รอง ปธ.สภาฯ ส่งไม้ต่อญัตติซักฟอกถึงมือ “ปู่ชัย” เสนอที่ประชุม ส.ส.ลูกกรอก ใช้ ม.179 เปิด 2 สภา “อภิสิทธิ์” ขู่หากไม่บรรจุญัตติถือว่าไม่ปฏิบัติตาม รธน. อาจถูกถอดถอนได้
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยื่นมาเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ว่า ตนได้ส่งญัตติดังกล่าวให้แก่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะเปิดอภปิรายได้เมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าเรื่องกรอบเวลาไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนที่ ส.ส.และส.ว.จะเข้าชื่อตามมาตรา 129 เพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอีกครั้งนั้น เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลควรใช้โอกาสกลไกของรัฐสภา ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาด้วยการเป็นผู้ขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 179 ซึ่งตนในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชาชนคนหนึ่งก็จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมพรรคด้วย
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่จะให้อภิปายหรือไม่ ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล เพราะส.ส.ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และหน้าที่ของประธานสภาฯ คือ ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทราบภายใน 7 วัน เมื่อไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง หน้าที่ของประธานสภาฯ คือบรรจุระเบียบวาระเร่งด่วน ตามข้อบังคับ ซึ่งตราขึ้นตามรัฐธรรมนูญ และประกาศในราชกิจจานุเษกษา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมศักดิ์ระบุว่าเป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผล ถ้าเราไปพูดอย่างนี้ต่อไปวันข้างหน้า รัฐธรรมนูญในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่มีความหมายเลย ส.ว.เสนอญัตติก็ตัดสินใจไม่ต้องมาตอบก็ได้ แล้วบทบัญญัติที่ให้มีการอภิปราย หรือทำอะไรจะปฏิบัติจริงหรือการบังคับใช้ และเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลไม่รับผิดชอบต่อรัฐสภา ทั้งนี้ ตนก็ต้องดูว่าประธานสภาฯ ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับการประชุมสภาฯ หรือไม่ เพราะหน้าที่ของประธานสภาฯ คือ ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ และบรรจุเข้าระเบียบวาระ จากนั้นจึงแจ้งให้รัฐบาลทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมศักดิ์ระบุว่ารัฐบาลควรให้เปิดอภปิรายทั่วไปตามมาตรา 179 โดยจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมพรรคพลังประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตรา 179 เป็นอำนาจของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลเห็นสมควรเปิดตามมาตรานี้ก็สมควรเปิดได้ ต่อข้อถามว่า ดูท่าทีแล้วต้องการที่จะบรรจุญัตติเพื่อให้ญัตติตกไปแล้วให้ไปหาช่องทางตามมาตรา 129 เอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่ามติจะตก เพราะในมาตรา 158 ระบุเกี่ยวกับการยุบสภาด้วย และเห็นได้ชัดว่าญัตติจะสิ้นไปเมื่อมีการถอน หรือการอภปิรายเท่านั้น และต้องยึดถือตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าญัติอย่างนี้ และการอ้างข้อบังคับการประชุมไม่สามารถอยู่เหนือรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งทุกคนต้องปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น รัฐบาลมีเสียงข้างมาก ถ้ามั่นใจข้อมูลและมั่นใจว่าชี้แจงได้ก็เป็นผลดีต่อรัฐบาลเสียอีกที่จะทำให้ประชาชนรับรู้รับทราบว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านตรวจสอบและสงสัยมีคำอธิบายหมด จึงไม่มีอะไรน่ากลัว
“ในส่วนของ ส.ว.คงไม่ไปก้าวล่วงเขาก็ต้องพิจารณา แต่ประเด็นของผมมีอยู่ว่าทุกคนต้องสามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้ ถ้าเราไม่ให้คนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมันก็เหมือนว่าเราไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญที่เขียนบทบัญญัติเหล่านี้ไว้ยิ่งยืนยันว่าต้องเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลนี้พยายามอ้างความชอบธรรมจากการมาตามระบอบประชาธิปไตย แต่รัฐบาลกลับไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตยเสียเองก็จะยิ่งทำให้เกิดปฏิกิริยามากขึ้นในสังคม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อถามว่า คิดว่าการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะเดินทางไปชุมนุมหน้าทำเนียบจะมีความรุนแรงหรือไม่ นายยอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านได้พยายามทุกอย่าง เวลาที่ประชาชนเดือดร้อนจากการที่รัฐบาลบริหารงานเมื่อเห็นว่าล้มเหลวก็ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนก็อยากให้รัฐบาลใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คลี่คลายได้ แต่หากตอบปัญหาไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเอง
เมื่อถามว่าถึงเวลาหรือยังที่จะใช้มาตรา 129 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา เพราะตนยืนยันว่าการที่จะอภิปรายในสมัยประชุมนี้อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลและประธานสภาฯ จัดให้ได้ ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปพิจารณาต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญอีกสมัยหนึ่ง เพราะตนเห็นว่าอภิปรายได้แต่อยู่ที่รัฐบาล เมื่อถามว่าดูการทำหน้าที่ของนายชัยแล้ว ถ้ามีการละเมิดรัฐธรรมนูญเข้าข่ายถอดถอนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้านายชัยจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญก็เข้าข่ายถูกถอดถอนอยู่แล้ว แต่เราอย่าไปกล่าวหารัฐบาลล่วงหน้า อาจจะมีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ แต่ยังไม่ได้ดูบทบัญญติของรัฐธรรมนูญก็ได้ ก็ขอให้กลับไปดูและทำให้ถูกต้อง ส่วนเรื่องเวลาอยู่ในวิสัยที่รัฐบาลทำได้ทั้งสิ้น รัฐบาลอยากให้มีอภิปรายเมื่อไหร่ก็ทำได้ทั้งนั้น ดังนั้นไม่มีปนะเด็นที่ใครจะมาบังคับรัฐบาลว่าไม่ให้มีการอภิปรายขึ้นอยู่กับรัฐบาลเอง