ใช่อยู่ดีๆ ประชาชนจะออกมาอย่างไร้เหตุผล
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ พันธมิตรฯและประชาชนก็ได้เตือนรัฐบาลหลายครั้งแล้วว่า อย่าทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 มาตรา 237 แต่รัฐบาลนายสมัคร ก็ไม่ฟังเสียง ซึ่งการออกชุมนุมของประชาชนในตรงนี้เป็นไปอย่างสันติ สงบ อหิงสา จะมาว่าเราเป็นแก๊งข้างถนนไม่ได้ แสดงว่า นายกฯกำลังฉีกรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งไม่ถูกต้อง
**ปิดปากประชาชนไม่เหมาะเป็นนายกฯ
ส่วนที่ นายสมัครระบุว่า หากไปเป็นฝ่ายค้านจะออกมาชุมนุมบ้างนั้น นายพิภพ กล่าวว่าอยากบอกว่าให้ออกมาเลย และที่กล่าวหาว่าการชุมนุมทำให้เศรษฐกิจเสียหาย นั้น ความจริงเศรษฐกิจเสียหายตั้งแต่ ปี 2540 ขณะที่งานวิจัยของประเทศและทั่วโลกออกมามายืนยันว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเสียหายแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นที่ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี มีการประท้วงอยู่เป็นประจำ ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจพัง ระบบระบบเศรษฐกิจจะพังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ สรุปว่า นายสมัคร จะปิดปากประชาชน ไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยแต่เหมาะเป็นนายกฯระบบเผด็จการ
**ติงไม่ควรบอกเขาพระวิหารเป็นของเขมร
นายพิภพ ยังกล่าวตอบโต้นายสมัคร กรณีออกมาย้ำว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาว่า ที่ผ่านมาจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก รัฐบาลทุกสมัยก็คัดค้านมาโดยตลอด นายกฯ ไม่ควรจะพลั้งปากว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมรเขาอยากจะยื่นเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็เรื่องของเขา เมื่อเราไม่ยื่นพร้อมกับเขา เราต้องโต้แย้ง ไม่ใช่ยอมรับว่า เป็นของเขาและไปสนับสนุนเขาอีก เมื่อเราโต้แย้งทางยูเนสโกต้องกลับมาถามข้อโต้แย้งของเรา
“ถ้านายสมัครเป็นคนธรรมดา ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีและไปยอมรับ เท่ากับเสียงของคนทั้งประเทศยอมรับ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ ประชาชนไม่ได้ยอมรับ มีแต่รัฐบาลนี้ไปยอมรับ และมากล่าวหาว่า พันธมิตรฯปลุกระดมผมขอยืนยันไม่ใช่การปลุกระดมอย่างแน่นอน นักวิชาการ นักกฎหมายที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นผู้มีความรู้เอาความจริงมาเปิดเผยว่า การที่เขมรเสนอเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเกี่ยวอะไรกับกับการเมืองภายในของเขมรที่จะมีปัญหา เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปตกลงลงทุนทำธุรกิจหลายอย่างกับรัฐบาลเขมร ที่มี นายฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้ารัฐบาลของนายฮุนเซนเปลี่ยนแปลง ก็จะกระทบธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าไปลงทุน ที่เกาะกง ทั้งแหล่งก๊าซ บ่อน้ำมัน สะท้อนให้เห็นว่า นายกฯ ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ เรามีนายกฯ เอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ ส่อขายชาติ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การปลุกระดม แต่เป็นการเอาเรื่องจริงมาพูด เรื่องจริงที่รัฐบาลนายสมัครควรทำกลับไม่ทำ สิ่งที่ควรทำกลับทำ เรื่องนี้นายสมัครต้องถูกถอดถอน"
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรามีเหตุผลและความชอบธรรมขับไล่นายสมัคร นายนพดล ปัทมะ และพรรคพลังประชาชนพลัง ทำความเสียหายให้ชาติหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีที่ยอมยกดินแดนให้เขมร เราต้องประท้วงถึงที่สุด เพราะรัฐบาลนี้ทำความเสียหายใหญ่หลวงยากที่จะให้อภัย
**สมศักดิ์เย้ย”หมัก”หมดสภาพ
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออกมาตอบโต้ของนายสมัครวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่าหมดสภาพแล้ว เรื่องเขาพระวิหารนั้น นายสมัครน่าจะเป็นนายกฯ กัมพูชา เช่นเดียวกับนายนพดล ปัทมะ ที่น่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชามากกว่า นายสมัครบอกว่าเราเสียดินแดนไปแล้วเมื่อ 45 ปีก่อน น่าสังเกตว่า นายสมัครใช้คำว่าเสียดินแดน ทั้งที่ตามคำตัดสินของศาลโลกเราเสียแค่ปราสาท ซึ่งตามหลักข้อเท็จจริง ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาแต่บันไดและทางขึ้นเป็นของไทย ขณะที่ศาลโลกตัดสินตามแผนที่ฝรั่งเศสที่เขียนขึ้นมาและไทยไม่ได้โต้แย้งแต่แรกเท่านั้น ซึ่งก็ยังเป็นคำตัดสินที่ถกเถียงกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ในข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชาที่นายนพดลลงนามนั้น ในข้อ 1 กลับไปบอกว่า ไทยสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เท่ากับว่ายอมรับเป็นของกัมพูชาโดยสมบูรณ์แล้ว นายนพดลยังมาอ้างว่าตนเองเป็นพระเอกอีก ก็ไม่รู้ว่าเป็นพระเอกตรงไหน
**ประกาศจัดการรัฐบาลก่อน2ก.ค.
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การอภิปรายในสภา คงไม่ทันแล้ว ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าหลังวันที่ 2 ก.ค.เหตุการณ์จะคลี่คลาย โดยให้พรรคฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งยกมืออย่างไรก็ไม่ชนะ เพราะเป็นเผด็จการรัฐสภา ขณะที่ ส.ว.อภิปรายก็เป็นการอภิปรายอย่างเดียวไมได้ลงมติ หลังจากนั้น วันที่ 25-26 ก็จะอภิปรายงบประมาณ ก็จะเถียงกันเล็กน้อย เมื่อเสร็จก็จะยุบสภาวันที่ 2 ก.ค.พอดี
“ตอนนี้จึงถือว่า พรรคประชาธิปไตยเสียค่าโง่ไปแล้ว ตอนแรกบอกว่า ยุถบสภาไมได้เพราะมีญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคาอยู่ แต่พอเปิดให้อภิปราย ก็ยุบได้แล้ว แล้วนายสมัครก็สามารถจัดสรรงบประมาณได้ตามต้องการ และยังเป็นนายกฯ รักษาการไปอีก 45 วัน ขณะที่งบประมาณอนุมัติไปแล้ว เอาไปหาเสียงได้ จะแจกหมู แจกหมา แจกแมว แจกหมดเลย น่าสงสารฝ่ายค้าน แต่ไม่เป็นไร พันธมิตรฯ จะจัดการให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 2 พวกเราประชาชนจะช่วยกัน พรรคการเมืองในสภาจะอภิปรายก็ให้แหกปากไป แต่เราไม่รอถึงวันที่ 2 มันช้าไปแล้วต๋อย เราประชาชนต้องจัดการกับรัฐบาลที่ไม่ทำตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ เอาไว้ไม่ได้ ไม่มีความชอบธรรม มีแต่การโกงชนิดบริบูรณ์บาล์ม ฟอกความผิดทักษิณ ปราศจากความดีแม้แต่นิดเดียวแล้ว”
**ฟ้องศาลปกครองวันนี้
ต่อมา เวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า เมื่อช่วงเช้า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.จำลอง ได้นำอาหารมังสวิรัตไปเยี่ยมด้วย เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจให้กับตำรวจทุกระดับ ด้านตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บบอกไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร และเข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงในการเคลื่อนขบวนไปหน้ารัฐสภาหรือไม่ว่า จะมีการหารือกับแกนนำในช่วงดึกของวันนี้ สำหรับการเดินทางไปศาลปกครองนั้นจะเดินไปเป็นขบวนใหญ่ โดยประชาชนที่จะไปให้กำลังใจหรือจะไปร่วมฟ้องกับกลุ่มพันธมิตรฯด้วยนั้น สามารถไปเจอกันที่ศาลปกครองได้ ในเวลา 10.00 น.ซึ่งเบื้องต้นผู้ที่จะฟ้องมี ตน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และทนายความอีก 3 คน โดยจะฟ้อง 3 ประเด็น คือ (1) การให้เพิกถอนการลงนาม(2) ขอให้ศาลชี้ว่ามติ ครม.ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม.190 และระเบียบการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สำหรับกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่ากรณีเขาพระวิหารนั้น เป็นสนธิสัญญา ไม่ใช่หนังสือสัญญา ในความเป็นจริงแล้วคือหนังสือสัญญา ซึ่งเป็นคำกะล่อนของนายนพดล
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า การแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศนั้น กำลังทำให้ประชาชนติดกับดักใหม่ ในกรณีพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหากนายสมัคร และนายนพดล มีความจริงใจ ก็คงไม่มีกรณีแผนที่ทับซ้อนในวันนี้ เพราะขณะนี้ได้มีการระบุชัดเจน ว่าตรงไหนที่ให้สองประเทศบริหารร่วมกัน มีแต่การตีความว่าต้องใช้อำนาจรัฐจัดการร่วมกัน มติของศาลโลก เมื่อปี 2505 มีความชัดเจนว่า พื้นที่นอกจากปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศไทย การอ้างว่าประเทศกัมพูชามอบให้ประเทศไทยบริหารจัดการ ในพี้นที่ทับซ้อนเพียงฝ่ายเดียวเป็นเพียงแค่แผนลวง ที่ผ่านมา กองทัพอ่อนข้อให้ฝ่ายการเมืองมากเกินไป วันนี้ ผบ.ทบ.ต้องพูดให้ชัดว่าเป็นอย่างไร เพราะนายนพดล เองก็มีการนำคำพูดของ ผบ.ทบ.มาพูดอย่างคลุมเครือ ซึ่งที่ตนทราบนั้น วันนี้กองทัพไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม หวังว่า ในเร็วๆ นี้ ผบ.ทบ.จะให้ความชัดเจน เพราะหากยังทำตัวเป็น เตมีย์ใบ้ สุดท้ายจะลุกลามเป็นความขัดแย้งจนจัดการได้ยาก
**ไม่เกิน 7 วันได้ชัยชนะ
ส่วนกรณีที่นายสมัคร ระบุว่าแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ยกตัวเองเหมือนเป็นรัฐมนตรี ซึ่งหากนายสมัครเป็นฝ่ายค้านจะลองปลุกม็อบดูบ้างนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนสิ้นคิด วันนี้พรรคพลังประชาชน ก็พยายามปลุกม็อบแต่ไม่ขึ้น วันนี้ที่สวนลุมฯ ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
“เราจึงมั่นใจว่า น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน เพราะข้าราชการหลายกระทรวงในวันนี้ ต่างประท้วงเงียบ เช่นการถ่วงงาน จะเห็นได้จากกระทรวงต่างประเทศที่มีความชัดเจนมากที่สุด ที่ทำเนียบรัฐบาลก็เริ่มจะมีบ้างแล้ว และใน 2-3 วันนี้ ก็จะขยายไปในข้าราชการระดับสูงอีก รวมทั้งความเป็นโมฆะบุรุษของนายกฯ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่า ไม่เกิน 1 สัปดาห์กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะได้รับชัยชนะ ซึ่งเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศ”นายสุริยะใสกล่าว
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เปิดทางให้นายกฯ เข้าไปทำงานในทำเนียบนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เราไม่ได้ปิดประตูทั้งหมด ยังสามารถใช้ได้ทั้งทางประตูตรงข้ามกระทรวงศึกษาฯ ข้างโรงเรียนพณิชยการพระนคร และฝั่งคลองผดุงกรุงเกษมได้ ซึ่งความจริงเราตั้งใจจะปิดทั้ง 5 ประตูแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ส่วนจะมีการกระจายกำลังไปดักนายกฯ ตามประตูต่างๆ หรือไม่นั้น ในช่วง 1-2 วันนี้ยังไม่มี น่าจะเป็นข่าวปล่อยอย่างไรก็ตาม เราได้มีการห้ามปรามเป็นกรณีพิเศษว่า ห้ามรุกล้ำ เข้าไปในเขตที่ตำรวจขอไว้ รวมถึงการปีนเข้าทำเนียบฯ ด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า กรณีที่ระบุว่าใช้เวลาไม่เกิน 7 วันนั้น เป้าหมายสูงสุดของกลุ่มพันธมิตรฯ คืออะไร นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่างน้อย คือ นายสมัคร ลาออก ซึ่งจะทำให้ ครม.ต้องพ้นไปทั้งคณะด้วยตามรัฐธรรมนูญ ส่วนหากมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ กล่าว่า ต้องดูว่าเป็นนอมินีหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี หรือนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ถ้าหากมีการใช้ยุทธศาสตร์ที่ยังทำเพื่อ ทักษิณ จัดการฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามเราไม่ได้เกลียดชังหรืออคตินายสมัคร แต่เราสู้เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นตัวเป็นตน
เมื่อถามว่า คุณสมบัตินายกฯ ที่จะมาแทน นายสมัคร เป็นอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องชัดเจนว่า ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เอาวาระทักษิณออกไป แล้วเอาวาระประชาชนเข้ามาแทน ให้มีการเช็กบิลฝ่ายตรงข้าม และไม่เป็นเครื่องมือให้ฝ่ายอำนาจเก่า ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุว่า พื้นที่ทับซ้อนนั้น ไม่รุกล้ำอธิปไตยของไทย นายสุริยะใส กล่าวว่า อยากให้ผบ.ทบ.ย้อนกลับไปดูการพิจารณาของศาลโลก เมื่อปี 2505 ให้ดีว่าพื้นที่ทับซ้อนนั้มมีมากถึง 46 ตร.กม.ข้อมูลต่างๆ นั้น สอบถามทนายที่เคยสู้คดีนี้ก็ได้ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่หลายคน สามารถเชิญมาให้คำปรึกษาได้ หวังว่าวันนี้ ผบ.ทบ.คงจะไม่นั่งดูดายอีกต่อไป
**“จำลอง” เชื่อไม่เกินสิ้นเดือนนี้ทุกอย่างจบ
เวลา 21.00 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เพื่อเล่าถึงการเดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวเข้าทำการยึดพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย จ.ส.ต.คมสัน ศรีคำ จ.ส.ต.ศราวุธ เลิศพร ส.ต.ต.(หญิง) พรพิรุณ โตวงจร และ ส.ต.ต.(หญิง) พจนา แก้วเกษศรี
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บยิ้มต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พร้อมทั้งยังแสดงความดีใจที่พันธมิตรฯ ส่งตนมาเยี่ยม โดยเฉพาะภรรยาของ จ.ส.ต.คมสัน ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.บางนา ไม่กล่าวโทษพันธมิตรฯ ระบุต่างคนต่างทำหน้าที่ ขณะที่ จ.ส.ต.คมสัน ก็ยืนยันไม่ได้บาดเจ็บเพราะถูกทำร้าย เป็นเพราะเสียหลักล้มลงจนแผงกั้นจราจรหักล้มทับ พร้อมกันนี้ตำรวจคนดังกล่าวยังชื่นชมความแข็งแรงของพันธมิตรฯ และยอมรับตำรวจส่วนใหญ่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แรงจากการปะทะจึงสู้พันธมิตรฯ ไม่ได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงสิ่งที่ประชาชนเจ็บแค้นมากที่สุดในเวลานี้ คือ เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ทุกคนถูกพร่ำสอนให้เรียนมาเพื่อปกป้องอธิปไตย แล้วอยู่มาวันนี้ทำไมต้องเรามาเสียใจกับพฤติกรรรมของรัฐบาลชุดนี้ เราต้องเก็บเป็นบทเรียนเพื่อจดจำไว้ เราสำเร็จและล้มเหลวเพราะอะไร โดยเฉพาะบทเรียนจากการที่ไทยเพลี่ยงพล้ำในศาลโลก เมื่อปี 2505
ส่วนสาเหตุที่ไทยต้องพ่ายแพ้ต่อศาลโลก พล.ต.จำลอง ระบุส่วนหนึ่งมาจากน้ำมือของคนไทยที่ทรยศกันเอง ข้าราชการคนหนึ่งลอบเอาข้อมูลที่ไทยเตรียมการไว้เพื่อต่อสู้ในศาลโลกไปขายให้เขมร แต่แม้จะเพลี่ยงพล้ำในครั้งนั้น แต่เรายังเชื่อว่า พระวิหารเป็นของไทย ทางขึ้นก็ขึ้นจากฝั่งไทย แล้วสิ่งต่างที่อยู่บนเขาพระวิหารจะเป็นของเขมรได้อย่างไร เขมรไม่ใช่นก ที่จะบินหรือเหาะขึ้นไปคงทำไม่ได้
พล.ต.จำลอง ระบุอีกว่า การที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เซ็นลงนามรับรอง การขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชา ทำให้ไทยเสียเขาพระวิหารทันที ต้องมีเรื่องผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปอีกนานเท่าใด จะต้องต่อต้านไปอีกกี่ปี นี่จึงคือความบกพร่องของการเมืองไทย
“วันนี้จำเป็นต้องมีการเมืองใหม่ในระบอบเก่า คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปลี่ยนแปลงจะต้องเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดยคงความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่กับประเทศชาติต่อไป เชื่อว่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้ทุกอย่างจะจบลงอย่างแน่นอน”แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
***"สนธิ"ปลุกคนไทยทวงคืนเขาพระวิหาร
เวลาประมาณ 21.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยขอให้คนไทยร่วมกันแสดงพลังกรณีการสูญเสียเขาพระวิหาร นับตั้งแต่ปี 2505 ที่ศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชา แต่ไทยไม่ยินยอม โดยได้ยื่นหนังสือประท้วงและได้แสดงการคัดค้านเอาไว้ พร้อมระบุว่า หากไทยพบหลักฐานใหม่ที่แสดงความเป็นเจ้าของ เราจะมาทวงคืน
นายสนธิ กล่าวว่า พวกเราที่มาชุมนุมกันในวันนี้ ต้องร่วมกันลงชื่อเพื่อทางคืนสิทธิบนเขาพระวิหาร เพราะที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ดังนั้น การลงชื่อในวันนี้ เราจะนำไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้เอกสารสัญญาระหว่างนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย กับนายซกอัน รัฐมนตรีของกัมพูชา ต้องยกเลิกไปเลย
ทั้งนี้ ก่อนการปราศรัยนายสนธิ ได้นำประชาชนบวงสรวงและแสดงความเคารพต่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนพณิชยการพระนคร พร้อมกล่าวตามคำบันทึก เพื่อแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณพระองค์ท่าน และช่วยให้ภารกิจในการกอบกู้ชาติบ้านเมืองให้พ้นวิกฤต และเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
***มือมืดลอบกัดพันธมิตรสงขลา
เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.คืนวานนี้ เกิดเหตุคนร้ายปาก้อนหินเข้าใส่ขบวนรถไฟ ขบวนที่ 169 กรุงเทพฯ-ยะลา ขณะเคลื่อนขบวนออกจากสถานีหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในขบวนดังกล่าวมีพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 40 กว่าเดินทางมาด้วย เพื่อกลับสงขลา หลังเสร็จจากการร่วมชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลระหว่างเกิดเหตุผู้โดยสารต่างพากันหมอบลงกับพื้นเพื่อให้พ้นอันตรายและจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตำรวจรถไฟได้รับบาดเจ็บสลบ 1 นายและชาวบ้านที่เป้นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 1 คนและขบวนรถไฟดังกล่าวได้จอดที่สถานีถัดไป เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแล้ว
รายงานข่าวจากผู้ที่อยู่ในขบวนรถไฟดังกล่าวแจ้งว่า ผู้โดยสารมีความเป็นห่วงว่าจะมีฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตรฯแทรกซึมเข้ามาก่อเหตุและได้ปลดสัญลักษณ์ของการชุมนุมออกทั้งหมด ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่า มีชายวัยรุ่นใส่ชุดลายพรางท่าทางมีพิรุธ เดินไปมาระหว่างโบกี้ต่างๆ
**สมัครยันเขาพระวิหารของเขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวานนี้ (22 มิ.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาดำเนินรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์ NBT กรมประชาสัมพันธ์ ตามปกติ โดยระหว่างรอเวลาออกอากาศ ในห้องส่งมีการเปิดเพลง ประจำรายการ นายสมัครได้ใช้นิ้วเคาะโต๊ะตามจังหวะเพลง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวถึงการขอขึ้นทะเบียนประสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกของประเทศกัมพูชา ที่มีส่วนพื้นที่ทับซ้อนของไทยและมีผู้ออกมา เรียกร้องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่กลัวว่าไทยจะเสียดินแดนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการ ปลุกกระดมทางความคิดจนเกินเหตุ ตนต้องขออธิบายให้ชัดเจนว่า เรื่องเขาพระวิหารนั้น ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดีและให้ดินแดนเขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ พ.ศ. 2505 ดังนั้น พื้นที่ตามเส้นแผนที่ที่ขีดไปเมื่อ 40-50 ปีนั้น ยังไงก็ต้องเป็นของกัมพูชา แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาก็หากินร่วมกัน มีผลประโยชน์ร่วมกันไม่มีปัญหาอะไร
นายสมัคร กล่าวว่า แต่เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลกัมพูชา ต้องการที่จะเอาเขาพระวิหาร ไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปกับทางยูเนสโก ทีนี้เมื่อประเทศไทยมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ทางบริเวณทางขึ้นปราสาทก็ต้องทำการทักท้วง ก็ได้ไปเจรจากันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกัน จึงได้ข้อตกลงว่า ไทยทักท้วงสำเร็จ กัมพูชาสามารถขอขึ้นทะเบียนได้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น เพราะเป็นของเขา พื้นที่ของเขา ขอบเขตเท่านั้น เราก็ตกลง ส่วนพื้นที่ พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมด ไม่มีการเจรจา ส่วนที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่บนพื้นที่ทับซ้อนนั้น ภายใน 2 ปี ก็ต้องทำการจัดการให้หมดก็แปลว่า ไทยไม่มีการเสียดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น
“ทั้งหมดมีเท่านี้เอง เขาก็ไปตกลงกันว่า โอเค ทั้งหมดขึ้นทะเบียน วันที่ 5 ก.ค. เขาจะขึ้นทะเบียนที่ควิเบก แคนาดา ก็เขาขึ้นทะเบียนปราสาทที่อยู่ในเขตของเขา มันไม่มีสนธิสัญญาอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เราทักท้วงเพราะถ้าเอาพื้นที่รอบปราสาท เราก็ทักท้วงสำเร็จ แต่ว่าพื้นที่ทับซ้อนไม่เอาไปขึ้น ขึ้นเฉพาะทะเบียนปราสาท คำว่า พื้นที่ทับซ้อนยังมีอีกว่า ชายแดนที่ยังเจรจาไม่เสร็จ ยังเถียงกันตรงไหน ก็เป็นพื้นที่ทับซ้อนก็ต้องถือ รอบเขาพระวิหาร มี 4 กม. กว่า ก็ยังต้องเจรจาต่อ ตรงชายแดน ก็ต้องเจรจาต่อ รวมทั้งไอ้ในทะเล ที่ด่ากัน ตั้งกี่พันตารางกิโลเมตร ก็ไม่เจรจา ทิ้งไว้อย่างนั้น พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมดไม่มีการเจรจา ไม่ใช่สนธิสัญญา”
**ป้อง”แม้ว”ไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ
ส่วนเรื่องที่มีคนออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปตีกอล์ฟกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเพื่อเจรจาขอแลกเปลี่ยนเขาพระวิหารกับการขุดเจาะน้ำมันนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แลกเปลี่ยนอะไร รัฐบาลไทย ฟ้องคดีอยู่ในศาล น้ำมันก็ไม่ได้ขุด แลกก็ไม่ได้แลก เพราะเป็นของกัมพูชา เราทำหน้าที่รัฐบาลนี้ทักท้วง ดึงเอานายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เข้าไปเกี่ยว อภิปรายไม่ไว้วางใจโจมตีอย่างหนักนั้น และแม้หลายๆ ฝ่ายทั้งทหาร กรมแผนที่ทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ออกมาอธิบายและยืนยันชัดเจนว่าไม่มีการเสียดินแดน ใดๆ ทั้งสิ้น ก็ยังไม่ฟังกัน
“ปลุกระดมกัน ไม่ต้องอะไร ขนาดผู้หญิงที่เป็นช่างตัดเสื้อชุดละหมื่น แสดงอาการเลย บอกไม่ได้เลย ฉันจะต้องไปร่วมชุมนุม จะเสียเขาพระวิหารไปฉันยอมตายยอมเสียชีวิต มันอะไรกันขนาดนี้ การปลุกระดมได้ผลเชียวเหรอครับ ทำไมคนเราเกิดอาการรักชาติขึ้นมาจะเป็นจะตาย และทำไมล่ะครับ ก่อนหน้านี้ ถ้าเขมรไม่ขึ้นทะเบียน ก็อยู่กันมาต่อไป ก็อยู่กันมา 50 ปี ต่อไปข้างหน้า มันอะไรกันนักหนาขนาดนี้ ผมต้องอธิบายให้ชัดเจนและผมต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะไปเกลียด สาปแช่งนายนพดลที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะอดีตทนายความตนขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวระหว่างนายนพดลกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นทุกอย่างจบสิ้นไปแล้ว ไปโยงใยไปแลกเปลี่ยนอะไร และโรงไฟฟ้าที่เกาะกง รัฐบาลนี้เป็นฝ่ายเจรจา ไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ
**ซัดพันธมิตรฯไล่เช็คบิลไม่เลิก
นายสมัคร กล่าวต่อว่า ต้องพูดให้ฟังว่า ประเทศไทยมีการปกครอง ที่เปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2475 มีการปฏิวัติ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง แต่ก่อนมีกระทรวงมหาดไทย ดูแล การเลือกตั้ง แต่ขณะนี้มีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูแลการเลือกตั้ง ก็มีกฎเกณฑ์ ต่างชาติก็เข้ามาดู พื้นฐานจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ การเลือกตั้ง 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการตกลงกันตามมาตรฐานสากล รัฐธรรมนูญก็บอกว่า มีข้อบกพร่องต้องแก้ เกิดไม่ได้ขึ้นมา ไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ความเคียดแค้นชิงชัง จะไล่นายกฯคนเก่าก็ไม่จบ แม้เขากลับมาขึ้นศาลแล้ว เป็นจำเลยในคดี เรียกร้องให้เค้ามา ก็ขึ้นศาลเขาก็มา เลย
นายสมัคร กล่าวว่าถัดมาก็มีการเล่นเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รัฐมนตรี ก็ลาออก จากนั้นก็เปลี่ยนทันที หันมาไล่รัฐบาล ตนก็ต้องทำหน้าที่ของตน ก็บอกว่า หน้ายูเอ็น ทำแบบนี้ไม่ได้ อธิบายไปก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ นายกฯกลายเป็นคนร้าย ในพริบตา ปรากฏว่า 5 โมงเย็นตำรวจจะสลาย นักวิชาการก็ออกมาล่อกันนัว กลายเป็นว่า รัฐบาลนี้โง่จะสลาย ตนก็ยอม ไม่สลายก็ไม่สลาย ก็อดทน ขายหน้าก็ขายหน้า เพราะผู้คนก็ยื้อ “ผมจะถามว่ามันยุติธรรมมั้ย ผมมาถูกต้องตามกฎหมาย อดีตนายกฯ ก็อดีตนายกฯ เค้าขึ้นศาล จะเอาลากผมไปประกบด้วย จะกล่าวหาว่าเป็นนอมินี จะเอาออกให้ได้ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน มีคน 5 คนมาตั้งขบวนการ ก็เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะทำ ให้มันจบสิ้นกัน ที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะสังเกตเห็นว่า เค้าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เค้ายื่นญัตติมา อีก 5 พรรคไม่แตะ เอาแต่พลังประชาชน จะขุดอะไรมาด่าก็เอา เราไม่ได้ทำอะไรเลย สัญญายังไม่ได้เริ่มเซ็น ทำไมจะเอากันให้เป็นให้ตาย เราเห็นว่า ก็เอาล่ะยอมให้อภิปรายจะได้เสร็จสิ้น”
**อ้างผู้ชุมนุมท้าให้ตร.ตีหวังให้ป่วน
“ถามว่า หากผมเลวทรามต่ำช้าจริง หากลงคะแนนแล้ว ไม่ไว้วางใจ ผมแพ้ ผมถอยออกไป แล้วอย่างไร ก็ได้รัฐบาลใหม่ คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) เป็นนายกฯ ถ้าผมไปอยู่ข้างหลัง ก็เอาเลย ตั้งมาเลย 5 คน ทำแบบเดียวกัน ทำสัก 5-6 กอง ล่อกันเลย แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ตำรวจเค้าเล่าให้ฟังว่า ปล่อยให้มาตรงนั้น เพราะถ้ามีเสียงปืนยิงสักนัด ก็...เค้าก็จะบอกว่าเราชนะแล้ว เคลื่อนจากมัฆวานฯมาตรงนี้ บอกชนะแล้ว แล้วอย่างไรครับ ไม่อยากวิจารณ์ว่า คนหยิบมือเดียว ตั้งคณะขึ้นมา เล่นกันข้างถนน นายกฯต้องพ้นไป บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร เอาหน้าตาไปไว้ที่ไหน ถ้าอภิปรายเสร็จ ผมแพ้ 5 พรรคไปร่วมตรงนั้น ผมแพ้ก็ตั้งคณะขึ้นมายึดถนนหมด ให้คนสอบตกมาล่อแบบนี้เหมือนกัน แล้วบ้านเมืองอยู่ได้หรือ ผมร้องถามว่า 5 คนคุณมาจากไหน สื่อสารประโคมข่าว 5 คนมีสิทธิ์มาปลุกระดม มาแตะต้องไม่ได้”
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า “ผมชอบใจคำพูดโฆษกรัฐบาล เป็นตำรวจเก่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นม็อบสลายตำรวจ พูดได้หรือไม่ บุกเข้ามา รุกเข้ามา ตำรวจก็เล่าให้ฟังว่า เค้าบอก ทำไมตำรวจไม่ตี เค้าหวังให้ตำรวจปะทะ หวังเป็นคดีความ ไม่สำเร็จหรอกครับ เค้าไม่ปะทะก็ยอมเจ็บไป 4 คน พระสงฆ์บอกสมัครรอดตัว ก็ไม่รู้รอดตัวเมื่อไหร่ สื่อสารมวลชนก็คอยประโคม พาดหัวเอิกเกริก เหมือนกับคนทั้ง 5 มีสิทธิ์เท่าเทียมผม ที่รำคาญใจคือ ยกคนทั้ง 5 มาทั้งที่พวกเรามาตามกฎหมาย หรือว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำมาหากิน โอกาสที่จะมีคนทนไม่ได้ อย่างรถเมล์นี่ เพียงแต่คิดแนวทางจะแก้ไข แสดงความรับผิดชอบ เท่านั้นโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ได้ทำ ก็โดน...ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ว่าได้คันละล้าน นี่ไม่ได้ซื้อนะ เป็นการเช่า รถต้องใช้งานได้ใหม่ เราเติมแก๊สของเราเอง ยังไม่ได้ประมูล กล่าวหาว่าเลือกบริษัทซะแล้ว ก็รอให้ประมูลก่อนสิ ยังมาบอกอีกว่า สมัครดึงออก กลัวโดนไม่ไว้วางใจ ก็เอาสิครับ ทุกอย่างยังอยู่ในกระดาษ แค่เกิดความคิด ก็ล่อกันซะอย่างนี้ เรื่องอย่างนี้จะถามเลยว่า ใครจะยกย่องสรรเสริญ 5 พระหน่อก็เชิญ แต่ผมมีสิทธิเรียกร้อง ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่มีแผลกลางใจพระนคร ใช้ได้หรือ ถูกไล่ออกแล้วก็ม็อบสู้บ้างจะเป็นอย่างไร”
“ถามว่า ถ้ามันสวิตซ์แบบนี้ อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ผมประกาศตั้งคนที่สอบตก ตั้งเป็นแก๊ง เอาอย่างเดียวกัน คนชอบผมก็มี แล้วบ้านเมืองมันอยู่ได้หรือครับ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน ผมเข้าตามตรอก ออกตามประตู จะคาดเค้นอย่างไร ไม่มีทางหรอก ถ้าผมอยู่มา 4 ปี แล้วจะล่อก็เอาสิครับ อยู่มาแค่ 4 เดือนสัญญายังไม่ได้เซ็นอะไรเลย แล้วเอาอะไรมาด่ากัน ก็เอาสิ จะยอมให้ด่าสักวันครึ่ง ก็ชัดเจน เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ จะได้รู้ว่า เปิดสภาฯวันจันทร์-อังคาร-พุธ จะล่อกันอย่างไรก็แล้วแต่ จะเล่นผมพรรคเดียว ก็เอาสิครับ พรรคการเมืองเค้ารู้ดีว่า อยู่กับนายกฯคนนี้มันเค็มหรือมันจืด ล่อกันให้ชัดเลย แล้วดูว่า 5 พรรคเปลี่ยนใจหรือไม่ แต่บอกก่อนเลยว่า ถ้านายกฯชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะมีมาล่อแบบนี้ แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้หรือไม่”
**เลิกด่าสื่อแต่หันมาวิงวอนให้ช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงตอบคำถาม นายสมัครเลือกจดหมายจากประชาชน ที่เขียนให้กำลังใจในการทำงานมาอ่าน โดยเนื้อหาระบุว่า “ให้กำลังใจท่านนายกฯ อย่าไปหลงกล หลงทางฝ่ายยั่วยุ ให้รัฐบาลตบะแตก ไม่ต้องไปโกรธพวกเขา” โดยนายสมัครกล่าวตอบว่า ไม่โกรธหรอก แต่ขอประกาศว่า โครงการต่อไปก็จะส่งสื่อสารมวลชนมารุมล้อม และจะถามยั่วยุให้ตนตบะแตก ตนขอบอกล่วงหน้าเลยว่า ไม่แตก เพราะปกติ ไม่เปิดโอกาสให้ยั่วยุอยู่แล้ว “ผมจะทำเรื่องนี้เพื่อบ้านเมืองของเรา ผมจะพยายามอดกลั้นทั้งหลาย ก็ผมเป็นคนธรรมดาครับ เป็นคนเหมือนกัน ปลุกระดมปลุกได้ คุณก็คน คุณก็กินข้าว ผมก็คน ผมก็กินข้าว ดูสิครับว่าใครจะอึดกว่ากันยังไง ผมแน่ใจว่าผมทำสิ่งที่ถูกต้อง และบรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายท่านใช้วิจารณญาณของท่านให้ดีเถอะครับว่ามันควรจะสนับสนุนคนที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ และควรจะพูดถึงคนที่ทำถูกกฎหมาย ในแง่ทางที่ดีบ้างหรือไม่ ผมไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าคนอื่น แต่ผมมีความตั้งใจดีที่จะทำงานให้บ้านเมืองนี้ ผมทำงานทุกอย่าง ผมบอกผมจะทำให้ ผมไม่ทำเอา ผมเดินทางมาสุดท้ายปลายนี้ของผมแล้ว แต่เขาห้ามพูดว่าจะไปเมื่อไหร่ ถ้าผมอยู่ได้ถึง 4 ปี ผมทำให้ 4 ปี โครงการทั้งลายทั้งปวง ผมจะทำขึ้นให้ได้เลยครับ”
นายสมัคร กล่าวว่า ได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไปปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ บรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ให้กับบรรดานักเรียน โรงเรียนแถบบริเวณทำเนียบฯเอง ที่จะใช้วิจารณญาณในการเขียนบทความพาดหัวข่าว เขียนข่าวเตือนม็อบอย่างไรบ้าง ที่สร้างความเดือดร้อนไปหมดให้กับประชาชนทั่วไป แต่รัฐบาลไม่เดือดร้อน ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า วันจันทร์ที่ 23 มิ.ย.นี้ จะเข้าไปทำงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะยังมีทางเข้าออกอยู่ ไม่มีปัญหา และวันอังคารที่ 24 มิ.ย.ก็ยังคงมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาลตามเดิม บ้านเมืองยังดำเนินการ ตามปกติเหมือนเดิม ใครจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ตนจะปล่อยให้แสดง ตามสมควรแก่เหตุ ถึงเวลาถ้าประชาชนทนไม่ได้อย่างไร ก็พยักหน้าให้สัญญาณตน ตนจะทำหน้าที่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร
**ประกาศไม่ลาออก-ยุบสภาแน่
“เพราะเวลานี้มีผู้สนับสนุนคนทำผิดกฎหมายแล้วเหยียบย่ำคนที่ทำถูก กฎหมาย น่าเสียใจนะครับ แต่ว่าผมทนได้ ผมจะอดทนเพื่อบ้านเมืองของเรา พูดให้มันโก้ไปหน่อย ที่พูดได้เพราะอะไร เพราะผมเป็นนายกฯบังเอิญเป็นรัฐมนตรีกลาโหม และบังเอิญได้เข้าใจเรื่องทั้งหมด บริหารมา 4 เดือนนี่ล่ะครับ ไหวครับ ผมคิดว่า ผมเอาอยู่ เพียงแต่ขอให้ตัวบทกฎหมายมันยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในบ้านเมืองนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากจัดรายการสนทนาประสาสมัครเสร็จนายสมัคร ได้เดินออกจากห้องส่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึง กระแส ข่าวว่าจะมีการลาออกหรือยุบสภาหรือไม่ นายสมัคร กล่าวยืนยันว่า จะไม่ยุบสภา และจะไม่ลาออกอย่างแน่นอน
*เป็ดเหลิมปัดระดมพลชนพันธมิตรฯ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวหลังเป็นประธานเปิดงาน “รวมพลังประชาไทยพ้นภัยยาเสพติด” ที่สวนลุมพินี กว่า ไม่ได้ระดมประชาชนให้มาชุมนุมชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ งานนี้ก็มีกำหนดการมาก่อน เพราะวันที่ 26 มิ.ย.นี้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดของโลก แต่วันดังกล่าวไม่ใช่วันหยุด ทำให้ไม่สะดวกในการจัดงาน ทั้งนี้ความเป็นจริงกำหนดจัดงานจะอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่กลัวจะมองว่าเป็นการท้าทาย จึงหลบมาที่สวนลุมพินี กลุ่มพันธมิตรฯก็คนไทยเหมือนกันจะไปทะเลาะกันทำไม เป็นประชาชนของรัฐบาลเหมือนกัน ส่วนจะมีการประชุม ครม.ที่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
**ตร.เตรียมคุ้มกัน “สมัคร”เข้าทำเนียบฯ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวหลังประชุมนายตำรวจระดับสูง เพื่อสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯถึงการอำนวยความสะดวกให้นายสมัคร เดินทางมาทำงานในทำเนียบฯว่า นายกฯคงมาทำงานตามปกติ ที่ทำเนียบฯ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ ผบ.เหตุการณ์ (พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รอง ผบ.ตร.) ประชุมวางแผนอยู่ ส่วนที่มีการปราศรัยและตะโกนพูดจาหยาบคาย ได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ไว้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว ในสัปดาห์นี้จะมีการเปิดประชุมสภา ทางตำรวจก็เตรียมรับมือการเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภา ของกลุ่มพันธมิตรแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นหนักเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และมีการวางแผนอีกอย่างคือการเข้าทำเนียบญ เราคิดว่าจะใช้มาตรการเด็ดขาด และกำลังต้องพอเพียงเพื่อรับมือการบุกเข้าทำเนียบ ซึ่งเราไม่ยอมแน่
**ประเมินคำพูดพันธมิตรฯเพื่อรับมือ
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. ในฐานะ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เนื่องจากในคืนวันที่ 21 มิ.ย. แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ที่ขึ้นปราศรับบนเวที ได้ประกาศข้อความที่สอดคล้องกันว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 3-7 วัน และทุกอย่างจะจบสิ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าว ทางตำรวจได้วิเคราะห์แล้วพิจารณา ได้ 2 ประเด็น ประเด็นแรกมองในแง่ดี คืออาจเป็นการประกาศชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้เดินทางมาปักหลักยังทำเนียบฯ ได้สำเร็จ และสามารถกดดันจนหลายเรื่อง เข้าสู่ที่ประชุมของวุฒิสภาแล้ว ประเด็นที่สอง อาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นจนนำไปสู่วิกฤติ ในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เปลี่ยนวิธีการได้มาซึ่ง ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน เป็นการเปลี่ยนแปลงตามที่แกนนำได้ปราศรัยไว้ โดยเหตุการณ์ อาจเริ่มขึ้นที่ทำเนียบฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์กลางการบริหารราชการประเทศ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมจัดการชุมนุมบนถนนพิษณุโลกด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการบุกรุกหรือสร้างสถานการณ์ใดๆจากกลุ่มต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ปจ. ใช้อัตราการจัดอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนครบถ้วนเต็มอัตราอนุญาต เข้าไปประจำการณ์ในทำเนียบฯ และพื้นที่เปราะบางอาทิ ประตูทางเข้าทั้ง 9 ประตู พร้อมจัดอุปกรณ์ป้องกันพิเศษ เช่น แนวกั้น ลวดหีบเพลง เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามา
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตำรวจจะต้องอำนวยความสะดวกให้ นายกฯ เข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลและกลับบ้านด้วยความปลอดภัย โดยกำลังประชุมหาวิธีว่าจะทำอย่างไร บริเวณท้องถนนที่ผู้ชุมนุมฝ่าด่านตำรวจเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมได้ แต่ถ้าบุกเข้าทำเนียบฯ เป็นความผิดชัดเจนต้องดำเนินการ ตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
**ร.ร.กทม.เปิดแล้ว 8 แห่ง ยังปิดอีก 2
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. กทม. มีคำสั่งให้ปิดโรงเรียนในสังกัด กทม. จำนวน 10 โรงเรียน ในพื้นที่ 3 เขตคือ เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต ซึ่งเป็นพื้นที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายไปชุมนุมกันที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว จึงไม่มีผลกระทบกับการเดินทางมาโรงเรียนของเด็กนักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม.ที่ตั้งอยู่ในเขตพระนคร และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จำนวน 8 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม โรงเรียนวัดอินทรวิหาร โรงเรียนวัดใหม่อมตรส โรงเรียนวัดตรีทศเทพ โรงเรียนวัดคณิกาผล โรงเรียนวัดดิสานุการาม โรงเรียนวัดพระพิเรนทร์ และโรงเรียนวัดสิตาราม กทม.จึงเปิดทำการเรียนการสอนทั้ง 8 โรงเรียนดังกล่าว ตามปกติ ในวันนี้ (23 มิ.ย.)
ส่วนโรงเรียนวัดสมณานัมบริหาร และโรงเรียนเบญจมบพิตร ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตดุสิต ยังคงต้องปิดทำการเรียนการสอนต่อไป เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรมีผลกระทบกับการเดินทางมาโรงเรียน
ทั้งนี้ กทม. ได้กำชับให้แต่ละโรงเรียนเข้มงวดในเรื่องการดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และให้จัดเวรยามรับส่งนักเรียนบริเวณหน้าโรงเรียนด้วย หลังจากนี้ กทม.จะติดตามและประเมินสถานการณ์ต่อไป
**รร.สังกัด สพฐ.เปิด
มทร.พระนคร 2 คณะสั่งปิดเรียนชั่วคราว
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า จากการสำรวจโรงเรียนที่อยู่ใกล้บริเวณที่จัดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประกอบด้วยโรงเรียน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร และโรงเรียนราชวินิต มัธยม ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารโรงเรียนทั้งสองแห่งว่า จะเปิดให้มีการเรียนการสอน ในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) แน่นอน รวมถึงทุกโรงเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง สำหรับความปลอดภัยของนักเรียนนั้น คิดว่าไม่น่าเป็นห่วง หากมีกรณีพิเศษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งมาอยู่แล้ว
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องเสียงจากการชุมนุมรบกวนการเรียนการสอนนั้น ยอมรับว่าคงจะมีผลกระทบบ้าง เช่นที่โรงเรียนราชวินิต มัธยม มีห้องเรียนเพียงบางส่วนที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งตนจะเดินทางไปตรวจสอบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และอาจประสานขอให้ทางพันธมิตรฯ ปรับตั้งเครื่องเสียงให้ไม่รบกวนนักเรียน
ด้าน นายวิบูลย์ หวังรวยนาม รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร.พระนคร) กล่าวว่า คณบดีคณะคณะศิลปศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นคณะที่ตั้งอยู่ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ได้ตัดสินใจประกาศปิดการเรียนการสอน ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ส่วนคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นยังเปิดเรียนตามปกติ ทั้งนี้ ได้นัดหมายประชุมหารืออาจารย์และผู้บริหาร รวมถึงผู้บริหารโรงเรียนใกล้เคียง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ในวันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 10.00 น.
วานนี้(22 มิ.ย.) การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลยังคงมีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมอย่างหนาแน่นเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำฯ ได้นำประชาชนทำพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พร้อมทั้งขอให้ปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้รอดพ้นจากการย่ำยีของนักการเมืองชั่ว และได้มีการประกาศชัยในการปักหลักชุมนุมประท้วงที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องเกือบ 1 เดือน
**พันธมิตรฯฉะ”สมัคi”ลิดสิทธิประชาชน
วานนี้(22 มิ.ย.) เวลา 11.50 น. นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ ขึ้นเวยทีสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบฯ เพื่อตอบโต้นายสมัคร ที่กล่าวใส่ร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ในรายการสนทนาประสาสมัคร
นายพิภพ กล่าวว่านายสมัคร ดูถูกประชาชนผู้ชุมนุมว่าเป็นแก๊งข้างถนนนั้น คนที่เป็นนายกฯ ในระบอบประชาธิปไตยจะไม่ดูถูกประชาชน เพราะการชุมนุมของประชาชนถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนมีสิทธิในการตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล แม้จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะการบริหารงานของรัฐบาลไม่สอดคล้อง ไม่เป็นไปตามนโยบาย ประชาชนไม่เห็นด้วย จึงออกมาชุมนุมขับไล่ไม่ใช่อยู่ดีๆ ประชาชนจะออกมาอย่างไร้เหตุผล
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ พันธมิตรฯและประชาชนก็ได้เตือนรัฐบาลหลายครั้งแล้วว่า อย่าทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 มาตรา 237 แต่รัฐบาลนายสมัคร ก็ไม่ฟังเสียง ซึ่งการออกชุมนุมของประชาชนในตรงนี้เป็นไปอย่างสันติ สงบ อหิงสา จะมาว่าเราเป็นแก๊งข้างถนนไม่ได้ แสดงว่า นายกฯกำลังฉีกรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งไม่ถูกต้อง
**ปิดปากประชาชนไม่เหมาะเป็นนายกฯ
ส่วนที่ นายสมัครระบุว่า หากไปเป็นฝ่ายค้านจะออกมาชุมนุมบ้างนั้น นายพิภพ กล่าวว่าอยากบอกว่าให้ออกมาเลย และที่กล่าวหาว่าการชุมนุมทำให้เศรษฐกิจเสียหาย นั้น ความจริงเศรษฐกิจเสียหายตั้งแต่ ปี 2540 ขณะที่งานวิจัยของประเทศและทั่วโลกออกมามายืนยันว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเสียหายแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นที่ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี มีการประท้วงอยู่เป็นประจำ ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจพัง ระบบระบบเศรษฐกิจจะพังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ สรุปว่า นายสมัคร จะปิดปากประชาชน ไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยแต่เหมาะเป็นนายกฯระบบเผด็จการ
**ติงไม่ควรบอกเขาพระวิหารเป็นของเขมร
นายพิภพ ยังกล่าวตอบโต้นายสมัคร กรณีออกมาย้ำว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาว่า ที่ผ่านมาจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก รัฐบาลทุกสมัยก็คัดค้านมาโดยตลอด นายกฯ ไม่ควรจะพลั้งปากว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมรเขาอยากจะยื่นเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็เรื่องของเขา เมื่อเราไม่ยื่นพร้อมกับเขา เราต้องโต้แย้ง ไม่ใช่ยอมรับว่า เป็นของเขาและไปสนับสนุนเขาอีก เมื่อเราโต้แย้งทางยูเนสโกต้องกลับมาถามข้อโต้แย้งของเรา
“ถ้านายสมัครเป็นคนธรรมดา ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีและไปยอมรับ เท่ากับเสียงของคนทั้งประเทศยอมรับ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ ประชาชนไม่ได้ยอมรับ มีแต่รัฐบาลนี้ไปยอมรับ และมากล่าวหาว่า พันธมิตรฯปลุกระดมผมขอยืนยันไม่ใช่การปลุกระดมอย่างแน่นอน นักวิชาการ นักกฎหมายที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นผู้มีความรู้เอาความจริงมาเปิดเผยว่า การที่เขมรเสนอเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเกี่ยวอะไรกับกับการเมืองภายในของเขมรที่จะมีปัญหา เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปตกลงลงทุนทำธุรกิจหลายอย่างกับรัฐบาลเขมร ที่มี นายฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้ารัฐบาลของนายฮุนเซนเปลี่ยนแปลง ก็จะกระทบธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าไปลงทุน ที่เกาะกง ทั้งแหล่งก๊าซ บ่อน้ำมัน สะท้อนให้เห็นว่า นายกฯ ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ เรามีนายกฯ เอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ ส่อขายชาติ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การปลุกระดม แต่เป็นการเอาเรื่องจริงมาพูด เรื่องจริงที่รัฐบาลนายสมัครควรทำกลับไม่ทำ สิ่งที่ควรทำกลับทำ เรื่องนี้นายสมัครต้องถูกถอดถอน"
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรามีเหตุผลและความชอบธรรมขับไล่นายสมัคร นายนพดล ปัทมะ และพรรคพลังประชาชนพลัง ทำความเสียหายให้ชาติหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีที่ยอมยกดินแดนให้เขมร เราต้องประท้วงถึงที่สุด เพราะรัฐบาลนี้ทำความเสียหายใหญ่หลวงยากที่จะให้อภัย
**สมศักดิ์เย้ย”หมัก”หมดสภาพ
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออกมาตอบโต้ของนายสมัครวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่าหมดสภาพแล้ว เรื่องเขาพระวิหารนั้น นายสมัครน่าจะเป็นนายกฯ กัมพูชา เช่นเดียวกับนายนพดล ปัทมะ ที่น่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชามากกว่า นายสมัครบอกว่าเราเสียดินแดนไปแล้วเมื่อ 45 ปีก่อน น่าสังเกตว่า นายสมัครใช้คำว่าเสียดินแดน ทั้งที่ตามคำตัดสินของศาลโลกเราเสียแค่ปราสาท ซึ่งตามหลักข้อเท็จจริง ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาแต่บันไดและทางขึ้นเป็นของไทย ขณะที่ศาลโลกตัดสินตามแผนที่ฝรั่งเศสที่เขียนขึ้นมาและไทยไม่ได้โต้แย้งแต่แรกเท่านั้น ซึ่งก็ยังเป็นคำตัดสินที่ถกเถียงกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ในข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชาที่นายนพดลลงนามนั้น ในข้อ 1 กลับไปบอกว่า ไทยสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เท่ากับว่ายอมรับเป็นของกัมพูชาโดยสมบูรณ์แล้ว นายนพดลยังมาอ้างว่าตนเองเป็นพระเอกอีก ก็ไม่รู้ว่าเป็นพระเอกตรงไหน
**ประกาศจัดการรัฐบาลก่อน2ก.ค.
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การอภิปรายในสภา คงไม่ทันแล้ว ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าหลังวันที่ 2 ก.ค.เหตุการณ์จะคลี่คลาย โดยให้พรรคฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งยกมืออย่างไรก็ไม่ชนะ เพราะเป็นเผด็จการรัฐสภา ขณะที่ ส.ว.อภิปรายก็เป็นการอภิปรายอย่างเดียวไมได้ลงมติ หลังจากนั้น วันที่ 25-26 ก็จะอภิปรายงบประมาณ ก็จะเถียงกันเล็กน้อย เมื่อเสร็จก็จะยุบสภาวันที่ 2 ก.ค.พอดี
“ตอนนี้จึงถือว่า พรรคประชาธิปไตยเสียค่าโง่ไปแล้ว ตอนแรกบอกว่า ยุถบสภาไมได้เพราะมีญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคาอยู่ แต่พอเปิดให้อภิปราย ก็ยุบได้แล้ว แล้วนายสมัครก็สามารถจัดสรรงบประมาณได้ตามต้องการ และยังเป็นนายกฯ รักษาการไปอีก 45 วัน ขณะที่งบประมาณอนุมัติไปแล้ว เอาไปหาเสียงได้ จะแจกหมู แจกหมา แจกแมว แจกหมดเลย น่าสงสารฝ่ายค้าน แต่ไม่เป็นไร พันธมิตรฯ จะจัดการให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 2 พวกเราประชาชนจะช่วยกัน พรรคการเมืองในสภาจะอภิปรายก็ให้แหกปากไป แต่เราไม่รอถึงวันที่ 2 มันช้าไปแล้วต๋อย เราประชาชนต้องจัดการกับรัฐบาลที่ไม่ทำตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ เอาไว้ไม่ได้ ไม่มีความชอบธรรม มีแต่การโกงชนิดบริบูรณ์บาล์ม ฟอกความผิดทักษิณ ปราศจากความดีแม้แต่นิดเดียวแล้ว”
**ฟ้องศาลปกครองวันนี้
ต่อมา เวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า เมื่อช่วงเช้า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.จำลอง ได้นำอาหารมังสวิรัตไปเยี่ยมด้วย เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจให้กับตำรวจทุกระดับ ด้านตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บบอกไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร และเข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงในการเคลื่อนขบวนไปหน้ารัฐสภาหรือไม่ว่า จะมีการหารือกับแกนนำในช่วงดึกของวันนี้ สำหรับการเดินทางไปศาลปกครองนั้นจะเดินไปเป็นขบวนใหญ่ โดยประชาชนที่จะไปให้กำลังใจหรือจะไปร่วมฟ้องกับกลุ่มพันธมิตรฯด้วยนั้น สามารถไปเจอกันที่ศาลปกครองได้ ในเวลา 10.00 น.ซึ่งเบื้องต้นผู้ที่จะฟ้องมี ตน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และทนายความอีก 3 คน โดยจะฟ้อง 3 ประเด็น คือ (1) การให้เพิกถอนการลงนาม(2) ขอให้ศาลชี้ว่ามติ ครม.ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม.190 และระเบียบการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สำหรับกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่ากรณีเขาพระวิหารนั้น เป็นสนธิสัญญา ไม่ใช่หนังสือสัญญา ในความเป็นจริงแล้วคือหนังสือสัญญา ซึ่งเป็นคำกะล่อนของนายนพดล
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า การแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศนั้น กำลังทำให้ประชาชนติดกับดักใหม่ ในกรณีพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหากนายสมัคร และนายนพดล มีความจริงใจ ก็คงไม่มีกรณีแผนที่ทับซ้อนในวันนี้ เพราะขณะนี้ได้มีการระบุชัดเจน ว่าตรงไหนที่ให้สองประเทศบริหารร่วมกัน มีแต่การตีความว่าต้องใช้อำนาจรัฐจัดการร่วมกัน มติของศาลโลก เมื่อปี 2505 มีความชัดเจนว่า พื้นที่นอกจากปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศไทย การอ้างว่าประเทศกัมพูชามอบให้ประเทศไทยบริหารจัดการ ในพี้นที่ทับซ้อนเพียงฝ่ายเดียวเป็นเพียงแค่แผนลวง ที่ผ่านมา กองทัพอ่อนข้อให้ฝ่ายการเมืองมากเกินไป วันนี้ ผบ.ทบ.ต้องพูดให้ชัดว่าเป็นอย่างไร เพราะนายนพดล เองก็มีการนำคำพูดของ ผบ.ทบ.มาพูดอย่างคลุมเครือ ซึ่งที่ตนทราบนั้น วันนี้กองทัพไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม หวังว่า ในเร็วๆ นี้ ผบ.ทบ.จะให้ความชัดเจน เพราะหากยังทำตัวเป็น เตมีย์ใบ้ สุดท้ายจะลุกลามเป็นความขัดแย้งจนจัดการได้ยาก
**ไม่เกิน 7 วันได้ชัยชนะ
ส่วนกรณีที่นายสมัคร ระบุว่าแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ยกตัวเองเหมือนเป็นรัฐมนตรี ซึ่งหากนายสมัครเป็นฝ่ายค้านจะลองปลุกม็อบดูบ้างนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนสิ้นคิด วันนี้พรรคพลังประชาชน ก็พยายามปลุกม็อบแต่ไม่ขึ้น วันนี้ที่สวนลุมฯ ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
“เราจึงมั่นใจว่า น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน เพราะข้าราชการหลายกระทรวงในวันนี้ ต่างประท้วงเงียบ เช่นการถ่วงงาน จะเห็นได้จากกระทรวงต่างประเทศที่มีความชัดเจนมากที่สุด ที่ทำเนียบรัฐบาลก็เริ่มจะมีบ้างแล้ว และใน 2-3 วันนี้ ก็จะขยายไปในข้าราชการระดับสูงอีก รวมทั้งความเป็นโมฆะบุรุษของนายกฯ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่า ไม่เกิน 1 สัปดาห์กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะได้รับชัยชนะ ซึ่งเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศ”นายสุริยะใสกล่าว
สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เปิดทางให้นายกฯ เข้าไปทำงานในทำเนียบนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เราไม่ได้ปิดประตูทั้งหมด ยังสามารถใช้ได้ทั้งทางประตูตรงข้ามกระทรวงศึกษาฯ ข้างโรงเรียนพณิชยการพระนคร และฝั่งคลองผดุงกรุงเกษมได้ ซึ่งความจริงเราตั้งใจจะปิดทั้ง 5 ประตูแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ส่วนจะมีการกระจายกำลังไปดักนายกฯ ตามประตูต่างๆ หรือไม่นั้น ในช่วง 1-2 วันนี้ยังไม่มี น่าจะเป็นข่าวปล่อยอย่างไรก็ตาม เราได้มีการห้ามปรามเป็นกรณีพิเศษว่า ห้ามรุกล้ำ เข้าไปในเขตที่ตำรวจขอไว้ รวมถึงการปีนเข้าทำเนียบฯ ด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า กรณีที่ระบุว่าใช้เวลาไม่เกิน 7 วันนั้น เป้าหมายสูงสุดของกลุ่มพันธมิตรฯ คืออะไร นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่างน้อย คือ นายสมัคร ลาออก ซึ่งจะทำให้ ครม.ต้องพ้นไปทั้งคณะด้วยตามรัฐธรรมนูญ ส่วนหากมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ กล่าว่า ต้องดูว่าเป็นนอมินีหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี หรือนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ถ้าหากมีการใช้ยุทธศาสตร์ที่ยังทำเพื่อ ทักษิณ จัดการฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามเราไม่ได้เกลียดชังหรืออคตินายสมัคร แต่เราสู้เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นตัวเป็นตน
เมื่อถามว่า คุณสมบัตินายกฯ ที่จะมาแทน นายสมัคร เป็นอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องชัดเจนว่า ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เอาวาระทักษิณออกไป แล้วเอาวาระประชาชนเข้ามาแทน ให้มีการเช็กบิลฝ่ายตรงข้าม และไม่เป็นเครื่องมือให้ฝ่ายอำนาจเก่า ส่วนกรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุว่า พื้นที่ทับซ้อนนั้น ไม่รุกล้ำอธิปไตยของไทย นายสุริยะใส กล่าวว่า อยากให้ผบ.ทบ.ย้อนกลับไปดูการพิจารณาของศาลโลก เมื่อปี 2505 ให้ดีว่าพื้นที่ทับซ้อนนั้มมีมากถึง 46 ตร.กม.ข้อมูลต่างๆ นั้น สอบถามทนายที่เคยสู้คดีนี้ก็ได้ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่หลายคน สามารถเชิญมาให้คำปรึกษาได้ หวังว่าวันนี้ ผบ.ทบ.คงจะไม่นั่งดูดายอีกต่อไป
**“จำลอง” เชื่อไม่เกินสิ้นเดือนนี้ทุกอย่างจบ
เวลา 21.00 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เพื่อเล่าถึงการเดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวเข้าทำการยึดพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย จ.ส.ต.คมสัน ศรีคำ จ.ส.ต.ศราวุธ เลิศพร ส.ต.ต.(หญิง) พรพิรุณ โตวงจร และ ส.ต.ต.(หญิง) พจนา แก้วเกษศรี
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บยิ้มต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พร้อมทั้งยังแสดงความดีใจที่พันธมิตรฯ ส่งตนมาเยี่ยม โดยเฉพาะภรรยาของ จ.ส.ต.คมสัน ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.บางนา ไม่กล่าวโทษพันธมิตรฯ ระบุต่างคนต่างทำหน้าที่ ขณะที่ จ.ส.ต.คมสัน ก็ยืนยันไม่ได้บาดเจ็บเพราะถูกทำร้าย เป็นเพราะเสียหลักล้มลงจนแผงกั้นจราจรหักล้มทับ พร้อมกันนี้ตำรวจคนดังกล่าวยังชื่นชมความแข็งแรงของพันธมิตรฯ และยอมรับตำรวจส่วนใหญ่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แรงจากการปะทะจึงสู้พันธมิตรฯ ไม่ได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงสิ่งที่ประชาชนเจ็บแค้นมากที่สุดในเวลานี้ คือ เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ทุกคนถูกพร่ำสอนให้เรียนมาเพื่อปกป้องอธิปไตย แล้วอยู่มาวันนี้ทำไมต้องเรามาเสียใจกับพฤติกรรรมของรัฐบาลชุดนี้ เราต้องเก็บเป็นบทเรียนเพื่อจดจำไว้ เราสำเร็จและล้มเหลวเพราะอะไร โดยเฉพาะบทเรียนจากการที่ไทยเพลี่ยงพล้ำในศาลโลก เมื่อปี 2505
ส่วนสาเหตุที่ไทยต้องพ่ายแพ้ต่อศาลโลก พล.ต.จำลอง ระบุส่วนหนึ่งมาจากน้ำมือของคนไทยที่ทรยศกันเอง ข้าราชการคนหนึ่งลอบเอาข้อมูลที่ไทยเตรียมการไว้เพื่อต่อสู้ในศาลโลกไปขายให้เขมร แต่แม้จะเพลี่ยงพล้ำในครั้งนั้น แต่เรายังเชื่อว่า พระวิหารเป็นของไทย ทางขึ้นก็ขึ้นจากฝั่งไทย แล้วสิ่งต่างที่อยู่บนเขาพระวิหารจะเป็นของเขมรได้อย่างไร เขมรไม่ใช่นก ที่จะบินหรือเหาะขึ้นไปคงทำไม่ได้
พล.ต.จำลอง ระบุอีกว่า การที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เซ็นลงนามรับรอง การขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชา ทำให้ไทยเสียเขาพระวิหารทันที ต้องมีเรื่องผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปอีกนานเท่าใด จะต้องต่อต้านไปอีกกี่ปี นี่จึงคือความบกพร่องของการเมืองไทย
“วันนี้จำเป็นต้องมีการเมืองใหม่ในระบอบเก่า คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปลี่ยนแปลงจะต้องเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดยคงความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่กับประเทศชาติต่อไป เชื่อว่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้ทุกอย่างจะจบลงอย่างแน่นอน”แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
***"สนธิ"ปลุกคนไทยทวงคืนเขาพระวิหาร
เวลาประมาณ 21.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยขอให้คนไทยร่วมกันแสดงพลังกรณีการสูญเสียเขาพระวิหาร นับตั้งแต่ปี 2505 ที่ศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชา แต่ไทยไม่ยินยอม โดยได้ยื่นหนังสือประท้วงและได้แสดงการคัดค้านเอาไว้ พร้อมระบุว่า หากไทยพบหลักฐานใหม่ที่แสดงความเป็นเจ้าของ เราจะมาทวงคืน
นายสนธิ กล่าวว่า พวกเราที่มาชุมนุมกันในวันนี้ ต้องร่วมกันลงชื่อเพื่อทางคืนสิทธิบนเขาพระวิหาร เพราะที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ดังนั้น การลงชื่อในวันนี้ เราจะนำไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้เอกสารสัญญาระหว่างนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย กับนายซกอัน รัฐมนตรีของกัมพูชา ต้องยกเลิกไปเลย
ทั้งนี้ ก่อนการปราศรัยนายสนธิ ได้นำประชาชนบวงสรวงและแสดงความเคารพต่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนพณิชยการพระนคร พร้อมกล่าวตามคำบันทึก เพื่อแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณพระองค์ท่าน และช่วยให้ภารกิจในการกอบกู้ชาติบ้านเมืองให้พ้นวิกฤต และเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
***มือมืดลอบกัดพันธมิตรสงขลา
เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.คืนวานนี้ เกิดเหตุคนร้ายปาก้อนหินเข้าใส่ขบวนรถไฟ ขบวนที่ 169 กรุงเทพฯ-ยะลา ขณะเคลื่อนขบวนออกจากสถานีหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในขบวนดังกล่าวมีพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 40 กว่าเดินทางมาด้วย เพื่อกลับสงขลา หลังเสร็จจากการร่วมชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลระหว่างเกิดเหตุผู้โดยสารต่างพากันหมอบลงกับพื้นเพื่อให้พ้นอันตรายและจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตำรวจรถไฟได้รับบาดเจ็บสลบ 1 นายและชาวบ้านที่เป้นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 1 คนและขบวนรถไฟดังกล่าวได้จอดที่สถานีถัดไป เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแล้ว
รายงานข่าวจากผู้ที่อยู่ในขบวนรถไฟดังกล่าวแจ้งว่า ผู้โดยสารมีความเป็นห่วงว่าจะมีฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตรฯแทรกซึมเข้ามาก่อเหตุและได้ปลดสัญลักษณ์ของการชุมนุมออกทั้งหมด ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่า มีชายวัยรุ่นใส่ชุดลายพรางท่าทางมีพิรุธ เดินไปมาระหว่างโบกี้ต่างๆ
**สมัครยันเขาพระวิหารของเขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวานนี้ (22 มิ.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาดำเนินรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์ NBT กรมประชาสัมพันธ์ ตามปกติ โดยระหว่างรอเวลาออกอากาศ ในห้องส่งมีการเปิดเพลง ประจำรายการ นายสมัครได้ใช้นิ้วเคาะโต๊ะตามจังหวะเพลง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวถึงการขอขึ้นทะเบียนประสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกของประเทศกัมพูชา ที่มีส่วนพื้นที่ทับซ้อนของไทยและมีผู้ออกมา เรียกร้องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่กลัวว่าไทยจะเสียดินแดนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการ ปลุกกระดมทางความคิดจนเกินเหตุ ตนต้องขออธิบายให้ชัดเจนว่า เรื่องเขาพระวิหารนั้น ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดีและให้ดินแดนเขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ พ.ศ. 2505 ดังนั้น พื้นที่ตามเส้นแผนที่ที่ขีดไปเมื่อ 40-50 ปีนั้น ยังไงก็ต้องเป็นของกัมพูชา แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาก็หากินร่วมกัน มีผลประโยชน์ร่วมกันไม่มีปัญหาอะไร
นายสมัคร กล่าวว่า แต่เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลกัมพูชา ต้องการที่จะเอาเขาพระวิหาร ไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปกับทางยูเนสโก ทีนี้เมื่อประเทศไทยมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ทางบริเวณทางขึ้นปราสาทก็ต้องทำการทักท้วง ก็ได้ไปเจรจากันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกัน จึงได้ข้อตกลงว่า ไทยทักท้วงสำเร็จ กัมพูชาสามารถขอขึ้นทะเบียนได้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น เพราะเป็นของเขา พื้นที่ของเขา ขอบเขตเท่านั้น เราก็ตกลง ส่วนพื้นที่ พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมด ไม่มีการเจรจา ส่วนที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่บนพื้นที่ทับซ้อนนั้น ภายใน 2 ปี ก็ต้องทำการจัดการให้หมดก็แปลว่า ไทยไม่มีการเสียดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น
“ทั้งหมดมีเท่านี้เอง เขาก็ไปตกลงกันว่า โอเค ทั้งหมดขึ้นทะเบียน วันที่ 5 ก.ค. เขาจะขึ้นทะเบียนที่ควิเบก แคนาดา ก็เขาขึ้นทะเบียนปราสาทที่อยู่ในเขตของเขา มันไม่มีสนธิสัญญาอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เราทักท้วงเพราะถ้าเอาพื้นที่รอบปราสาท เราก็ทักท้วงสำเร็จ แต่ว่าพื้นที่ทับซ้อนไม่เอาไปขึ้น ขึ้นเฉพาะทะเบียนปราสาท คำว่า พื้นที่ทับซ้อนยังมีอีกว่า ชายแดนที่ยังเจรจาไม่เสร็จ ยังเถียงกันตรงไหน ก็เป็นพื้นที่ทับซ้อนก็ต้องถือ รอบเขาพระวิหาร มี 4 กม. กว่า ก็ยังต้องเจรจาต่อ ตรงชายแดน ก็ต้องเจรจาต่อ รวมทั้งไอ้ในทะเล ที่ด่ากัน ตั้งกี่พันตารางกิโลเมตร ก็ไม่เจรจา ทิ้งไว้อย่างนั้น พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมดไม่มีการเจรจา ไม่ใช่สนธิสัญญา”
**ป้อง”แม้ว”ไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ
ส่วนเรื่องที่มีคนออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปตีกอล์ฟกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเพื่อเจรจาขอแลกเปลี่ยนเขาพระวิหารกับการขุดเจาะน้ำมันนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แลกเปลี่ยนอะไร รัฐบาลไทย ฟ้องคดีอยู่ในศาล น้ำมันก็ไม่ได้ขุด แลกก็ไม่ได้แลก เพราะเป็นของกัมพูชา เราทำหน้าที่รัฐบาลนี้ทักท้วง ดึงเอานายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เข้าไปเกี่ยว อภิปรายไม่ไว้วางใจโจมตีอย่างหนักนั้น และแม้หลายๆ ฝ่ายทั้งทหาร กรมแผนที่ทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ออกมาอธิบายและยืนยันชัดเจนว่าไม่มีการเสียดินแดน ใดๆ ทั้งสิ้น ก็ยังไม่ฟังกัน
“ปลุกระดมกัน ไม่ต้องอะไร ขนาดผู้หญิงที่เป็นช่างตัดเสื้อชุดละหมื่น แสดงอาการเลย บอกไม่ได้เลย ฉันจะต้องไปร่วมชุมนุม จะเสียเขาพระวิหารไปฉันยอมตายยอมเสียชีวิต มันอะไรกันขนาดนี้ การปลุกระดมได้ผลเชียวเหรอครับ ทำไมคนเราเกิดอาการรักชาติขึ้นมาจะเป็นจะตาย และทำไมล่ะครับ ก่อนหน้านี้ ถ้าเขมรไม่ขึ้นทะเบียน ก็อยู่กันมาต่อไป ก็อยู่กันมา 50 ปี ต่อไปข้างหน้า มันอะไรกันนักหนาขนาดนี้ ผมต้องอธิบายให้ชัดเจนและผมต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะไปเกลียด สาปแช่งนายนพดลที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะอดีตทนายความตนขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวระหว่างนายนพดลกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นทุกอย่างจบสิ้นไปแล้ว ไปโยงใยไปแลกเปลี่ยนอะไร และโรงไฟฟ้าที่เกาะกง รัฐบาลนี้เป็นฝ่ายเจรจา ไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ
**ซัดพันธมิตรฯไล่เช็คบิลไม่เลิก
นายสมัคร กล่าวต่อว่า ต้องพูดให้ฟังว่า ประเทศไทยมีการปกครอง ที่เปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2475 มีการปฏิวัติ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง แต่ก่อนมีกระทรวงมหาดไทย ดูแล การเลือกตั้ง แต่ขณะนี้มีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูแลการเลือกตั้ง ก็มีกฎเกณฑ์ ต่างชาติก็เข้ามาดู พื้นฐานจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ การเลือกตั้ง 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการตกลงกันตามมาตรฐานสากล รัฐธรรมนูญก็บอกว่า มีข้อบกพร่องต้องแก้ เกิดไม่ได้ขึ้นมา ไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ความเคียดแค้นชิงชัง จะไล่นายกฯคนเก่าก็ไม่จบ แม้เขากลับมาขึ้นศาลแล้ว เป็นจำเลยในคดี เรียกร้องให้เค้ามา ก็ขึ้นศาลเขาก็มา เลย
นายสมัคร กล่าวว่าถัดมาก็มีการเล่นเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รัฐมนตรี ก็ลาออก จากนั้นก็เปลี่ยนทันที หันมาไล่รัฐบาล ตนก็ต้องทำหน้าที่ของตน ก็บอกว่า หน้ายูเอ็น ทำแบบนี้ไม่ได้ อธิบายไปก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ นายกฯกลายเป็นคนร้าย ในพริบตา ปรากฏว่า 5 โมงเย็นตำรวจจะสลาย นักวิชาการก็ออกมาล่อกันนัว กลายเป็นว่า รัฐบาลนี้โง่จะสลาย ตนก็ยอม ไม่สลายก็ไม่สลาย ก็อดทน ขายหน้าก็ขายหน้า เพราะผู้คนก็ยื้อ “ผมจะถามว่ามันยุติธรรมมั้ย ผมมาถูกต้องตามกฎหมาย อดีตนายกฯ ก็อดีตนายกฯ เค้าขึ้นศาล จะเอาลากผมไปประกบด้วย จะกล่าวหาว่าเป็นนอมินี จะเอาออกให้ได้ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน มีคน 5 คนมาตั้งขบวนการ ก็เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะทำ ให้มันจบสิ้นกัน ที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะสังเกตเห็นว่า เค้าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เค้ายื่นญัตติมา อีก 5 พรรคไม่แตะ เอาแต่พลังประชาชน จะขุดอะไรมาด่าก็เอา เราไม่ได้ทำอะไรเลย สัญญายังไม่ได้เริ่มเซ็น ทำไมจะเอากันให้เป็นให้ตาย เราเห็นว่า ก็เอาล่ะยอมให้อภิปรายจะได้เสร็จสิ้น”
**อ้างผู้ชุมนุมท้าให้ตร.ตีหวังให้ป่วน
“ถามว่า หากผมเลวทรามต่ำช้าจริง หากลงคะแนนแล้ว ไม่ไว้วางใจ ผมแพ้ ผมถอยออกไป แล้วอย่างไร ก็ได้รัฐบาลใหม่ คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) เป็นนายกฯ ถ้าผมไปอยู่ข้างหลัง ก็เอาเลย ตั้งมาเลย 5 คน ทำแบบเดียวกัน ทำสัก 5-6 กอง ล่อกันเลย แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ตำรวจเค้าเล่าให้ฟังว่า ปล่อยให้มาตรงนั้น เพราะถ้ามีเสียงปืนยิงสักนัด ก็...เค้าก็จะบอกว่าเราชนะแล้ว เคลื่อนจากมัฆวานฯมาตรงนี้ บอกชนะแล้ว แล้วอย่างไรครับ ไม่อยากวิจารณ์ว่า คนหยิบมือเดียว ตั้งคณะขึ้นมา เล่นกันข้างถนน นายกฯต้องพ้นไป บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร เอาหน้าตาไปไว้ที่ไหน ถ้าอภิปรายเสร็จ ผมแพ้ 5 พรรคไปร่วมตรงนั้น ผมแพ้ก็ตั้งคณะขึ้นมายึดถนนหมด ให้คนสอบตกมาล่อแบบนี้เหมือนกัน แล้วบ้านเมืองอยู่ได้หรือ ผมร้องถามว่า 5 คนคุณมาจากไหน สื่อสารประโคมข่าว 5 คนมีสิทธิ์มาปลุกระดม มาแตะต้องไม่ได้”
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า “ผมชอบใจคำพูดโฆษกรัฐบาล เป็นตำรวจเก่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นม็อบสลายตำรวจ พูดได้หรือไม่ บุกเข้ามา รุกเข้ามา ตำรวจก็เล่าให้ฟังว่า เค้าบอก ทำไมตำรวจไม่ตี เค้าหวังให้ตำรวจปะทะ หวังเป็นคดีความ ไม่สำเร็จหรอกครับ เค้าไม่ปะทะก็ยอมเจ็บไป 4 คน พระสงฆ์บอกสมัครรอดตัว ก็ไม่รู้รอดตัวเมื่อไหร่ สื่อสารมวลชนก็คอยประโคม พาดหัวเอิกเกริก เหมือนกับคนทั้ง 5 มีสิทธิ์เท่าเทียมผม ที่รำคาญใจคือ ยกคนทั้ง 5 มาทั้งที่พวกเรามาตามกฎหมาย หรือว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำมาหากิน โอกาสที่จะมีคนทนไม่ได้ อย่างรถเมล์นี่ เพียงแต่คิดแนวทางจะแก้ไข แสดงความรับผิดชอบ เท่านั้นโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ได้ทำ ก็โดน...ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ว่าได้คันละล้าน นี่ไม่ได้ซื้อนะ เป็นการเช่า รถต้องใช้งานได้ใหม่ เราเติมแก๊สของเราเอง ยังไม่ได้ประมูล กล่าวหาว่าเลือกบริษัทซะแล้ว ก็รอให้ประมูลก่อนสิ ยังมาบอกอีกว่า สมัครดึงออก กลัวโดนไม่ไว้วางใจ ก็เอาสิครับ ทุกอย่างยังอยู่ในกระดาษ แค่เกิดความคิด ก็ล่อกันซะอย่างนี้ เรื่องอย่างนี้จะถามเลยว่า ใครจะยกย่องสรรเสริญ 5 พระหน่อก็เชิญ แต่ผมมีสิทธิเรียกร้อง ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่มีแผลกลางใจพระนคร ใช้ได้หรือ ถูกไล่ออกแล้วก็ม็อบสู้บ้างจะเป็นอย่างไร”
“ถามว่า ถ้ามันสวิตซ์แบบนี้ อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ผมประกาศตั้งคนที่สอบตก ตั้งเป็นแก๊ง เอาอย่างเดียวกัน คนชอบผมก็มี แล้วบ้านเมืองมันอยู่ได้หรือครับ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน ผมเข้าตามตรอก ออกตามประตู จะคาดเค้นอย่างไร ไม่มีทางหรอก ถ้าผมอยู่มา 4 ปี แล้วจะล่อก็เอาสิครับ อยู่มาแค่ 4 เดือนสัญญายังไม่ได้เซ็นอะไรเลย แล้วเอาอะไรมาด่ากัน ก็เอาสิ จะยอมให้ด่าสักวันครึ่ง ก็ชัดเจน เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ จะได้รู้ว่า เปิดสภาฯวันจันทร์-อังคาร-พุธ จะล่อกันอย่างไรก็แล้วแต่ จะเล่นผมพรรคเดียว ก็เอาสิครับ พรรคการเมืองเค้ารู้ดีว่า อยู่กับนายกฯคนนี้มันเค็มหรือมันจืด ล่อกันให้ชัดเลย แล้วดูว่า 5 พรรคเปลี่ยนใจหรือไม่ แต่บอกก่อนเลยว่า ถ้านายกฯชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะมีมาล่อแบบนี้ แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้หรือไม่”
**เลิกด่าสื่อแต่หันมาวิงวอนให้ช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงตอบคำถาม นายสมัครเลือกจดหมายจากประชาชน ที่เขียนให้กำลังใจในการทำงานมาอ่าน โดยเนื้อหาระบุว่า “ให้กำลังใจท่านนายกฯ อย่าไปหลงกล หลงทางฝ่ายยั่วยุ ให้รัฐบาลตบะแตก ไม่ต้องไปโกรธพวกเขา” โดยนายสมัครกล่าวตอบว่า ไม่โกรธหรอก แต่ขอประกาศว่า โครงการต่อไปก็จะส่งสื่อสารมวลชนมารุมล้อม และจะถามยั่วยุให้ตนตบะแตก ตนขอบอกล่วงหน้าเลยว่า ไม่แตก เพราะปกติ ไม่เปิดโอกาสให้ยั่วยุอยู่แล้ว “ผมจะทำเรื่องนี้เพื่อบ้านเมืองของเรา ผมจะพยายามอดกลั้นทั้งหลาย ก็ผมเป็นคนธรรมดาครับ เป็นคนเหมือนกัน ปลุกระดมปลุกได้ คุณก็คน คุณก็กินข้าว ผมก็คน ผมก็กินข้าว ดูสิครับว่าใครจะอึดกว่ากันยังไง ผมแน่ใจว่าผมทำสิ่งที่ถูกต้อง และบรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายท่านใช้วิจารณญาณของท่านให้ดีเถอะครับว่ามันควรจะสนับสนุนคนที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ และควรจะพูดถึงคนที่ทำถูกกฎหมาย ในแง่ทางที่ดีบ้างหรือไม่ ผมไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าคนอื่น แต่ผมมีความตั้งใจดีที่จะทำงานให้บ้านเมืองนี้ ผมทำงานทุกอย่าง ผมบอกผมจะทำให้ ผมไม่ทำเอา ผมเดินทางมาสุดท้ายปลายนี้ของผมแล้ว แต่เขาห้ามพูดว่าจะไปเมื่อไหร่ ถ้าผมอยู่ได้ถึง 4 ปี ผมทำให้ 4 ปี โครงการทั้งลายทั้งปวง ผมจะทำขึ้นให้ได้เลยครับ”
นายสมัคร กล่าวว่า ได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไปปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ บรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ให้กับบรรดานักเรียน โรงเรียนแถบบริเวณทำเนียบฯเอง ที่จะใช้วิจารณญาณในการเขียนบทความพาดหัวข่าว เขียนข่าวเตือนม็อบอย่างไรบ้าง ที่สร้างความเดือดร้อนไปหมดให้กับประชาชนทั่วไป แต่รัฐบาลไม่เดือดร้อน ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า วันจันทร์ที่ 23 มิ.ย.นี้ จะเข้าไปทำงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะยังมีทางเข้าออกอยู่ ไม่มีปัญหา และวันอังคารที่ 24 มิ.ย.ก็ยังคงมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาลตามเดิม บ้านเมืองยังดำเนินการ ตามปกติเหมือนเดิม ใครจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ตนจะปล่อยให้แสดง ตามสมควรแก่เหตุ ถึงเวลาถ้าประชาชนทนไม่ได้อย่างไร ก็พยักหน้าให้สัญญาณตน ตนจะทำหน้าที่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร
**ประกาศไม่ลาออก-ยุบสภาแน่
“เพราะเวลานี้มีผู้สนับสนุนคนทำผิดกฎหมายแล้วเหยียบย่ำคนที่ทำถูก กฎหมาย น่าเสียใจนะครับ แต่ว่าผมทนได้ ผมจะอดทนเพื่อบ้านเมืองของเรา พูดให้มันโก้ไปหน่อย ที่พูดได้เพราะอะไร เพราะผมเป็นนายกฯบังเอิญเป็นรัฐมนตรีกลาโหม และบังเอิญได้เข้าใจเรื่องทั้งหมด บริหารมา 4 เดือนนี่ล่ะครับ ไหวครับ ผมคิดว่า ผมเอาอยู่ เพียงแต่ขอให้ตัวบทกฎหมายมันยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในบ้านเมืองนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากจัดรายการสนทนาประสาสมัครเสร็จนายสมัคร ได้เดินออกจากห้องส่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึง กระแส ข่าวว่าจะมีการลาออกหรือยุบสภาหรือไม่ นายสมัคร กล่าวยืนยันว่า จะไม่ยุบสภา และจะไม่ลาออกอย่างแน่นอน
*เป็ดเหลิมปัดระดมพลชนพันธมิตรฯ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวหลังเป็นประธานเปิดงาน “รวมพลังประชาไทยพ้นภัยยาเสพติด” ที่สวนลุมพินี กว่า ไม่ได้ระดมประชาชนให้มาชุมนุมชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ งานนี้ก็มีกำหนดการมาก่อน เพราะวันที่ 26 มิ.ย.นี้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดของโลก แต่วันดังกล่าวไม่ใช่วันหยุด ทำให้ไม่สะดวกในการจัดงาน ทั้งนี้ความเป็นจริงกำหนดจัดงานจะอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่กลัวจะมองว่าเป็นการท้าทาย จึงหลบมาที่สวนลุมพินี กลุ่มพันธมิตรฯก็คนไทยเหมือนกันจะไปทะเลาะกันทำไม เป็นประชาชนของรัฐบาลเหมือนกัน ส่วนจะมีการประชุม ครม.ที่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
**ตร.เตรียมคุ้มกัน “สมัคร”เข้าทำเนียบฯ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวหลังประชุมนายตำรวจระดับสูง เพื่อสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯถึงการอำนวยความสะดวกให้นายสมัคร เดินทางมาทำงานในทำเนียบฯว่า นายกฯคงมาทำงานตามปกติ ที่ทำเนียบฯ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ ผบ.เหตุการณ์ (พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รอง ผบ.ตร.) ประชุมวางแผนอยู่ ส่วนที่มีการปราศรัยและตะโกนพูดจาหยาบคาย ได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ไว้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว ในสัปดาห์นี้จะมีการเปิดประชุมสภา ทางตำรวจก็เตรียมรับมือการเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภา ของกลุ่มพันธมิตรแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นหนักเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และมีการวางแผนอีกอย่างคือการเข้าทำเนียบญ เราคิดว่าจะใช้มาตรการเด็ดขาด และกำลังต้องพอเพียงเพื่อรับมือการบุกเข้าทำเนียบ ซึ่งเราไม่ยอมแน่
**ประเมินคำพูดพันธมิตรฯเพื่อรับมือ
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. ในฐานะ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เนื่องจากในคืนวันที่ 21 มิ.ย. แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ที่ขึ้นปราศรับบนเวที ได้ประกาศข้อความที่สอดคล้องกันว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 3-7 วัน และทุกอย่างจะจบสิ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าว ทางตำรวจได้วิเคราะห์แล้วพิจารณา ได้ 2 ประเด็น ประเด็นแรกมองในแง่ดี คืออาจเป็นการประกาศชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้เดินทางมาปักหลักยังทำเนียบฯ ได้สำเร็จ และสามารถกดดันจนหลายเรื่อง เข้าสู่ที่ประชุมของวุฒิสภาแล้ว ประเด็นที่สอง อาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นจนนำไปสู่วิกฤติ ในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เปลี่ยนวิธีการได้มาซึ่ง ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน เป็นการเปลี่ยนแปลงตามที่แกนนำได้ปราศรัยไว้ โดยเหตุการณ์ อาจเริ่มขึ้นที่ทำเนียบฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์กลางการบริหารราชการประเทศ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมจัดการชุมนุมบนถนนพิษณุโลกด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการบุกรุกหรือสร้างสถานการณ์ใดๆจากกลุ่มต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ปจ. ใช้อัตราการจัดอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนครบถ้วนเต็มอัตราอนุญาต เข้าไปประจำการณ์ในทำเนียบฯ และพื้นที่เปราะบางอาทิ ประตูทางเข้าทั้ง 9 ประตู พร้อมจัดอุปกรณ์ป้องกันพิเศษ เช่น แนวกั้น ลวดหีบเพลง เพื่อป้องกันผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามา
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตำรวจจะต้องอำนวยความสะดวกให้ นายกฯ เข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลและกลับบ้านด้วยความปลอดภัย โดยกำลังประชุมหาวิธีว่าจะทำอย่างไร บริเวณท้องถนนที่ผู้ชุมนุมฝ่าด่านตำรวจเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมได้ แต่ถ้าบุกเข้าทำเนียบฯ เป็นความผิดชัดเจนต้องดำเนินการ ตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
**ร.ร.กทม.เปิดแล้ว 8 แห่ง ยังปิดอีก 2
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. กทม. มีคำสั่งให้ปิดโรงเรียนในสังกัด กทม. จำนวน 10 โรงเรียน ในพื้นที่ 3 เขตคือ เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต ซึ่งเป็นพื้นที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายไปชุมนุมกันที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว จึงไม่มีผลกระทบกับการเดินทางมาโรงเรียนของเด็กนักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม.ที่ตั้งอยู่ในเขตพระนคร และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จำนวน 8 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม โรงเรียนวัดอินทรวิหาร โรงเรียนวัดใหม่อมตรส โรงเรียนวัดตรีทศเทพ โรงเรียนวัดคณิกาผล โรงเรียนวัดดิสานุการาม โรงเรียนวัดพระพิเรนทร์ และโรงเรียนวัดสิตาราม กทม.จึงเปิดทำการเรียนการสอนทั้ง 8 โรงเรียนดังกล่าว ตามปกติ ในวันนี้ (23 มิ.ย.)
ส่วนโรงเรียนวัดสมณานัมบริหาร และโรงเรียนเบญจมบพิตร ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตดุสิต ยังคงต้องปิดทำการเรียนการสอนต่อไป เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรมีผลกระทบกับการเดินทางมาโรงเรียน
ทั้งนี้ กทม. ได้กำชับให้แต่ละโรงเรียนเข้มงวดในเรื่องการดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และให้จัดเวรยามรับส่งนักเรียนบริเวณหน้าโรงเรียนด้วย หลังจากนี้ กทม.จะติดตามและประเมินสถานการณ์ต่อไป
**รร.สังกัด สพฐ.เปิด
มทร.พระนคร 2 คณะสั่งปิดเรียนชั่วคราว
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า จากการสำรวจโรงเรียนที่อยู่ใกล้บริเวณที่จัดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประกอบด้วยโรงเรียน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร และโรงเรียนราชวินิต มัธยม ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารโรงเรียนทั้งสองแห่งว่า จะเปิดให้มีการเรียนการสอน ในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) แน่นอน รวมถึงทุกโรงเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง สำหรับความปลอดภัยของนักเรียนนั้น คิดว่าไม่น่าเป็นห่วง หากมีกรณีพิเศษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งมาอยู่แล้ว
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องเสียงจากการชุมนุมรบกวนการเรียนการสอนนั้น ยอมรับว่าคงจะมีผลกระทบบ้าง เช่นที่โรงเรียนราชวินิต มัธยม มีห้องเรียนเพียงบางส่วนที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งตนจะเดินทางไปตรวจสอบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และอาจประสานขอให้ทางพันธมิตรฯ ปรับตั้งเครื่องเสียงให้ไม่รบกวนนักเรียน
ด้าน นายวิบูลย์ หวังรวยนาม รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร.พระนคร) กล่าวว่า คณบดีคณะคณะศิลปศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นคณะที่ตั้งอยู่ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ได้ตัดสินใจประกาศปิดการเรียนการสอน ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ส่วนคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอและออกแบบแฟชั่นยังเปิดเรียนตามปกติ ทั้งนี้ ได้นัดหมายประชุมหารืออาจารย์และผู้บริหาร รวมถึงผู้บริหารโรงเรียนใกล้เคียง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ในวันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 10.00 น.