พันธมิตรฯ เข้าแถวอัด “หมัก” ไม่เข้าใจ ปชต.เหมาะเป็นนายกฯ เผด็จการ ยันพันธมิตรฯ ไม่ปลุกระดมกรณี"พระวิหาร" แต่เอาเรื่องจริงมาตีแผ่ และทำตามคำเรียกร้องของ ปชช. ย้ำชัดพฤติกรรม"ลูกกรอก"ไม่น่าไว้วางใจเอื้อประโยชน์“ทักษิณ” ลงทุนธุรกิจในกัมพูชา "สมเกียรติ"ยันพันธมิตรฯ ไม่ใช่แก๊งข้างถนน แต่เป็น"เทพข้างทำเนียบ" ด้าน"สมศักดิ์"จวก"หมัก"แทรกแซงศาลปกครอง ชี้นำคดีพันธมิตรฯยื่นคุ้มครอง"พระวิหาร"
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เหล่าแกนนำพันธมิตรฯ วิพากษ์ รายการ สนทนาประสาสมัคร
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ขึ้นเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อตอบโต้รายการ “สนทนาประสาสมัคร” ของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
นายพิภพ ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร ดูถูกประชาชนผู้ชุมนุมว่าเป็นแก๊งข้างถนน ว่า คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยนั้น จะไม่ดูถูกประชาชน เพราะการชุมนุมของประชาชนถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนมีสิทธิในการตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล แม้จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะการบริหารงานของรัฐบาลไม่สอดคล้อง ไม่เป็นไปตามนโยบาย ประชาชนไม่เห็นด้วย จึงออกมาเดินขบวนชุมนุมขับไล่รัฐบาล อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่อยู่ดีๆ ประชาชนจะออกมาอย่างไร้เหตุผล ซึ่งก่อนหน้านี้ พันธมิตรฯและประชาชนก็ได้เตือนรัฐบาลหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้อย่าทำ อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 มาตรา 237 แต่รัฐบาลนายสมัคร ก็ไม่ฟังเสียง ซึ่งการออกชุมนุมของประชาชนในตรงนี้เป็นไปอย่างสันติ สงบ อหิงสา จะมาว่าเราเป็นแก๊งข้างถนนไม่ได้ แสดงว่า นายกฯกำลังฉีกรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งไม่ถูกต้อง
ส่วนที่ นายสมัคร บอกว่า หากตนเป็นฝ่ายค้านจะออกมาทำตัวแบบนี้บ้าง ตนก็อยากบอกว่าให้ออกมาเลย และที่กล่าวหาว่าการชุมนุมทำให้เศรษฐกิจเสียหายนั้น ความจริงเศรษฐกิจเสียหายตั้งแต่ ปี 2540 ขณะที่งานวิจัยของประเทศและทั่วโลกออกมามายืนยันว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเสียหายแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นที่ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี มีการประท้วงอยู่เป้นประจำ ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจพัง ระบบระบบเศรษฐกิจจะพังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ สรุปว่า นายสมัคร จะปิดปากประชาชน ไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย.แต่เหมาะเป็นนายกฯระบบเผด็จการ
นายพิภพ ยังกล่าวตอบโต้นายสมัคร กรณีออกมาย้ำว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาว่า ที่ผ่านมาจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก รัฐบาลทุกสมัยก็คัดค้านมาโดยตลอด นายกฯ ไม่ควรจะพลั้งปากว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมรเขาอยากจะยื่นเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็เรื่องของเขา เมื่อเราไม่ยื่นพร้อมกับเขา เราต้องโต้แย้ง ไม่ใช่ยอมรับว่า เป็นของเขาและไปสนับสนุนเขาอีก เมื่อเราโต้แย้งทางยูเนสโกต้องกลับมาถามข้อโต้แย้งของเรา
“ถ้านายสมัครเป็นคนธรรมดา ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีและไปยอมรับ เท่ากับเสียงของคนทั้งประเทศยอมรับ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ ประชาชนไม่ได้ยอมรับ มีแต่รัฐบาลนี้ไปยอมรับ และมากล่าวหาว่า พันธมิตรฯปลุกระดมผมขอยืนยันไม่ใช่การปลุกระดมอย่างแน่นอน นักวิชาการ นักกฎหมายที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นผู้มีความรู้เอาความจริงมาเปิดเผยว่า การที่เขมรเสนอเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเกี่ยวอะไรกับกับการเมืองภายในของเขมรที่จะมีปัญหา เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปตกลงลงทุนทำธุรกิจหลายอย่างกับรัฐบาลเขมร ที่มี นายฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้ารัฐบาลของนายฮุนเซนเปลี่ยนแปลง ก็จะกระทบธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าไปลงทุน ที่เกาะกง ทั้งแหล่งก๊าซ บ่อน้ำมัน สะท้อนให้เห็นว่า นายกฯ ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ เรามีนายกฯ เอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ ส่อขายชาติ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การปลุกระดม แต่เป็นการเอาเรื่องจริงมาพูด เรื่องจริงที่รัฐบาลนายสมัครควรทำกลับไม่ทำ สิ่งที่ควรทำกลับทำ เรื่องนี้นายสมัครต้องถูกถอดถอน” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรามีเหตุผลและความชอบธรรมขับไล่นายสมัคร นายนพดล ปัทมะ และพรรคพลังประชาชนพลัง ทำความเสียหายให้ชาติหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีที่ยอมยกดินแดนให้เขมร เราต้องประท้วงถึงที่สุด เพราะรัฐบาลนี้ทำความเสียหายใหญ่หลวงยากที่จะให้อภัย
"สมศักดิ์"เย้ย"หมัก"หมดสภาพ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออกมาตอบโต้ของนายสมัครวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่าหมดสภาพแล้ว เรื่องเขาพระวิหารนั้น นายสมัครน่าจะเป็นนายกฯ กัมพูชา เช่นเดียวกับนายนพดล ปัทมะ ที่น่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชามากกว่า นายสมัครบอกว่าเราเสียดินแดนไปแล้วเมื่อ 45 ปีก่อน น่าสังเกตว่านายสมัครใช้คำว่าเสียดินแดน ทั้งที่ตามคำตัดสินของศาลโลกเราเสียแค่ปราสาท ซึ่งตามหลักข้อเท็จจริง ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาแต่บันไดและทางขึ้นเป็นของไทย ขณะที่ศาลโลกตัดสินตามแผนที่ฝรั่งเศสที่เขียนขึ้นมาและไทยไม่ได้โต้แย้งแต่แรกเท่านั้น ซึ่งก็ยังเป็นคำตัดสินที่ถกเถียงกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ในข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชาที่นายนพดลลงนามนั้น ในข้อ 1 กลับไปบอกว่า ไทยสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เท่ากับว่ายอมรับเป็นของกัมพูชาโดยสมบูรณ์แล้ว นายนภดลยังมาอ้างว่าตนเองเป็นพระเอกอีก ก็ไม่รู้ว่าเป็นพระเอกตรงไหน
นอกจากนี้ นายสมัครยังดูถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอาชีพตัดเสื้อมานานจนตัดเสื้อขายได้ตัวละหมื่น และออกมาต่อสู้เพื่อปราสาทพระวิหาร เป็นการดูถูกคนที่รักชาติ และกล่าวหาว่า 5 แกนนำพันธมิตรฯ ปลุกระดม ทั้งที่ควาสมจริงแล้วแกนนำ 5 คนนี้ทำตามการเรียกร้องของประชาชน และคนที่มาพูดเรื่องนี้ก็เป้นนักวิชาการ นักการทูต ทั้ง 5 คน ไม่ใช่รู้ทุกเรื่องทั้งหมด ต้องเอาข้อมูลมาจากประชาชน
นายสมศักดิ์ ย้ำว่า นายสมัครยังคงพูดเหมือนเมื่อปี 2518 ที่บอกว่าการชุมนุมของกรรมกรเป็นแก๊งข้างถนน วันนี้ก็บอกพันธมิตรฯ เป็นแก๊งข้างถนนเหมือนกัน แสดงว่านายสมัครยังคิดแบบเดิม และคิดแบบนักการเมืองที่กล่าวหาว่า พันธมิตรฯ เป็นม็อบของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่รัฐบาลเองนั่นแหละที่จัดม็อบ นปก. และขนาดเป็นรัฐบาลก็ยังมุกแป้ก เกณฑ์คนมาได้ไม่กี่คน
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า นายสมัครไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าประชาชนมีสิทธิที่จะตรวจสอบอำนาจรัฐ และขอย้ำว่า รัฐบาลใดก็ตามถ้าไม่ปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือว่าเป็นรัฐบาลเถื่อน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคนที่กล้าโกหกต่อคำสาบานมีแต่คนเถื่อนเท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เห็นได้ชัดว่านายสมัครกลัว เขาบอกว่าวันจันทร์จะมาประชุมที่ทำเนียบให้ได้ เพราะถ้ามาไมได้ก็จะถูกมองว่าไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาล เขาบอกว่ารู้หมดว่าทางเข้าทำเนียบมีกี่ประตู แต่เวลาพูดไปก็สะอึกไปด้วยเป็น 10 ครั้ง แสดงว่าฝืนใจอย่างมาก เพราะรู้ตัวว่าใกล้จะหมดอำนาจแล้ว แต่ใจแข็งเพราะเป็นคนดื้อ
**"หมัก"แทรกแซงศาลปกครอง
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ทนายความพันธมิตรฯ จะยื่นร้องต่อศาลปกครองให้ระงับข้อตกลงเห็นชอบให้กัมพูชาจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า เมื่อเช้านี้นายสมัครได้แทรกแซงศาลปกครองกลางทางอากาศ โดยบอกว่า “ศาลปกครองอายุมากแล้ว คงจะรู้นะว่าอะไรคืออะไร”
“พูดมาได้อย่างไร นายสมัครเป็นฝ่าบริหาร ศาลเป็นฝ่ายตุลาการ คุณไม่ต้องพูดเลย ศาลเขาต้องรู้ว่าอะไรควรอะไรนี่แสดงว่า แกแทรกแซงเองหมด ขณะที่แกนั่งพูด อยู่ในทีวี แกกล้าขนาดนั้น คือแก เหมือนกับละเมิดเลย พูดแบบนี้แปลความง่ายๆ เลยว่า ถ้าไม่ตัดสินอย่างที่แกพูด แสดงว่าไม่รู้เรื่องนะ แล้วที่บอกว่า อายุมากแล้วนะ แสดงว่าคนที่อายุน้อยๆ ไม่รู้เรื่องหรือ”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นี่เป็นวิธีคิดของคนที่ไม่เข้าใจประชาธิปไตย อยากจะสอนนายสมัครให้รู้ว่า ถ้าเป็นประชาธิปไตย แม้แต่เด็ก 3 ขวบพูดก็ต้องฟัง ไม่ใช่ว่าแก่แล้วต้องรู้ทุกอย่าง แก่มะพร้าวเฒ่ามะละกอ ก็มีมาก คนแก่อายุ 70-80 ไม่รู้เรื่องก็มีเยอะ กรณีเขาพระวิหารมันเป็นเรื่องที่คนไทยไม่เห็นด้วยที่จะมอบให้กัมพูชาไปจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว แต่นายสมัครกับนายนภดลกลับมอบให้ไป จึงอยากถามว่า ระหว่างนายสมัคร-นายนภดลกับคนไทยทั้งประเทศ ใครรักประเทศไทยมากกว่ากัน และสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ เป็นการทำตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณหรือไม่
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่นาสมัครได้พูดถึงเรื่องปุ๋ยในรายการว่า นายสมัครพูดถึงเรื่องนี้มาก แต่เท่าทีดู ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย จึงอยากให้นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ ช่วยมาสอนนายสมัครหน่อยว่า เป็นงานของนายสมศักดิ์ ทำไมมาแย่งไปทำ แล้วพูดไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนที่นายสมัครพูดถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ของการรถไฟฯ แล้วอ้างว่าเป็นผลงานของตัวเองนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ทำไมนายสมัครไม่พูดเรื่องที่ดินรถไฟบุรีรัมย์ที่ถูกคนในตระกูลชิดชอบยึดไป ทั้งๆ ที่เป้นที่ดินซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานเอาไว้ และครอบครองปฏิปักษ์ไม่ได้ ทำไมไม่บอก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้เอาที่ดินตรงนี้กลับมา ประเด็นที่ 2 เรื่องค่าเช่าที่ดินรถไฟของห้างเซ็นทรัล ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปต่อสัญญาไว้ ทำให้การรถไฟสูญเสียรายได้ 2-3 หมื่นล้านบาท เพราะแทนที่จะได้ค่าเช่าอัตราเดียวกับมาบุญครอง แต่ได้แค่ปีละไม่กี่ร้อยล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ที่เอกชนสร้างไม่เสร็จตามสัญญา ต้องปรับวันละ 12 ล้านบาท แต่กระทรวงคมนาคมไปต่อสัญญาให้ และขอรับภาระดอกเบี้ยเองวันละ 3 ล้านบาท
ส่วนเรื่อง ขสมก. ที่นายสมัคร อ้างว่ามีการโกงกิน ที่เรียกว่าขี่ช้าง และจะปลดพนักงาน 9 พันคนนั้น อยากถามคนที่อยู่ในสหภาพ ขสมก. ว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง ให้สหภาพฯ ออกมาแสดงตัว และชี้แจงว่าจุดยื่นของสหภาพฯ อยู่ตรงไหน
**"สมเกียรติ"ยันพันธมิตรฯ เป็น"เทพข้างทำเนียบ"
ด้านสมเกียรติ ได้กล่าวว่า กำพืดของนายสมัครนั้น เคยโหมโรงให้มีการเข่นฆ่านักศึกษาในยุค 6 ตุลาฯ 2519 ซึ่ง ตามรายงาน คณะกรรมการชำระ ประวัติศาสตร์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 47 คน และนายสมัครได้รับปูนบำเหน็จเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาละวาดคนไปทั่ว หนังสือดีๆ ก็ไม่ให้อ่าน หนังสือพิมพ์ก็สั่งปิด หลังจากนั้นมารับใช้เผด็จการสุดๆ คือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาคม ปี 35 จน จน พล.ต.จำลองต้องออกมาไล่ มาคราวนี้ นายสมัครในฐานะหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มาต่อสู้กับ พล.ต.จำลองอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยออกอาการ เพราะเห็น พล.ต.จำลองแล้วจะแพ้ทาง จึงเกิดอาการหงุดหงิด จ้องหน้านักข่าว เมื่อวานก็ขับรถไปจอดให้รถติดกลางถนนจะได้มันดี
นายสมเกียรติ เล่าว่า ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 นั้น มีพรรคการเมืองที่ถูกเรียกว่าพรรคมาร 5 พรรค รวมถึงพรรคประชากรไทยของนายสมัคร ไปเชิญพล.อ.สุจินดามาเป็นนายกรัฐมนตรื ซึ่งพล.อ.สุจินดาก็อ้างว่าเสียสัตย์เพื่อชาติ มาเป็นนายกรัฐมนตรี จนต้องถูกขับไล่และอยู่ไม่ได้ นายสมัครถึงกับออกอาการ เมื่อนักข่าวถามก็บอกให้นักข่าวหุบปาก จนถูกตอบกลับว่าคุณนั่นแหละหุบปาก ซึ่งแสดวว่าเขาไม่เคารพนายสมัครแล้ว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า วันนี้ นายสมัครกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เป็นแก๊งข้างถนน ซึ่งที่จริงไม่ใช่ เราเป็นเทพข้างทำเนียบ ที่มาไล่แก๊งโจรที่อยู่ในทำเนียบ ซึ่งเป็นแก๊งโจรขายแผ่นดินให้ออกไป เพราะข้อหาต่างๆ รวมถึงการจาบจ้วงในหลวง ก็เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว
**ไล่"หมัก"กลับไปอ่าน รธน.
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า คงต้องไล่ให้นายสมัครไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 63, 64 ที่ระบุให้ประชาชนมีสิทธิที่จะจัดการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ขอให้นายสมัครหัดอ่านหนังสือบ้าง อย่าสนใจแต่รถเมล์ 6 พันล้าน รถขนยะ 7 พันล้าน รถดับเพลิง 6 พันกว่าล้าน และหัดไปดูคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2549 ที่ชี้ขาดว่าประชาชนสามารถชุมนุมบนท้องถนนได้ตามสิทธิเสรีภาพ ยกเว้นในภาวะฉุกเฉินหรือการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งถ้านายสมัครต้องการสลายการชุมนุม ก็ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ทำไมนายสมัครไม่กล้าประกาศ แต่อยากแนะนำว่า ถ้าประกาศภาวะฉุกเฉินก็คงจะมีทหาร 1 คนคือ ว่าที่ ร.ต.ดวง อยู่บำรุง และตำรวจอีก 1 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เท่านั้นที่จะยอมทำตาม เพราะตำรวจทหารทั่วประเทศไม่เอาด้วย
นอกจากนี้ อยากให้ไปดูคำพิพากษาศาลปกครองกลางสงขลา กรณีสลายการชุมนุมต่อต้านท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งศาลฯ ระบุว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ยกเว้นในภาวะฉุกเฉินพิพากษาให้ตำรวจจ่ายชดเชยให้ชาวบ้านคนละ 1 หมื่นบาท และให้ดำเนินคดีอาญาตำรวจอีก ซึ่งประเด็นนี้ตำรวจกลัว เขาไม่อยากทำ เพราะเขาก็เป็นเพื่อน เป็นลูกหลาน และเป็นมิตรกับประชาชน เพราะฉะนั้นนายสมัครสั่งใครไม่ได้แล้ว
**จับโหก “หมัก”อ้างไทยไม่เคยท้วงกัมพูชา
นายสมเกียรติ ยังได้ขอให้นายสมัครเปิดรัฐธรรมนูญอ่านมาตรา 175 ที่ว่าด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนที่รัฐมนตรีจะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งในคำปฏิญาณนั้นระบุไว้ชัดเจน ว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศและประชาชน แต่เมื่อเช้านายสมัครได้พูดในรายการว่าเราเสียดินแดนให้เขมรไปแล้ว จึงไม่ทราบว่ารักษาผลประโยชน์ให้ประเทศตรงไหน
“ถ้าเรามีผู้นำประเทศที่โกหก หากินไปวันๆ ตลบตะแลงวันๆ เราจะยอมรับไหม นายสมัครบอกว่าเราไม่เคยประท้วงเรื่องนี้ แต่ผมจะขออ่านคำประท้วงของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินไปแล้ว 10 วัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ยื่นประท้วงเอาไว้”นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ ได้อ่านคำประท้วง ซึ่งมีใจความสรุปได้ว่า รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ประกาศต่อประชาชนแสดงความไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลที่กล่าวข้างต้น โดยมีเหตุผลว่า ตามความเห็นของรัฐบาล คำพิพากษาขัดต่อข้อกำหนดอันชัดแจ้งของบทที่เกี่ยวเนื่องของสนธิสัญญา ค.ศ.1904 (พ.ศ.2447) และ ค.ศ. 1907 (พ.ศ.2440) และขัดต่อหลักกฎหมาย และความยุติธรรม ...ในการตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในคดีเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารนั้น รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรารถนาที่จะตั้งข้อสงวนอันชัดแจ้งเกี่ยวกับสิทธิใดๆ ที่ประเทศไทยมีหรืออาจมีในอนาคต เพื่อเอาปราสาทพระวิหารกลับคืนมา
นายสมเกียรติกล่าวว่า รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้สงวนสิทธิที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหาร แล้วรัฐบาลนายสมัครเป็นรัฐบาลของใคร ล่าสุดนายนพดลได้ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ ยืนกรานว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายไทยคงไม่คัดค้านหรือให้กัมพูชาเลื่อนการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างแน่นอน เท่ากับว่าตอนนี้คนทั้ง 64 ล้านคนล้วนแต่รักชาติ แต่มี 35 คนในซ่องโจรนี้เท่านั้นที่ไม่รักชาติ
นายสมเกียรติย้ำว่า ใครที่บอกว่าเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มีคนตายคนเดียว ใครบอกว่า ไม่มีเวลาไปฟังอภิปรายทั่วไปของวุฒิสภา แล้วสุดท้ายก็บอกว่าจะไปฟัง ใครบอกว่าไม่ให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่มีเวลาแล้วสุดท้ายก็ตาลีตาเหลือกให้เปิด และใครบอกว่า ไทยไม่เคยประท้วงกัมพูชาเรื่องเขาพระวิหาร ทั้งที่มีการประท้วงตามที่อ่านไปแล้ว คนแบบนี้ เราเรียกว่า “กระบือเลี้ยงแกะ” นี่เป็นภาษิตของพันธมิตร
ทนอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ครั้งที่แล้ว เมื่อปี 2550 ที่เมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ รัฐบาลไทยที่มาจากการรัฐประหารได้ประท้วงการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะเกรงว่าวิหารส่วนหนึ่งที่อยู่ในเขตไทยจะเป็นของกัมพูชาไปด้วย เนื่องจากศาลโลกให้เป็นของกัมพูชาเฉพาะปราสาทพระวิหารเท่านั้น นอกจากนี้ แผนที่ของกัมพูชาที่ฝรั่งเศสเขียนขึ้นใหม่ใน มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 นั้น เขียนสันปันน้ำผิด ไม่ปรากฏบนภูมิประเทศจริง
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีชาวเขมรล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย 500 เมตร เข้ามาอยู่หลายร้อยครอบครับ แล้ว ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ฝ่ายไทยกลับปล่อยให้เขมรมาอยู่ ไม่รักษาอธิปไตยของชาติ ซึ่งทหารมีหน้าที่ตามมาตรา 77 แต่ถ้าทหารไม่ทำ ก็เหลือคนกลุ่มเดียวที่ต้องทำคือประชาชน