“สนธิ” ปลุกพลังศีลธรรมออกมาขับไล่ความชั่วร้ายของ “ระบอบทักษิณ” ให้หมดสิ้นไป ย้ำเตือนภารกิจสำคัญวันจันทร์ขับไล่ กกต.บางคนที่สมคบกันโกงเลือกตั้งกับพรรคพลังประชาชน ระบุคนอย่าง “เหลิม-หมัก” คนรับใช้ไร้ราคาเกินกว่าจะกล่าวถึง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ เวลาประมาณ 21.45 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เวลานี้สังคมกำลังแบ่งขั้วกันชัดเจนแล้วระหว่างประชาชนที่นั่งอยู่ที่นี่และประชาชนที่ดูเอเอสทีวีนับสิบล้านคนที่ต้องการราชอาณาจักรอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายสนธิ กล่าวว่า ส่วนอีกพวกหนึ่งต้องการไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ ที่เริ่มเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ที่พรรคไทยรักไทยและมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีความฮึกเหิม จาบจ้วง ใช้ทุนสามานย์รุกเข้าไปในทุกวงการทั้งระบบราชการ ทหาร ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรม
“พวกเราจึงทนไม่ไหวต้องออกมาชุมนุมครั้งแรกที่ลานพระรูปทรงม้า จากวันนั้นพลังศิลปธรรมได้เติบโตออกไปตลอดเวลา แม้จะมีอุปสรรคต่างๆ นานาก็ตาม” นายสนธิ ระบุ และยังชี้ให้เห็นถึงการกลับมาของระบอบทักษิณที่ใช้เงินซื้อและใช้เครือข่ายที่วางไว้แต่เดิมเพื่อคืนสู่อำนาจอีกครั้งในนามพรรคพลังประชาชน ส่วนการเดินเกมระหว่างก็ใช้บุคคลเช่น นายจักรภพ เพ็ญแข เป็นเบี้ยตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเว็บไซต์จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งมี กกต.บางคนที่สมคบกันโกงเลือกตั้ง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่ากลุ่มคนพวกนี้ทำกันเป็นขบวนการเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สาธารณรัฐ
“ดังนั้น เมื่อสังคมเลือกข้างแบบนี้แล้ว ถ้าใครต้องการราชอาณาจักรที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็ขอให้มาร่วมกับเรา ออกมาเป็นพลังทางศิลธรรมเอาชนะความชั่วร้ายในบ้านเมือง” แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ระบุ และว่าคนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และสมัคร สุนทรเวช เป้นแค่คนรับใช้ ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่มีราคาในสายตาพวกเรา
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมคนอย่างนายเนวิน และนายยงยุทธ ยังต้องสู้จนสุดชีวิต เพราะถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งเชียงรายและบุรีรัมย์ก็จะถุกขุดรากถอนโคน พร้อมทั้งได้แฉกำพืดและพฤติกรรมกลับกลอกของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้พูดทุกอย่างและยอมรับใช้คนที่มีอำนาจเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ ซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเป็นนายสิบทหารบก ดังนั้นอย่าไปแปดเปื้อนกับคนพวกนี้
นายสนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการปรามาสกันว่าคนจะออกมาร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯน้อยลงเรื่อยๆ หรือก็ว่าอีกหน่อยก็จะหมดไปเองเพราะไม่มีเงิน ไม่ต้องไปสนใจอะไรทำนองนี้ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างกลายเป็นตรงกันข้าม และคนพวกนั้นลืมไปว่าคนที่ออกมาชุมนุมไม่ได้รับเงินก้อนจากทักษิณ และเวลานี้เอเอสทีวีเป็นของพี่น้องประชาชน ดังนั้นจะยอมให้ปิดหรือไม่
ในตอนท้าย นายสนธิได้ย้ำอีกถึงภารกิจในวันจันทร์เวลา 10 โมงเช้าที่ต้องรวมพลังกันไปขับไล่ กกต.บางคน และถือเป็นครั้งสำคัญมากอีกครั้งหนึ่งที่พลังทางศีลธรรมที่ต้องออกมาให้มากที่สุดเพื่อไล่ความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป