“ภูวดล ทรงประเสริฐ” ชำแหละวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก “ดร.เป็ดเหลิม” สุดโหลยโท่ย ไร้มาตรฐาน แค่ชื่อยาวก็เป็นกิโล แถมบทคัดย่อภาษาไทยกับอังกฤษแปลความหมายคนละเรื่อง เรียกร้อง ม.รามฯทบทวนใหม่ ขณะเดียวกัน ยังชี้ว่าเรื่องดังกล่าวสะท้อนความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยที่มากับระบอบทักษิณ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย
วันนี้ (10 มิ.ย.) เวลาประมาณ 22.00 น.ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวานฯ ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดโปงวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ว่าเป็นวิทยานิพนธ์กำมะลอ และไร้มาตรฐานของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยมาตรฐานทั่วไป
อย่างไรก็ดี ก่อนจะกล่าวถึงเรื่องวิทยานิพนธ์ ดร.ภูวดล ได้เปิดโปงประวัติการศึกษาของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่าปกปิดวุฒิการศึกษาระดับโรงเรียนนายสิบทหารบก โดยเริ่มจากระดับประถมศึกษาแล้วข้ามไประดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท ส่วนประวัติการทำงานก็เช่นเดียวกัน ไม่กล่าวถึงช่วงรับราชการเป็นนายสิบทหารบก และสารวัตรทหาร แต่เริ่มที่สารวัตรแผนก 4 กองปราบปรามเลย
นอกจากนี้ ดร.ภูวดล ยังได้แฉประวัติวันเกิดของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2491 ดังนั้น การจัดงานวันเกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมาน่าจะเป็นการหวังผลอะไรบางอย่าง เพราะมีการเลี้ยงโต๊ะจีนถึง 150 โต๊ะ
ดร.ภูวดล ซึ่งเป็นอาจารย์สอนระดับปริญญาโทและเอกที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วย ได้วิจารณ์วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ทั้งหมด 200 กว่าหน้า แต่มีสาระแค่ 80 กว่าหน้าเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังเป็นวิทยานิพนธ์ที่มีชื่อยาวที่สุดในโลก เพราะยาวถึง 3 บรรทัดว่า “ปัญหาการบังคับใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา : ศึกษากรณีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง” ส่วนเป็นภาษาอังกฤษกลับยาวถึง 5 บรรทัด ซึ่งผิดวิสัยหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ดีที่ต้องสั้นกระชับและเข้าใจง่ายที่สุด
ดร.ภูวดล ย้ำว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจดูแคลนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะเป็นมหาวิทยาลัยของประชาชน อีกทั้งตัวเองยังเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย แต่ตนรับไม่ได้ที่มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางคนไปรับใช้นักการเมืองบิดเบือนหลักการศึกษา และเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการศึกษาจนบิดเบี้ยว
ดร.ภูวดล ยังได้เปิดโปง นายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มีชื่อเป็นกรรมการที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยระบุว่า เป็นศาสตราจารย์ประจำ ทั้งที่ยังไม่เคยเป็นแม้กระทั่ง รองศาสตราจารย์ หรือผู้ช่วยศาสตราจารย์ แต่กลับแต่งตั้งตัวเองเป็นศาสตราจารย์ประจำ ซึ่งไม่มีที่ใดในโลก
ขณะเดียวกัน ดร.ภูวดล ยังระบุอีกว่า นายรังสรรค์เป็นนักประสานผลประโยชน์และสมคบกับระบอบทักษิณ และสร้างเครือข่ายเพื่อรับใช้พรรคไทยรักไทยในอดีต ขณะที่นายกสภามหาวิทยาลัยคนปัจจุบัน คือ นายประจวบ ไชยสาส์น ซึ่งเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ดังนั้นจึงไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย และในยุคของคนเหล่านี้มีลูกชายของ “ไอ้หน้าเหลี่ยม” มาเรียน และโกงข้อสอบด้วย
ดร.ภูวดล วิจารณ์วิทยานิพนธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อีกว่ามีนายรังสรรค์เป็นประธานกรรมการวิทยานิพนธ์ ส่วนกรรมการส่วนใหญ่ก็เป็นคนในระบอบทักษิณแทบทั้งนั้น เช่น พล.อ.ดร.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ยุค 3 หนาห้าห่วง รวมทั้งนักวิชาการอีกคนที่ต้องเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เพราะเขียนบทความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมอยู่ด้วย
ดร.ภูวดล ตั้งข้อสังเกตอีกว่า ในบทคัดย่อภาษาไทย ระบุว่า วิทยานิพนธ์นี้เป็น “งานวิจัยเชิงคุณภาพ” แต่ในบทคัดย่อภาษาอังกฤษกลับแปลได้ความว่า เป็น “การวิจัยเชิงปริมาณ” ซึ่งเป็นคนละเรื่อง นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษยังมีที่ผิดมากมาย ไม่ทราบว่า วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ปล่อยให้ผ่านออกมาได้อย่างไร เพราะถ้าพิจารณาโดยทั่วไปแล้วอย่าว่าแต่ระดับปริญญาเอกเลย แต่ระดับปริญญาตรี ปริญญาโทยังไม่ให้ผ่านเลย และถ้าดูกันจริงๆ รายงานของลูกศิษย์ระดับปริญญาตรีของตนยังทำได้ดีกว่านี้
ดร.ภูวดล ชี้อีกว่า วิทยานิพันธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่า เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ แต่ทั้งหมดกลับเป็นการอ้างอิงผลงานจากนักวิชาการคนอื่นๆ ที่ทำไว้แล้ว หรือที่เรียกว่าเป็นการอ้างอิงจากเอกสารชั้นรอง ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารชั้นแม้แต่ชิ้นเดียว จึงไม่ทราบว่าเรียกงานวิจัยนี้เป้นการวิจัยเชิงคุณภาพได้อย่างไร ขณะที่ในบรรณานุกรมได้อ้างอิงงานวิจัยของชาวต่างประเทศอย่างยาวเหยียดถึง 3 หน้า ทั้งที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก
ดร.ภูวดล ได้เรียกร้องให้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง และสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงถอดถอนวิทยานิพนธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม เสียใหม่ เพื่อศักดิ์ศรีของชาวรามคำแหง อย่าปล่อยให้นักการเมืองชั่วเข้ามาหากินกับมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้นายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงลาออกด้วย
“ถ้ามีวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกแบบนี้ มหาวิทยาลัยรามคำแหงแห่งนี้ก็สามารถผลิตดุษฎีบัณฑิตได้อีกปีละนับ 1 ล้านคน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ สตง.ไปตรวจสอบงบการเงินของโครงการภาคพิเศษของมหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศด้วย เพราะมีการใช้เงินจากการรูดรีดประชาชน” ดร.ภูวดล ระบุ
ดร.ภูวดล กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจะขอเรียก ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ด็อกเตอร์กำมะลอ เพราะแค่บอกว่าจบปริญญาตรี ยังน่าสงสัยเลยว่าจบมาได้อย่างไร