“ประพันธ์-วีระ” ชี้ “ระบอบทักษิณ” ไม่หยุดล้างแค้น คตส.แน่ เชื่องัดทุกกลยุทธ์สู้ หวั่นความจริงปรากฏต้องติดคุก ฝากกระบวนการยุติธรรมตัดสินด้วยความกล้าหาญ อย่าให้อำนาจเงินแทรก ด้าน “วีระ” ท้าฟ้อง ยืนยัน “หมัก” วิ่งเต้นคดีหมิ่นรองผู้ว่าฯ กทม.จริง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "สภาท่าพระอาทิตย์"
วันนี้ (9 มิ.ย.) ประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนพยายามขัดขวางไม่ให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ต่ออายุออกไปอีกหนึ่งปีว่า ต้องยอมรับว่ากระบวนการตรวจสอบการทุจริตเอาคนผิดมาลงโทษยากมาก เพราะพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ในขณะนี้ได้ใช้อำนาจกลไกทางกฎหมาย รวมถึงอำนาจเงินสกัดการตรวจสอบที่ผ่านมาของของ คตส.ทุกทาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พยายามขัดขวางการต่ออายุของ คตส. ดังนั้น คตส.จึงต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก เพราะทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยังได้ให้ทนายความไปฟ้อง คตส.ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาหลายคดีเพื่อให้ทำงานไม่สะดวก จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์ระบอบทักษิเลวร้ายชั่วร้ายมาก ดังนั้น กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาและใช้ความกล้าหาญของศาลยุติธรรมในการตัดสินคดี
นายประพันธ์ยังได้กล่าวตอบโต้พรรคพลังประชาชนที่บอกว่าเมื่อคดีของ พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว พันธมิตรฯ ก็ควรหยุดว่า คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานเพิ่งจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพียงแค่ 2 คดี และคดีก็ยังไม่ถึงที่สุด อีกหลายคดียังค้างอยู่ที่อัยการ จึงเป็นเหตุให้ระบอบทักษิณพยายามตัดตอนเพื่อยุติการดำเนินการของ คตส.โดยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้า คตส.พ้นอำนาจไป และเขาสามารถแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ ทุกอย่างก็จบ สิ่งที่ คตส.ทำมาเสียเปล่า ดังนั้น เราต้องสนับสนุนกระบวนการยุติธรรม ฝากตุลาการใช้ความกล้าหาญ เอาคนผิดโกงชาติมาลงโทษให้อย่าให้คนเหล่านี้แทรกแซงได้ เพราะถ้ากระบวนการยุติธรรมสิ้นหวัง ประชาชนทนไม่ไหวอาาจะพิพากษาเอง บ้านเมืองก็จะลำบาก
อดีต สนช.ยังกล่าวถึงคดีหมิ่นประมาทรองผู้ว่าฯ กทม.ที่ศาลชั้นต้นตัดสินนายสมัครว่ามีความผิดโดยไม่รอลงอาญาว่า ขณะนี้รอเพียงศาลอุทธรณ์อ่านคำตัดสิน ถ้าศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น นายสมัครก็สิ้นสุนความเป็น ส.ส.และเท่ากับว่าตำแหน่งนายกรัฐมนนตรีต้องสิ้นสุดด้วย ซึ่งเท่าที่ดูคดีหมิ่นประมาทนี้ไม่มีประเด็นข้อกฎหมายที่นายสมัครจะไปยื่นฎีกาได้ คดีหมิ่นประมาทเป็นประเด็นข้อเท็จจริง จึงไม่มีข้อกฎหมายอะไรที่นายสมัครจะนำไปอ้าง จึงเป็นเหตุให้นายสมัครหาทางยื้อถึงที่สุด ขณะนี้เราจึงรอให้ศาลอ่านคำพิพากษาให้เร็วๆ ผู้ชุมนุมจะได้กลับบ้าน
นอกจากนี้ นายประพันธ์ยังกล่าวถึงระบอบทักษิณได้ส่งคนของตัวเองเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง โดยเฉพาะการบินไทย และการท่าอากาศยานฯ (ทอท.) เนื่องจากมีคดีเชื่อมโยงการทุจริตในสมามบินสุวรรภูมิหลายโครงการ มูลค่ารวมหลายแสนล้าน โดยเฉพาะบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่ได้รับสัมปทาน มีการฮั้วกันเพื่อแบ่งผลประโยชน์ให้พวกธุรกิจการเมืองหากินกัน ในการเช่าพื้นที่ทำผิดสัญญา สร้างความเสียหายให้ชาติมหาศาล ประธานบอร์ดที่เคยมาจากทหารอากาศ ก็เปลี่ยนเป็น ผอ.สำนักงบประมาณ และยังมีนายสมบัติ อมรวิวัฒน์ คนของระบอบทักษิณทั้งนั้น ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างคาอยู่ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อส่งของตัวเองเข้ามาแล้วจะเป็นอย่างไร
“เวลานี้นายสมัครไม่ได้คิดแก้ปัญหาอะไรให้บ้านเมืองเลย ดีแต่คิดโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ตัวเองจะได้ผลประโยชน์ เรื่องการเปลี่ยนรถเมล์ที่มีผลประโยชน์กว่า 6 พันล้าน ก็จะนำเข้า ครม.วันนี้ นี่ก็ขยาวงเงินสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีก ผลประโยชน์ใต้โต๊ะก็มากตามไปด้วย” นายประพันธ์กล่าว
ด้าน นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า เชื่อขบวนการทำลาย คตส.ขณะนี้ยังไม่ใช่หมัดสุดท้าย เพราะพวกนี้ต้องการล้างแค้น คตส.มากกว่านี้แน่นอน เพราะพวกนี้เคยพูดไว้ตั้งแต่ต้นว่าถ้า คตส.เล่นงานนายใหญ่ คตส.จะต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่ในทางกลับกัน ตอนนี้นายเค้าหัวซุกหัวซุนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ มีอย่างที่ไหนเอาอธิปไตยไทยไปยกให้เขมรได้อย่างไร ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ประชาชนสามารถจับได้เลย
“พวกลิ่วล้อทักษิณคิดว่า คตส.ไม่ให้ความเป็นธรรม คตส.ไม่ใช่ศาลที่จะตัดสินชี้ขาด ควรรอให้กระบวนการยุติธรรมเดินให้จบเสียก่อน ไม่ใช่มาตัดตอน อยากถามว่ากลัวอะไรถ้าไม่ได้ทุจริต หรือว่ากลัวความจริงจะเปิดเผยต่อสังคมจนต้องติดคุก อยู่เฉยๆ ก่อนสิครับ ถ้าไม่ผิดศาลก็ยกฟ้องเอง ถ้าทักษิณไม่ยอมรับกติกาแบบนี้ก็อยู่ประเทศไทยไม่ได้ ตอนนี้ประชาชนกำลังจับตาดูอยู่ พบหลายคดี คตส.สรุป อัยการก็ไม่ทำ”
นายวีระ ยังกล่าวถึงคดีที่นายสมัครหมิ่นประมาทรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า เรื่องที่ตนพูดว่านายสมัครไปวิ่งเต้นล้มคดีนั้นยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ขณะนี้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เขียนเสร็จแล้ว เพียงแต่รออ่านคำพิพากษาเท่านั้นเอง ไปถามนายสมัครได้ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นจริงหรือไม่ ตนขอท้านายสมัครว่าถ้าไม่ใช่เรื่องจริงให้ฟ้องตนได้เลย จะได้ขอเอาคำสั่งศาลมาเปิดเผยให้รู้กันไปเลย ตนนำเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยด้วยความสุจริต ทำเพื่อปกป้องส่วนรวม