“วีระ” เชื่อหลักฐานเด็ด ศาลลากคอ “แม้ว-อ้อ” เข้าคุกวันนี้

“วีระ” เปิดใจ วันนี้ที่รอคอย หลังติดตามคดีที่ดินรัชดาฯ ตั้งแต่ปี 46 เผยหลักฐานเด็ดมัดคอ “แม้ว-อ้อ” เข้าคุกได้แน่ ระบุกองทุนฟื้นฟูฯ ซื้อที่ดินรัชดาฯ ปี 38 ราคา 1.8 พันล้าน ก่อนเปิดประมูลขาย “อ้อ” ปี 46 แค่ 772 ล้านบาท ทั้งที่ราคาจริงควร 2.8 พันล้าน แฉทำลายหลักฐานเดิมสร้างหลักฐานใหม่เป็นซื้อมาแค่ 300 ล้าน ขณะข้อบังคับกองทุนฟื้นฟูฯ ห้ามขายหลักทรัพย์ขาดทุน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวีระ สมความคิด ปราศรัย 

นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ในฐานะผู้ฟ้องคดีทุจริตการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ถึงการอ่านคำพิพากษาคดีในวันนี้ว่า ตนรอคดีนี้มานาน เพราะได้ติดตามาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งตำรวจไม่ดำเนินคดีเสียที ถ้าไม่มีการรัฐประหารในปี 2549 ไม่เกิด คตส.คงจะไม่มีคดีที่ดินรัชดาฯ ที่จะตัดสินในวันนี้

นายวีระ กล่าวต่อว่า จะขอทบทวนว่าทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในฐานะจำเลยของคดีนี้จึงสมควรจะติดคุก ไม่ได้เป็นการมาพูดก่อนศาลตัดสิน แต่อยากให้พี่น้องได้รับทราบหลักฐานข้อมูล และพิจารณาดูว่าสมควรติดคุกหรือไม่ ดังนี้

1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้มีอำนาจควบคุมตรวจสอบหรือดำเนินคดีของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้ใช้บัตรประจำตัวนายกรัฐมนตรี เซ็นมอบอำนาจให้คู่สมรสของตนเองเข้าร่วมเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาซื้อขายที่ดินของรัฐกับหน่วยงานที่อยู่ภายใต้อำนาจกำกับดูแลของตนเอง

2.การทำสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวของคุณหญิงพจมาน คู่สมรสนายกรัฐมนตรี อาจผิดกฎหมาย ป.ป.ช. เนื่องจากเป็นการกระทำที่ มีการขัดกันของประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งมีการบัญญัติห้ามเอาไว้ มิให้พนักงานของรัฐเข้าไปเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญากับหน่วยงานของรัฐซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งก็คือของ พ.ต.ท.ทักษิณเอง

3.กระบวนการประมูลซื้อที่ดินดังกล่าวส่อพิรุธ จนอาจเป็นการประมูลที่เอื้อประโยชน์ต่อคุณหญิงพจมาน เช่น ก่อนที่จะมีการประมูลมีการออกข้อจำกัดห้ามมิให้ที่ดินดังกล่าวสร้างอาคารสูงเกิน 5 ชั้น หรือ 23 เมตร เป็นเหตุให้คนมาเสนอราคาน้อย เพราะเอาไปใช้ประโยชน์ เช่น สร้างคอนโดมีเนียม สร้างตึกสูงกว่า 5 ชั้นไม่ได้ การประเมินมูลค่าที่ดินจึงต่ำ ต่อมาเมื่อการประมูลเสร็จ ที่ดินแปลงนี้ตกเป็นของคุณหญิงพจมาน ปรากฏว่ามีการยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวทันที ทำให้มูลค่าที่ดินพุ่งสูงขึ้นทันที

4.รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนั้น โดยคณะรัฐมนตรีได้ประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการของทุกปีให้เป็นวันทำราชการเพื่อเอื้อประโยชน์ในการโอนที่ดินผืนดังกล่าว เพราะกลัวว่าจะโอนไม่ทัน เนื่องจากเพิ่งมีการซื้อขายกันวันที่ 20 กว่าเท่านั้น ซึ่งถ้าโอนหลังสิ้นปี 2546 ภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนจะเพิ่มไปอีก 10 กว่าล้านบาท ถ้าโอนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2546 จะจ่ายค่าโอนเพียง 7 แสนบาท แต่ถ้าโอนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.47 จะเสียค่าโอน 15 ล้านบาท กรณีนี้ทำให้รัฐเสียประโยชน์กว่า 10 ล้านบาท

นายวีระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเด็ดที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องหนีโดยไม่กลับเมืองไทย เพราะว่าวันที่ตนไปเปิดคดีเมื่อวันที่ 8 ก.ค.51 นั้น เราได้มีทีเด็ด เพราะมีหลักฐานที่เก็บเอาไว้ไม่แพร่งพรายให้ใครรู้มาก่อน เราได้เปิดเผยต่อศาลในวันนั้น ทำเอาทนายทักษิณนั่งนิ่งงงเป็นไก่ตาแตก

หลักฐานเด็ดก็คือว่า เรามีหลักฐานเมื่อปี 2538 ที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้ไปซื้อที่ดินแปลงนี้จากบริษัท เอราวัณทรัสต์ ในราคา 1,800 ล้านบาท แต่กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ทำลายหลักฐานชิ้นนี้ทิ้งไป แล้วก็คิดว่าเราไม่มีหลักฐานชิ้นนี้ เขาไปทำหลักฐานใหม่ โดยเป็นหลักฐานปรับมูลค่าทางบัญชี ที่ดินแปลงนี้เลยเหลือราคาแค่ 300 กว่าล้าน แล้วเขานำมาสู้คดี บอกว่าที่ดินมูลค่า 300 กว่าล้าน คุณหญิงพจมานซื้อไป 772 ล้านบาท เขาไม่ขาดทุน

“แต่พ่อแม่พี่น้องครับ เรามีหลักฐานเด็ด วันนั้นทนายงงเลย แล้วเรายื่นศาลไปแล้วครับ เขาไม่สามารถหาหลักฐานมาคัดค้านได้ทัน”

นายวีระ กล่าวต่อว่า ที่ดินแปลงนี้มูลค่าเมื่อปี 2538 มูลค่า 1,800 ล้าน ถ้าขายในปี 2546 ต้องบวกภาษีเข้าไปร้อยละ 5 จาก 1,800 ล้าน จะกลายเป็น 2,800 ล้านบาท เพราะฉะนั้น ที่ดินแปลงนี้ต้องขายไม่ต่ำว่า 2,800 ล้านบาท แต่นี่ขายได้แค่ 772 ล้าน รัฐเสียหาบไป 2 พันกว่าล้าน นี่คือข้อมูลเด็ดของเรา

นอกจากนี้ ที่สำคัญในวันนั้นเราได้นำหลักฐานที่เป็นราคาประเมินที่ดินย้อนหลังแถวนั้น 12 ปี ไม่เคยราคาลกลงเลย เพิ่งจะลดลงในปี 2546 นั่นเอง จู่ๆ มาลดลงฮวบฮาบในปีนั้น

หลักฐานเด็ดอีกชิ้นหนึ่ง ก็คือหลักฐานที่บังคับเอาไว้ว่า หลักทรัพย์ของกองทุนฟื้นฟูห้ามขายขาดทุน อย่างนี้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จะเป็นอย่างไร วันนี้จะทราบว่าหลักฐานที่เราพยายามอย่างดีที่สุด ที่จะเอาทักษิณเข้าคุก

นายวีระ กล่าวต่อว่า คดีนี้ตนแจ้งความกองปราบวันที่ 28 พ.ค.2547 แต่ตำรวจไม่ทำอะไรเลย จนกระทั่งการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ไม่ได้หมายความว่าเราสนับสนุนการรัฐประหาร แต่การรัฐประหารได้ทำให้เกิด คตส.มาจัดการระบอบทักษิณ นี่คือสิ่งที่เราต้องจดจำเอาไว้ และนี่อาจเป็นคดีแรกคดีเดียวที่จะจัดการถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณโดยตรง และเป็นคดีแรกคดีเดียวที่จะเอา พ.ต.ท.ทักษิณเข้าคุก

นายวีระ กล่าวอีกว่า ตนได้ข่าว่า นปก.มันจะไปล้อมศาลฎีกาแต่เช้าวันที่ 21 ต.ค. เพื่อไม่ให้ศาลอ่านคำพิพากษา แต่เราก็ไม่ไปยุ่งอะไรปล่อยเป็นหน้าที่ของกฎหมาย ลองดูว่ามันไปล้อมศาล มันบังอาจข่มขู่ศาล จะดูว่าตำรวจไทยจะทำอย่างไร จะปล่อยให้ นปก.บังอาจไปข่มขู่ศาลหรือไม่ และมันเตรียมการก่อจลาจลเพ่อให้พวกมันก่อการปฏิวัติ แต่พวกเราไม่ต้องกลัว เราเป็นทหารของพระราชาชาทหารของพระราชินี เรามีหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินและมาทำบุญ